บทที่ 282 ยอดฝีมือขั้นเก้า1   1/    
已经是第一章了
บทที่ 282 ยอดฝีมือขั้นเก้า1
บทที่ 282 ยอดฝีมือขั้นเก้า1 ซินเหยาถาม “ในจดหมายบอกว่าอะไร” ชีวหยูนตอบ “ในจดหมายเขียนว่าเสนาบดีช่วยหานายท่าน เพราะข้าไม่อยู่ พวกเขาสามคนก็เข้าเมืองเพื่อไปยุ้งฉางร้างและพบอัครเสนาบดีแล้ว ถ้าข้าอ่านจดหมายนี้แล้วต้องรีบไปสมทบกับพวกเขา” ซินเหยาถาม “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาเกิดเรื่องแล้ว” ชีวหยูนกล่าว ตอนที่ข้าไปที่ยุ้งฉางนั้น กลับเงียบไม่มีการเคลื่อนไหว และด้านนอกยังมียอดฝีมือเฝ้าอยู่หลายคน ข้าสื่อแอบเรียกพวกเขาแต่ไม่ตอบกลับมา ถ้าพวกเขาอยู่ที่นั่นต้องตอบข้ากลับแล้ว พวกเราเกิดเรื่องแน่นอน ไม่ถูกฆ่าก็ถูกจับ” ซินเหยากล่าว “พวกเขาสามคมมีวรยุทธแกร่งกล้า คงไม่ถูกจัดการง่ายขนาดนั้นกระมัง” ชีวหยูนกกล่าว “วรยุทธแม่ทัพคู่ของเสนาบดีแกร่งมาก ได้ยินว่าตอนเสนาบดีเรียกพวกข้ากลับไป ยังเชื่อในฝีมือของพวกข้า จึงให้ผู้มีฝีมือมาทดสอบวิทยายุทธของพวกเขา ผลปรากฏว่าพวกเขาต่อสู้ท่าเดียวก็พ่ายแพ้ให้กับยอดฝีมือเพียงคนเดียว” ซินเหยากล่าว “ครั้งเดียวงั้นรึ ร้ายกาจนัก” ชีวหยูนถาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่ายอดฝีมือผู้นั้นเป็นใคร” ซินเหยากล่าว “สู้กระบวนท่าเดียว หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับเก้าของตระกูลถางเปิ่นที่มีนามว่าถางเปิ่นกาง” ชีวหยูนแอบพยักหน้า “ถางเปิ่นกางนั่นแหละ ตอนนั้นถางเปิ่นขุยยิ้มพูดว่าเขาถางเปิ่นกางทำให้คนพ่ายแพ้ได้ด้วยพันกระบวนท่า ในโลกนี้มีคนมีความสามารถเช่นนี้ไม่เกินห้าคน ด้วยวรยุทธของพวกเขา นอกจากยอดฝีมือขั้นเก้าระดับปรมาจารย์แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดเหนือเขาได้” ซินเหยากล่าว “เช่นนั้นคืนนี้ชายลึกลับทั้งสามคนปราบแม่ทัพพวกนั้นจนแพ้น่ะซี” ชีวหยูนกล่าว “ถางเปิ่นขุยถึงสงสัยชายลึกลับพวกนั้น แล้วเป็นยอดฝีมือวัยหนุ่มเสียด้วย” ซินเหยาอึ้งไปทันที ผู้มีฝีมือระดับเก้ามีน้อยมาก การมีอยู่ของพวกจึงเป็นความลับในราชวงศ์ส้ง เพราะการจะเป็นผู้ฝีมือระดับเก้านั้นยากเย็นยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ ประการแรก สิ่งที่จำเป็นคือต้องเริ่มฝึกวรยุทธ์ ฝึกลมปราณเนื้อภายในให้แข็งแกร่ง ประการที่สอง ต้องเป็นคนเหนือคน ต้องมีพรสวรรค์อย่างมาก ถึงจะสามารถแสดงความสามารถออกมาได้เต็มที่ ประการที่สาม ต้องฝึกฝนวิชาเร้นลับชั้นสูง จอมยุทธ์มีมากมายในโลก วิชากระบี่ วิชามีด วิชากระบอง อาวุธลับ มีดสั้น แท่งเหล็ก ปืนยาว อาวุธส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาวุธลับ ต้องมีวิทยายุทธสูงและลึกลับถึงจะเข้าถึงวิชาขั้นสูงสุดซึ่งเกินขีดจำกัดของคนทั่วไป นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้สามในสี่ปรมาจารย์ตั้งตัวเป็นตระกูลขุนนาง ตระกูลขุนนางสั่งสมประสบการณ์มารับร้อยปี ความก้าวหน้าและการศึกษาทุกรุ่นทุกสมัย ฝึกฝนวรยุทธถึงแดนที่ใกล้สมบูรณ์แบบ สามคนนี้ยังไม่พอ คนที่สี่ก็สำคัญ นั่นก็คือพลัง มิทลายพันธนาการ ก็ยากจะเข้าถึงขั้นสูง และทั้งแปดคนนี้เขาถึงขั้นสูงสุดของมนุษย์แล้ว ผู้มีฝีมือมากมาย อย่างแม่ทัพ ถางเปิ่นขุย โจว๋เจ้าฉี ทลายได้ถึงขั้นเจ็ด นับว่ามีพลังดี จนกระทั่งโจว๋หวูนเฟิงทลายแดนจากระดับขั้นเจ็ดจนถึงขั้นแปดอย่างรวดเร็ว โจว๋หวูนเฟิงนับเป็นลูกศิษย์ตัวอย่างที่ดี เขาออกตัวดี คุณสมบัติสูง พึ่งอายุยี่สิบก็สามารถได้ถึงระดับเจ๊ก และคนรุ่นหลังที่ทลายเข้าสู่ขั้นระดับเจ็ดได้เร็วมาก หากไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน ภายในสามปีเขาจะเป็นผู้มีฝีมือวัยหนุ่มขั้นระดับแปด ไม่เกินสามปีได้เป็นผู้มีฝีมือนับว่าน้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าไม่มี โจว๋หวูนเฟิงไปไกลกว่าคนรุ่นเดียวกัน ถ้าหากอนาคตยังราบรื่น เข้าขั้นสูง..... อายุประมาณสี่สิบจะเป็นผู้มีฝีมือมีพลังระดับขั้นเก้า พลังและคุณสมบัติจะค่อยๆขยับ อย่างพวกถางเปิ่นขุย โจว๋กงฟู่ โจว๋เจ้าฉี กว่าจะเข้าถึงพลังระดับเก้าสำเร็จ อายุก็เข้าห้าสิบแล้ว แต่จะทะลวงพันธนาการจนกลายเป็นผู้มีฝีมือระดับเก้าได้นั้น กลับเป็นปัญหาใหญ่มากที่สุด ผู้มีฝีมือระดับแปดนับไม่ถ้วน ฝึกฝนมานานนับสิบปีแม้กระทั่งชั่วชีวิต สุดท้ายผู้ฝึกเกือบทั้งหมดที่จะเข้าขั้นระดับเก้า ถอดใจล้มเหลวในความพยายามครั้งสุดท้าย จิตขวัญกระเจิง ผู้ฝึกระดับสูงขั้นแปดเกือบพันคน มักมีเพียงคนเดียวที่เข้าถึงขั้นระดับเก้า คนอื่นๆถูกบังคับให้เป็นผู้เสียสละและตายในสงคราม เพราะพันธนาการในช่วงขั้นแปดน่ากลัวมากเกินไป ผู้ที่ผ่านไปได้ยิ่งน้อย ผู้ที่พ่ายแพ้มีจุดจบต้องถูกเผาทำลาย ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกในระดับแปดมากมายไม่ต้องการอยู่ในสภาพเช่นนั้น ยอมที่จะอยู่ในขั้นแปด ไม่ขึ้นขั้น ยอมสั่งสมประสบการณ์ทำสงครามและความสำเร็จในชีวิตอันยาวนาน เพื่อยกระดับกำลังของตน..... แต่กำลังประเภทนี้ กลับเป็นสิ่งที่เล็กน้อยมาก ถางเปิ่นขุยกับโจว๋เจ้าฉี ไม่ว่าจะเป็นคนไหน ก็ถือยอดชนะในกลุ่มผู้ฝึกขั้นแปด แต่ เมื่อได้พบผู้ฝึกระดับสูงขั้นเก้า.... ผู้ฝึกระดับเก้าทั่วไป พวกเขาไร้พลังต่อต้าน ทุกระดับขั้น ทลายความรู้วิทยายุทธทั้งหมด พลังจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจนถึงระดับร้อยเท่า
已经是最新一章了
加载中