บทที่ 4 มัดมือชก   1/    
已经是第一章了
บทที่ 4 มัดมือชก
“เหนื่อยไหม ทิชา” หญิงสูงอายุเจ้าของร้านเดินเข้ามาพร้อมกับซองขาวที่นันทิชาได้รับเป็นสดกลับมาเหมือนเช่นทุกๆ วัน สาวน้อยยิ้มส่ายหน้าพลางยื่นมือรับซองมาวันนี้ที่ร้านลูกค้าไม่น้อยเลยทีเดียว นันทิชากวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อนร่วมงานต่างพากันเปลี่ยนชุด บ้างเตรียมเดินเข้ามารับเงิน บ้างแต่งแต้มใบหน้าหลังจากเสร็จงาน พนักงานเสิร์ฟสี่คนไม่สามารถต้อนรับลูกค้าได้ดีเท่าที่ควร แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ลูกค้าถึงกับไม่พอใจ พนักงานคนใหม่ที่พี่รินรับเข้ามาจะเริ่มทำงานในอีกสามวันข้างหน้าถ้าเวลานั้นมาถึง นันทิชาและเพื่อนร่วมงานจะมีคนมาช่วยแบ่งเบาและเหนื่อยน้อยลงกว่าเดิม ห้าทุ่มคือเวลาเลิกงานของเด็กสาวที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความฝันมันไม่หรูหราสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับเธอนั้นเธอเรียกมันว่า “โอกาส” ก่อนที่ความคิดนั้นจะจางหายนันทิชาหันไปเห็นเพื่อนรักอย่างพริมกลับโผล่หน้ามาหาเธอในเวลานี้ หญิงร่างอวบเดินวนรอนันทิชาอยู่หน้าร้าน ในความเป็นจริงเพื่อนตัวแสบนั้นควรกลับบ้านไปหลังเลิกเรียน แต่ทว่ากลับมาทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ในเวลานี้ นันทิชาเดาได้ทันที ว่าหญิงร่างอวบจะต้องหาทางทำเรื่องแปลกๆ อีกเป็นแน่ “นั่นไง เพื่อนของเธอมารอแล้ว” หญิงเจ้าของร้านหันมายิ้มบอกนันทิชา หลังจากดูพฤติกรรมของหญิงร่างอวบไม่นานนัก “ถ้าอย่างนั้น ทิชาขอตัวกลับนะคะ” นันทิชาหันมาบอกเจ้านายด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยความเกรงใจ ก่อนที่หญิงเจ้าของร้านพยักหน้ายิ้มรับ พร้อมกับหันไปหยิบสลัดผักที่ห่อไว้อย่างดี ยื่นให้ “เอาไปกิน เหลือไว้ก็ทิ้งเปล่าๆ ” มือเรียวเล็กเอื้อมไปหยิบพลางก้มตัวลงเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะพี่ริน” ก่อนจะยกมือไหว้ ด้วยมารยาทที่นอบน้อม “นี่ ช้า ๆ หน่อยสิ เธอจะพาฉันไปไหนพริม!” นันทิชาหยุดเดินเมื่อถูกเพื่อนสาวกึ่งจูงกึ่งลากเธอ ตั้งแต่หน้าร้านและมาหยุดตรงฟุตบาทริมถนน “แท็กซี่” พริมกวักมือเรียกแท็กซี่ คันที่วิ่งมาถึง โดยทำเหมือนไม่ได้ยินคำถามของนันทิชา สาวร่างอวบเปิดประตูรถได้ จึงหันมาจับร่างของนันทิชายัดเข้ามานั่งในรถทันที ตามด้วยตัวอวบอ้วนของเธอพยายามเบียดดันร่างบางของนันทิชาจนเธอต้องขยับเข้ามาด้านใน “ปัง” เสียงปิดประตูดังขึ้น บรรยากาศเงียบมีเพียงเสียงเพลงคลอเบาๆ เท่านั้น พริมค่อยๆ หันมองหน้าเพื่อนอย่างเฝื่อนๆ หลังพบกับดวงตากลมโตที่เวลาไม่พอใจยิ่งทำให้ดูน่ากลัว หญิงสาวผู้ทำผิดกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ “วันนี้ฉันจะพาเธอไปปลดปล่อยไง” พริมละล่ำละลักพูดแก้ ให้ตัวเองพ้นผิดแบบติดๆ ขัดๆ “แล้วทำไมต้องลากฉัน นี่มันดึกมากแล้วนะพริม” ถึงแม้นันทิชาจะไม่แสดงอาการโกรธออกมาอย่างชัดเจน แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นทำให้คนอวบก้มหลับตาปี๋ “ก็ถ้าบอกเธอตรงๆ เธอก็ไม่ไปน่ะสิ เดี๋ยวเธอก็อ้างโน่นอ้างนี่ อ้างว่าเปลืองค่ารถ ไม่ไปกับฉันอีก” พริมพยายามรวบรวมความกล้าก้มหน้าก้มตาพูด แม้ในใจไม่ได้รู้สึกผิดอะไรมากมายนัก เพียงแต่เวลานี้บีบคั้นหัวใจช่างชวนอึดอัดจนบรรยายไม่ถูก “แล้วมันสำคัญอะไรขนาดที่เธอต้องลากฉันมา แล้วยังจะขึ้นแท็กซี่อีกไม่เสียดายเงินบ้างหรือ” นันทิชามองหน้าเพื่อนสาวที่พยายามก้มหลบหน้าหลบตา “ถ้าไม่ขึ้นแท็กซี่ก็ไปไม่ทันพอดี ก็ฉันบอกป้าให้เตรียมของไว้หมดแล้ว แล้วถ้าฉันพาเธอไปไม่ได้ ป้าจะต้องเสียใจ” พริมให้เหตุผลเพื่อให้นันทิชาเห็นใจป้าของตน และยอมไปแต่โดยดี ซึ่งคนอวบไม่ต้องการฟังคำถามที่น่าอึดอัดเช่นนี้ ความจริงแล้วพริมผู้หญิงแสนสดใสร่าเริงเพียงแค่ต้องการปลดปล่อยหลังสอบเสร็จเท่านั้น แต่เหตุผลเท่านี้ไม่เพียงพอที่นันทิชาจะฟังหล่อน คนถูกลากมาได้แต่ถอนหายใจเมื่อถูกเพื่อนรักมัดมือชก คนอวบมักจะทำอะไรตามใจตัวเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของนันทิชา “จอดหน้าบ้านหลังนี้แหละค่ะ” เสียงพริมบอกคนขับ พลางยื่นมือจ่ายเงินค่าโดยสาร นันทิชาจึงหันมองเข้ามายังตัวบ้านอย่างแปลกตา บ้านหลังใหญ่โตเปิดไฟสว่างจ้าเกือบทั้งหลัง พอให้เห็นสวนหน้าบ้านและรอบๆ ถูกจัดแต่งอย่างดีแสดงถึงการเอาใจใส่ของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก หญิงสูงอายุที่ยืนรออยู่ในรั้วเห็นเป็นจังหวะดี จึงเปิดรั้วให้ทั้งสองสาวเดินเข้าไป โชคดีที่เวลานี้แม่บ้านอีกคนพักผ่อนได้พักผ่อนไปแล้ว “สวัสดีค่ะ” นันทิชายกมือไหว้ ผู้สูงอายุยิ้มละมุนและรับไหว้แบบฉบับผู้ใหญ่ใจดี ก่อนจะหันมองซ้ายและขวาเพื่อสังเกตด้วยกลัวว่าจะมีใครมาพบเข้า “ทั้งสองคนตามป้ามานะ” ป้านารีบพาหลานและเพื่อนเดินอ้อมเข้ามายังเรือนคนใช้ นันทิชาสังเกตบริเวณรอบบ้าน ข้างนอกว่าใหญ่โตแล้ว ข้างในนั้นใหญ่โตยิ่งกว่า มีบ้านพักรับรองอีกสองหลังแยกออกจากเรือนใหญ่ ทางเท้าที่เดินเข้ามาปูด้วยหินอ่อน ขนาดเรือนคนใช้ที่เห็นด้านหน้า ยังดูสะอาดสะอ้าน ต้นไม้ทุกมุมถูกจัดแต่งอย่างสวยสดงดงาม ทำให้บ้านทั้งหลัง ร่มรื่นและน่าอยู่เป็นอย่างมาก แสงไฟยามค่ำคืนเป็นแสงสีส้มละมุน อย่างกับหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เสียงโทรศัพท์มือถือทำให้แทนคุณละจากการสนทนากับพนักงานของบริษัทอยู่ในร้าน พลางล้วงกระเป๋ากางเกงด้านข้างหยิบมือถือที่กำลังสั่นขึ้นมา กดรับ “ครับ ม่าน” เขาหมุนเก้าอี้ตัวโปรดหันไปอีกด้านหนึ่ง “แทนอยู่ไหนคะ ออกมาทานข้าวเย็นกับม่านได้ไหม” เสียงปลายสาย ทำให้แทนคุณหลุดยิ้มออกมาอย่างง่ายดาย โดยไม่สนใจพนักงานที่กำลังร่วมคุยงานอยู่อีกสองถึงสามคน ซึ่งต่างมองหน้าแล้วพากันอมยิ้ม พวกเขารู้ได้ในทันทีว่าเจ้านายสนทนากับผู้หญิงคนใดโดยไม่ต้องเอ่ยถาม “ม่านมาที่ร้านสาขาสามของผมได้ไหมพอดีผมติดคุยงานอยู่” แทนคุณพยายามเก๊กหน้านิ่ง เมื่อหันไปสบตากับพนักงานหนึ่งในนั้นกำลังอมยิ้มกรุ้มกริ้มมองเขาอยู่ “ได้ค่ะ ม่านกำลังออกจากบ้าน ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่ร้านนะคะ” “ครับ” แทนคุณหันกลับไปคุยงานต่อ แม้จะมีเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ดังประโคมเข้ามาหลังจากวางสายเพื่อนสาวไป แต่เขาก็สามารถจัดการกับพนักงานจอมจุ้นพวกนั้นได้อยู่หมัดเพื่อคุยงานต่อจนแล้วเสร็จ หลังจากนั้นหันมารอเพื่อนสาวอยู่บนโซฟาหรูในร้าน
已经是最新一章了
加载中