บทที่7 รับสมัคร   1/    
已经是第一章了
บทที่7 รับสมัคร
บทที่7 รับสมัคร พี่นถิงเปิดกระเป๋าผ้าสีน้ำเงิน เอาเงินออกมาหกร้อยเหรียญ ที่เหลือสี่ร้อยเก็บให้ตัวเอง วางไว้บนโต๊ะบอกกับหลี่หย่งจู้ว่า“ลุงหลี่ นี่เป็นเงินต้นและดอกให้ท่าน” หลี่หย่งจู้เห็นตอนเช้าพึ่งยืมออกไปห้าร้อยตอนนี้กับเพิ่มขึ้นมาหนึ่งร้อยก็แอบดีใจ ก็แอบสัญญาในใจว่าจะต้องติดตามพี่นถิงไปจนตาย ต้องรักษาร้านนี้ดีๆ “ขอบคุณครับ……เออ ท่านหญิง!”หลี่หย่งจู้เช็ดมือที่เสื้อ เก็บเงินดีๆ ดีใจตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะเรียกพี่นถิงอย่างไร ก่อนหน้านี้เรียกชื่อแต่ตอนนี้พอเห็นความสามารถนาง ตัวเองเทียบกับนางแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับเหว ดังนั้นพอจะเรียกชื่อก็อาจจะไม่สุภาพเท่าไหร่! “เหอะๆ ลุงหลี่ ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรียกชื่อข้าเหมือนเดิมนั้นแหละ ฟังแล้วดูสนิทกันดี”พี่นถิงยิ้มและพูดกับลุงหลี่ แต่ในใจก็รู้สึกโล่งขึ้นมากเลย การแข่งขันวันนี้เพราะอยากให้หลี่หย่งจู้เชื่อใจในตัวเองว่าตัวเองไม่ได้ตามผิดคน วันนี้พอเห็นแล้ว ข้อนี้ตัวเองทำได้แล้ว หลี่หย่งจู้ก็เรียกเหมือนเดิม: “เหอะๆ ได้ พี่นถิง!” พี่นถิงเอาเงินสองร้อยออกมาส่งให้โถงห่าว“เอาไปไถ่ตัวเจ้าที่เหลือเก็บไว้ใช้ที่บ้าน” “อ้า!ขอบคุณครับ!ขอบคุณท่านหญิงมาก!ขอบคุณเจ้าของร้านมาก!อ้า!ไม่ใช่สิ!ขอบคุณเจ้านายมาก เเหะๆๆ”โถงห่าวไม่คิดว่าพี่นถิงยังเอาเงินให้ตัวเอง รู้สึกดีใจอย่างมากรีบขอบคุณพี่นถิงไม่หยุด เงินไถ่ตัวของเขาแค่ยี่สิบเหรียญเท่านั้น ที่เหลือยังมีตั้งหนึ่งร้อยแปดสิบให้ที่บ้านอยู่ได้เป็นปีเลยล่ะ!ดูแล้ว วันนี้ตัวเองไม่เพียงโชคดีเท่านั้น แต่เป็นโชคดีคูณสองเลย! พี่นถิงพยุงโถงห่าวลุกขึ้นมา โถงห่าวยืนขึ้น “ไม่ต้องขุบคุณข้าหรอก ต่อไปถ้าข้ามีพวกเจ้าทั้งสองก็จะได้เหมือนกัน ไม่ต้องเรียกข้าเจ้านายด้วย เรียกข้าพี่นถิงก็พอแล้ว” “ไม่ได้นะครับ ข้าเรียกท่านว่าท่านหญิงดีกว่า!”โถงห่าวอายุมากกว่าพี่นถิงหลายปี ก็เลยไม่รู้ว่าจะเรียกนางอย่างไรดี อีกอย่าง เขาก็มองออกว่าเขากับหลี่หย่งจู้ก็สำคัญกับพี่นถิงเหมือนกัน ตัวเองจะทำผิดกฏเลยหน้าเลยตาเจ้านายไม่ได้ “ก็ได้ๆ”พี่นถิงไม่ห้ามอีก แต่ดูโถงห่าวแล้วเขาคงไม่ได้โกรธที่ตัวเองหลอกใช้เขาตอนกลางวันหรอกมั้ง พี่นถิงให้เขาสองร้อยก็เพื่อลบภาพที่หลอกใช้เขาออกไป ให้เขารู้ว่าตัวเองจะไม่หลอกใช้งานเขาอย่างเดียว จะโทษพี่นถิงที่คิดเยอะเรื่องพวกนี้ไม่ได้ เพราะยังไงวันนี้ก็เป็นนางที่หลอกใช้คนอื่น พี่นถิงคิดหน้าคิดหลังในเรื่องมนุษย์สัมพันธ์พวกนี้เสมอ ต่อมาพี่นถิงก็เตรียมตัวกลับบ้าน พอเดินถึงหน้าร้านก็หยุดและพูดกับหลี่หย่งจู้ว่า: “ลุงหลี่ รบกวนท่านหาบ้านเล็กๆในเมืองให้หน่อยสิ ข้าอยากจะพาท่านแม่และน้องชายมาอยู่ด้วย ข้าก็ไม่ต้องไปกลับอีก ยังประหยัดเวลาได้อีก” หลี่หย่งจู้ก็รีบพยักหน้าพูดว่า: “ได้ ข้าจะรีบจัดการให้ วางใจเถอะพี่นถิง” “เช่นนั้นก็รบกวนลุงหลี่มากนะเจ้าคะ” “ไม่ต้องเกรงใจหรอก” พอพูดเสร็จ พี่นถิงก็บอกลาทั้งสองและเดินกลับบ้านไป โม่เฟิงติดตามพี่นถิงไปตลอดทาง จนพี่นถิงกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ถึงจะกลับไปในตำหนักอ๋องซวย “ท่านอ๋อง วันนี้นางช่วยไถ่ตัวข้ารับใช้วันนี้ที่เป็นเจ้ามือ ยังให้คนผู้นั้นทำงานในร้าน นางยังอยากเช่าบ้านเล็กๆอยู่ในเมืองใกล้ร้านขนมนั้น”โม่เฟิงรายงานเรื่องของพี่นถิงให้ท่านอ๋องทั้งหมดไม่มีขาดตกบกพร่อง “เช่นนั้นข้างๆนั้นมีบ้านไหมล่ะ?” “อ้า?อ้อ มีบ้านจางหยวนว่ายที่จะออกขายพอดี ใกล้กับร้านขนมมาก เพราะแพงตอนนี้เลยยังว่างอยู่ เดี๋ยวข้าน้อยไปบอกกับจางหยวนว่ายให้เขาขายให้นางถูกหน่อย”โม่เฟิงเขาใจความหมายขงหนานกงลี๋ทันที กำลังจะไปกลับได้ยินเสียงหนานกงลี๋พูดว่า: “เจ้าไปซื้อมาส่งให้นาง” “อ้า?ครับ!” โม่เฟิงไม่รู้ว่าทำไมเจ้านายถึงถูกใจ“เด็กน้อย”แต่เจ้านายสั่งแล้ว ตัวเองก็ต้องทำตามหน้าที่ เช้าวันที่สองฟ้ายังไม่สว่าง หลี่หย่งจู้ก็ไปหาบ้านตามที่พี่นถิงสั่ง เอาป้ายที่สั่งทำติดหน้าร้าน “มู้ซินเค่อ”สามพยางค์เป็นสีทองแกะสลักไม้สวยงาม และตั้งตระหง่านอยู่หน้าร้าน มองเข้าไปในร้านยังมีตัวหนังสือเขียนว่า: ร้านขนมจะเปิดบริการในอีกครึ่งเดือนหลัง!รับสมัครพ่อครัว อาจารย์ทำขนม ลูกศิษย์ พนักงาน ให้เดือนละสามเหรียญขึ้นไป ฟ้าเริ่มสว่าง หน้าร้านขนมก็มีคนยืนรอกันเต็ม หลี่หย่งจู้ยืนอยู่หน้าร้านถูกผู้คนดึงมือไปมา แต่คำตอบที่ทุกคนได้คือ“รอคน!” พี่นถิงรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ร้านนี้จะต้องเป็นจุดเด่นอีกครั้ง วันนี้ต้องมีคนมาถามอะไรแน่นอน นี่ก็เป็นเหตุผลที่นางจัดการแข่งขันขึ้นมา ในบรรยากาศที่ผู้คนแก่งแย่งชิงกัน อยากจะดึงดูดผู้คนก็ต้องทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่น ตอนนี้ดูแล้วพี่นถิงก็ทำเรื่องนี้สำเร็จแล้ว เพราะหลีกเลี่ยงสิ่งกวนใจ พี่นถิงมาถึงก็เที่ยงแล้ว และแน่นอนคนที่อยากถามก็ไม่รอแล้ว ทุกคนต่างเดินออกไป เหลือแค่หกคนที่อยากเข้าทำงานยังคงรอไม่ไปไหน พวกเขารออย่างตั้งใจ พูดตามตรงคนที่อยู่เพราะหนึ่งอยากได้เงินเดือนนั้น สองเพราะอยากเรียนอาหารที่พี่นถิงทำเมื่อวาน ดูแล้วเด็กหญิงตัวผอมแรงน้อยคนนี้ไม่มีความสามารถอะไร แต่ทุกคนกลับต้องอิจฉา พวกเขาเห็นความสามารถนางมากับตา นับถือนางมากจริงๆ “เข้ามาพูดเถอะ!”พี่นถิงเดินไปดูทุกคน ยังนับว่าหน้าตาพอใช้ได้ ยังดี!ต้องรู้ว่าทำงานบริการ หน้าตาการแต่งกายสำคัญมาก! พอทุกคนเข้ามาในร้าน เข้ามาในห้องพี่นถิง ห้องนี้เป็นห้องทำงานของนาง ข้างในจัดธรรมดา มีแค่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ เตียงเตี้ยๆ เก้าอี้ยาวที่นั่งได้สามคนมีสองตัว เหมือนกับโซฟาของสมัยนาง พวกนี้เป็นรูปที่นางวาดคนเดียว ให้คนทำไม้ทำตามก็พอ พี่นถิงนั่งที่เก้าอี้ เห็นทุกคนยืนอยู่ พี่นถิงถึงนึกมารยาทที่นี่ได้ คนทำงานอยู่ต่อหน้าเจ้านายจะนั่งไม่ได้ ต้องยืนอย่างเดียว “นั่งเถอะ นั่งลงแล้วค่อยพูด”พี่นถิงเรียกทุกคนนั่งลง ทั้งหกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก แต่กลับไม่มีใครกล้านั่งเลย พวกเขาคิดว่านี่คงเป็นการทดสอบพวกเขา ถ้านั่งลงไปก็จะกลายเป็นว่าไม่มีมารยาท อาจจะโดนไล่ออกไปเลยก็ได้! “ทำไม?คำขออันแรกของข้าก็ทำไม่ได้งั้นเหรอ?”พี่นถิงยกคิ้ว เหมือนหน้ายังยิ้มแต่นางก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว มีคนหนึ่งในนั้นก็มีความกล้าหน่อยเอาเก้าอี้และมานั่งทันที ที่เหลือก็นั่งลงตาม แต่ตอนนี้ทุกคนต่างใจสั่นกันหมด มาที่นี่ทำงาน ได้เงินเดือนสูง ยังนั่งลงพูดกับเจ้านายได้อีกเหรอ ดีมากเลยแต่ยังไงพวกเขาก็ยังใจสั่นตื่นเต้นอยู่ก็เลยนั่งตัวตรงกันหมด มือก็ไม่รู้จะว่างในท่าไหน พี่นถิงก็ไม่ได้สนใจท่าทางพวกเขา ก็เข้าเรื่องทันที“พูดสิว่าพวกเจ้ามาสมัครงานในตำแหน่งไหน” “……” ทุกคนต่างไม่พูดจา พี่นถิงมองตาโตถามต่อว่า: “พวกเจ้าเป็นคนใบ้กันเหรอ?” “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ข้าพูดเป็น” “เช่นนั้นทำไมไม่มีคนตอบคำถามข้า?” “เออ คือว่า เจ้านาย ข้าไม่เข้าใจว่าท่านพูดอะไร?” อั้ยหย่า!ลืมไปตอนนี้กับตอนนั้นไม่เหมือนกัน แต่คำนี้ควรจะพูดยังไงล่ะ ถามว่าพวกเขามาสมัครงานไม่ตำแหน่งไหน?ใช่สิ พี่นถิงนึกคำธรรมดาขึ้นมาได้ว่า: “ข้าจะถามว่าพวกเจ้ามาที่นี่ จะทำงานอะไร?” “อ้า!ข้าอยากเรียนสับมันฝรั่ง” “ข้าอยากเรียนทำอาหาร” “ข้าก็เหมือนกัน!” “ข้าก็ด้วย!” ทุกคนต่างพูดเหมือนกันหมด เพราะพี่นถิงทำอาหารเมื่อวาน ทุกคนต่างมาเพราะอยากเรียนทำกัน
已经是最新一章了
加载中