ตอนที่22 การจากไป
1/
ตอนที่22 การจากไป
หัวใจอสุเรศ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่22 การจากไป
ตอนที่22 การจากไป ลมพัดเสียงซู่ๆจากข้างนอก พัดจนเธอรู้สึกสั่นๆ เธอยืนอยู่ตรงนั้นเพียงครู่ ก็เดินกลับเข้าห้องตัวเอง โม่ฉีหมิงมองไล่หลังของโล่หวินหลานจนลับตา หัวใจเหมือนโดนบีบคั้นเอาไว้ แต่ว่าหน้ากากที่สวมไว้ไม่สามารถบ่งบอกอารมณ์ของเขาได้เลย โม่ฉีหมิง หึ! ในลำคอ พลางเรียก “เย่หวิน ฉินหยิ่น ข้ามีเรื่องจะถามพวกเจ้า วันนี้พระชายาไปไหนมา?” เย่หวินกับฉินหยิ่นก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ทั้งสองมองตากันครู่หนึ่ง เจ้านายถาม มีหรือจะไม่ตอบ เย่หวินตอบกลับ “ตอนที่ท่านลงจากเขามาท่านก็โดนยาพิษสลบไปแล้ว ในขณะที่พระชายาไปหายาถอนพิษให้ท่าน ก็พบว่ายังขาดชิงตั้ยหนึ่งอย่าง ก็ได้ออกไปตามหายา ตอนนั้นข้าและฉินหยินได้ดื่มชาที่พระชายาเทให้และได้สลบไป ตอนที่พวกข้าฟื้น ก็หาพระชายาไม่เจอแล้ว และตอนมี่หาพระชายาเจอ พระชายาก็กำลังอยู่กับเวินอ๋องแล้ว และเวินอ๋องยังกล่าวอีกว่า……ว่า……” เย่หวินอ่ำๆอึ้งๆ โม่ฉีหมิงเงยหน้าขึ้นมอง “เขาพูดว่าอะไร” “เวินอ๋องพูดว่า พระชายาเป็นคนของเขา วันนั้นออกไปเพื่อไปนัดเจอกับเขา” เย่หวินพูดจบก็ก้มหน้าไม่กล้าสบตามองเขา สายตาของโม่ฉีหมิงยิ่งอยู่ยิ่งเย็นยะเยือก มือที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ผ้าห่มกำแน่น ไม่มีใครสามารถรับรู้อารมณ์ของเขาที่ถูกฉาบไว้ภายใต้หน้ากากได้ ทั้งสองต่างแค่รับรู้ว่าบรรยากาศรอบๆตัวถูกห้อมล้อมไปด้วยรังสีอำมหิตบางอย่าง นานทีเดียว กว่าโม่ฉีหมิงจะระงับความอยากฆ่าคนในตอนนั้น เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็ง “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าออกไปเถอะ” เย่หวินกับฉินหยิ่นไม่แม้แต่จะกล้ายืนตรงนั้นแม้เพียงเสี้ยววินาที โค้งคำนับเสร็จก็รีบออกจากห้องทันที ทั้งสองเดินออกมาจนถึงสวนด้านหลังของจวนท่านอ๋อง สะพานเล็กๆบนสระน้ำ ลมพัดเอ่ยเบาๆพัดผ่านผิวน้ำสีฟ้าครามน้ำในสระไหวระลอกเป็นคลื่นๆ เย่หวินหยุดเดินกะทันหัน หันหลังกลับไปมองฉินหยิ่น “เจ้าว่า ข้าพูดมากไปรึป่าว? ถ้าท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องผิดใจกันขึ้นมา นั่นมันก็เป็นของความผิดข้าน่ะสิ” หลังจากฉินหยิ่นได้ยินคำกล่าวโทษตัวเอง มุมปากกระตุกยิ้มเบาๆ “คนอย่างเย่หวินฟ้าดินไม่กลัว ก็มีวันที่กลัวเหมือนกัน ข้าควรยินดีฉลองกับประโยคที่ข้าได้ยินเมื่อครู่ดีไหม?” เย่หวินแกล้งทำท่าโมโห หันหลังเตรียมก้าวเท้าออกจากตรงนั้น ฉินหยิ่นที่อยู่ข้างหลังรีบก้าวตามไปสกัดกั้นข้างหน้านางไว้ เห็นนางไม่มีท่าทีว่าจะเดินต่อไปแล้ว พูดขึ้น “ไม่ใช่แน่นอน พวกเราเป็นองค์ขารักของท่านอ๋อง ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้สุดความสามารถอยู่แล้ว มีเรื่องอะไรก็ควรพูดไปตามความจริง ไม่มีอะไรผิดหรือถูก มีแต่การให้เท็จต่อท่านอ๋องที่เป็นเรื่องผิด” พอฟังคำปลอบจากฉินหยิ่นแล้ว ก็ทำให้นางสบายใจขึ้น คิดไปคิดมาแล้วท่านอ๋องกับพระชายาต่างมีใจให้กันอย่างลึกซึ้ง ไม่น่าจะเพราะเรื่องแค่นี้ทำให้โกรธกันได้ ภายในห้องโม่ฉีหมิงยังคงอยู่ในลักษณะท่าทางเดิม ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ท้องฟ้าภายนอกหน้าต่างเริ่มมีหมอกลงจางๆ เขาถึงขยับเปลี่ยนท่านั่ง แล้วเอนหลังนอนกลับไปใหม่ พ่อบ้านเป็นคนเตรียมอาหารเย็นของวันนี้ โม่ฉีหมิงกำลังหลับตาลงซ่อมแซมกำลังภายใน ที่หลังจากโดนวางยา ก็รู้สึกว่ากระปรี้กระเปร่าขึ้น เลือดไหลเวียนในร่างกายดีขึ้นจากเดิมมาก “ท่านอ๋องขอรับ ได้เวลาเสวยพระกายหารแล้วขอรับ ข้าให้ห้องครัวทำอาหารอ่อนๆ ข้าวต้มที่ทำให้เจริญอาหาร ท่านพึ่งฟื้น เสวยกายหารไปแล้วน่าจะทำให้ท่านรู้สึกสบายตัวขึ้น” พ่อบ้านทราบดี ว่าโม่ฉีหมิงพึ่งฟื้น ไม่น่าจะชอบของมันเลี่ยน “พระชายาล่ะ? ทำไมนางไม่มาด้วย? นางทำอะไรอยู่?”พอโม่ฉีหมิงได้ยินเสียงของพ่อบ้าน ก็ลืมตาขึ้นเบาๆ “เรียนท่านอ๋อง พระชายาตอนนี้พำนักอยู่ที่ตำหนักเฟิงเฮ๋อ ประตูถูกปิดเอาไว้ทั้งวัน โดยไม่มีท่าทีว่าคนข้างในจะออกจากห้องขอรับ” พอโม่ฉีได้ยินเรื่องที่พ่อบ้านพูดแล้ว ก็ยิ้มเย็นเบาๆขึ้นมา นางไม่กล้าพบข้าอย่างนั้นเชียวหรือ? เขาเงยหน้ามองพ่อบ้าน ไฟลุกพล่านขึ้น “ไปเรียกพระชายามาพบข้าเดียวนี้” พ่อบ้านได้ยินอย่างนั้น ก็รีบวางถาดอาหารไว้ตรงโต๊ะ หันหลังกลับรีบเดินไปที่ตำหนักของโล่หวินหลานทันที ด้านโล่หวินหลานกำลังนั่งเหม่อลอยรับลมอยู่ริมหน้าต่าง มองกระแสลมที่พัดตกกระทบต้นไม้สั่นไหวเบาๆ ลมพัดไปมาทำให้ผมของนางปรกหน้าลงมาเล็กน้อย เส้นผมอันอ่อนนุ่มสีดำคลับพัดไปมาโดนมุมปากอันเฉียบบางของนาง นางเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ สามารถนั่งเหม่อริมหน้าต่างทั้งวัน ไม่รู้ว่านั่งตรงนั้นมาทั้งวันแล้ว นางก็อย่างเป็นโล่หวินหลานผู้เย็นชา ความรักระหว่างหนุ่มสาวไม่สามารถสกัดกั้นนางไว้ได้ แล้วนางก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉย ทีนใดนั้นก็มีเสียงของพ่อบ้านดังมาจากข้างนอก “พระชายาขอรับ ท่านอ๋องเรียกเข้าไปพบขอรับ” “ข้ารู้แล้ว” โล่หวินหลานจัดระเบียบเส้นผมที่ปรกหน้าทัดไว้ข้างหู จึงเดินเปิดประตูออกจากเดินไปทิศทางของห้องโม่ฉีหมิง ภายในห้องเงียบสงัด มีเพียงเทียนหนึ่งเล่มที่ถูกจุดอยู่กลางห้อง เปลวไฟจากเทียนกระพริบไหวไปมา โล่หวินหลานเดินไปข้างหน้าของโม่ฉีหมิง ชำเลืองตามองดูคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า โม่ฉีหมิงมองหน้าที่เรียบเฉยไม่มีสีหน้าอารมณ์ใดๆปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง โม่ฉีหวั่นไหวต่อใบหน้าอันงดงามของนางก็ไม่แปลก และแล้วเหตุการณ์นารีล่มเมืองก็เกิดขึ้นกับเขาจนได้ “นั่งลง ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า” โม่ฉีหลานจ้องไปที่ตาของโล่หวินหลานไม่วางตา แต่นัยน์ตากลับมองเลยผ่านร่างข้าไป โล่หวินหลานมองไปที่อื่น น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยขึ้น “ไม่ล่ะ มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมาเถอะ นั่งไปก็อาจจะพูดอะไรไม่ออกก็ได้” โม่ฉีหมิงอิงลงไปบนหมอน สีหน้าไม่ค่อยดี แต่ดีขึ้นกว่าตอนฟื้นขึ้นมาตอนนี้ใบหน้าเริ่มเลือดฝาดแล้ว “เจ้าวางยาสลบเย่หวินกับฉินหยินแล้ว หลังจากนั้นเจ้าไปทำอะไรมา? ชิงตั้ยที่มีคนตามหาทั่วเมืองแล้วไม่มี เจ้าไปหาได้จากที่ไหน? แล้ว” โม่ฉีหมิงพูดจบ น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ข้าไม่เคยแตะต้องเจ้าเลย……” “พอได้แล้ว!” โล่หวินหลานพูดขัดขึ้นมาโดยไม่รอให้โม่ฉีหานถามจบ หันหลังให้เขาทันที พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร่าว “หากท่านอยากรู้เรื่องพวกนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด” นัยน์ตาของโม่ฉีหมิงยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชาขึ้น วันนี้เขาโกรธไปหลายครั้ง อดทนมาหลายครั้ง ความผิดหวังหลายครั้งที่พบเจอ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะโล่หวินหลาน แต่นางกลับไม่พูดอะไรกับเขาเลย ถึงแม้จะเป็นเรื่องโกหก เขาก็พร้อมจะเชื่อ แต่นางกลับไม่ยอมพูดอะไรเลย แค่คำโกหกก็ไม่แม้แต่จะพูด โม่ฉีหมิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าก็รู้ว่าโม่ฉีหานไม่ใช่คนดีอะไร คิดไม่ซื่อกับเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้าเชื่อลมปากคนอย่างเขา ถึงเวลานั้นเจ้าจะเสียใจ” โล่หวินหลานไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยมานานขนาดนี้จะพูดกับนางอย่างนี้ นางคิดมาโดยตลอดว่าถึงแม้คนทั้งโลกจะไม่เข้าใจนาง แต่อย่างน้อยก็โม่ฉีหมิงที่อยู่ข้างนาง” หากแต่ว่า ตอนนี้แม้แต่เขายังไม่เชื่อใจนาง นางท้อใจเหลือเกิน สายตาของโล่หวินหลานมีความผิดหวังมาก เสียดายโม่ฉีหมิงไม่สังเกตเห็น “ท่านอยากจะคิดยังไงมันก็เรื่องของท่าน” โม่ฉีหมิงไม่ชอบท่าทางของนางที่ไม่ใส่ใจกับอะไรทั้งสิ้น เขาเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ “เจ้าชอบโม่ฉีหานอย่างนั้นเชียว?หรือพวกเจ้าทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนอะไรกัน?” “เรื่องทั้งหมดก็อยู่ข้างหน้าท่านแล้ว ท่านอ๋องจะคิดยังไง ก็เป็นไปตามที่ท่านคิดนั่นแหละ หากท่านไม่เชื่อใจข้า ถึงข้าจะพยายามอธิบายอะไรไป มันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี” โล่หวินหลานเอ่ยอย่างเฉยชา โม่ฉีหมิงหวังจะได้คำอธิบายจากปากนาง แต่ถ้ากลับมาเพียงคำตอบเมื่อครู่ เขาปัดอาหารบนโต๊ะทิ้งอย่างรุนแรง “ไหนเมื่อคุยกันแล้วหาความไม่ได้ เจ้าก็ออกไปซะ” โล่หวินหลานนัยน์แดงกร่ำด้วยความผิดหวัง หากแต่โม่ฉีหมิงยังอยู่ในห่วงอารมณ์คลุกรุ่น น่าเสียดายทั้งคู่ไม่สังเกตซึ่งกันและกันในตอนนั้น โม่ฉีหมิงไล่นางออกไป นางก็จะออกไป ถ้าหากแม้ก้าวเท้าออกจากห้องนี้ไปแล้ว นางก็จะไปกลับเข้ามาเหยียบซ้ำอีกเป็นอันขาด โล่หวินหลานก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ก้าวเดินออกจากห้องอย่างคนไร้วิญญาณ ก้าวแต่ละก้าว ทำให้นางเจ็บปวดใจยิ่งนัก นางเคยคิดว่าเมื่อก่อน นางเป็นคนเยือกเย็น หัวใจดังเหล็กกล้า ฟันแทงไม่เข้า ทำไมวันนี้ถึงเจ็บปวดเยี่ยงนี้” โล่หวินหลานแนออกจากจวนท่านอ๋อง ท้องฟ้าข้างนอกก็เริ่มมืดลงแล้ว ในเมืองเริ่มจุดโคมไฟเป็นจุดๆ พึ่งรู้สึกว่าตัวเองเดินออกจากจวนท่านอ๋องแล้ว ไร้จุดหมายไม่มีที่ไป นางเดินไปหยุดที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ยังไงซะนางก็มีเงินติดตัวอยู่แล้ว นางไม่มีที่ไปอยู่แล้ว เปิดห้องที่โรงเตี๊ยมก็ไม่เสียหาย หลังจากที่โล่หวินหลานจากไป โม่ฉีหมิงลุกขึ้นอย่างดุดัน พร้อมขว้างปาข้าวของที่อยู่ในห้องจนพังเสียหาย พอได้ยินเสียงดังมาจากในห้อง เย่หวินกับฉินหยิ่นรีบตรงเข้ามาในห้องทันที ภายในห้องมีแต่ร่องรอยความเสียหายเต็มพื้น “ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้นขอรับ” ฉินหยิ่นถามด้วยความตื่นตระหนก เขาไม่เคยเห็นโม่ฉีหมิงควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้มาก่อน “โม่ฉีหมิงวางมือลงบนโต๊ะท้าวไว้หนึ่งข้าง หลับตาพร่ำเพ้อ “โล่หวินหลานนางไปแล้ว นางจากไปแล้ว นางไปหาโม่ฉีหานแล้ว นางชอบโม่ฉีหานจริงๆ เป็นข้าเป็นปล่อยนางไปหาเขา เป็นข้าเอง!” “พระชายาของไปแล้ว” ฉินหยิ่นถามด้วยความตกใจ เขาหันกลับไปมองเย่หวิน สีหน้าเย่หวินไม่ค่อยดีนัก ดูท่าแล้วเรื่องที่นางกังวลจะเป็นเรื่องจริงซะแล้ว “ท่านอ๋อง พระชายากับท่านต่างรักใคร่กัน เข้าใจกันดี พระชายาจะชอบเวินอ๋องได้เยี่ยงไร? ท่านน่าจะเข้าใจผิดแล้ว ข้าจะไปตามพระชายากลับมาเดี๋ยวนี้” เย่หวินพูดจบก็รีบกำดาบในมือแน่น เตรียมก้าวเท้าเดินออกจากห้อง “กลับมาเดี๋ยวนี้!” โม่ฉีหมิงเรียกหยุดนางไว้ “ใครหน้าไหนก็ห้ามแอบไปหานางทั้งนั้น นางจะไปไหนก็ไป จะอยากอยู่กับเวินอ๋องก็เรื่องของนาง อยู่คนเดียวก็ช่าง ต่อไปนี้นางไม่ใช่คนของจวนหมิงอ๋องอีกต่อไป เย่หวินไม่ยอมให้เรื่องมันเป็นแบบนี้แน่ จึงถามกลับว่า “ท่านอ๋อง ท่านอาจจะเข้าใจพระชายาผิด เวินอ๋องอาจจะใช้เล่ห์เหลี่ยมก็เป็นได้ ความจริงแล้วเวินอ๋องกับพระชายาไม่มีอะไรกันก็ได้” โม่ฉีหมิงชะงักไปเพียงครู่ ฉินหยิ่นที่อยู่ข้างๆจึงรีบสมทบ “ใช่ขอรับท่านอ๋อง ข้าดูแล้วพระชายาไม่น่าจะใช่คนจิตใจไม่มั่นคง ได้ใหม่ลืมเก่า ในนั้นอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ในห้องเต็มไปด้วยความเงียบงันทันทีที่ทั้งคู่พูดจบ โม่ฉีหมิงสงบลง แล้วจึงค่อยๆพูด “พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่เงียบๆคนเดียว” เย่หวินกับฉินฟยิ่นได้แต่มองหน้ากันไปมา ออกจากห้องของโม่ฉีหมิง ได้แต่คอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ฉินหยิ่นก้มลงมองเย่หวิน แสงพระจันทร์สาดส่องเข้าที่หน้าของนาง ใบหน้าของหน้าปกติก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็นอยู่แล้วแต่มาตอนนี้กลับเย็นชาเข้าไปอีก “ฉินหยิ่น เรื่องที่ข้ากังวล ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นจนได้ พระชายาไปจากจวมหมิงอ๋องแล้ว ตั้งแต่นี้ไปท่านอ๋องก็ต้องอยู่คนเดียว” “เย่หวิน มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่า จงรักภักดีต่อหมิงอ๋องเป็นหน้าที่ของเรา ท่านอ๋องไม่มีทางไม่สนใจพระชายาหรอก พระชายาต้องกลับมาแน่นอน” ฉินหยิ่นกล่าวอย่างมั่นใจ “หวังว่าเรื่องจะเป็นเช่นนั้น” เย่หวินกล่าวเสียงต่ำ นี่มันก็ผ่านมาสามวันแล้ว โล่หวินหลานยังคงพักอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ อาหารและที่พักในโรงเตี๊ยมเทียบไม่ได้แม้เพียงครึ่งของจวนท่านอ๋อง โล่หวินหลานต้องตื่นเพราะข้างห้องเสียงดังทุกคืน และก็ไม่คุ้นชินกับเตียงแข็งๆมำให้พลิกตัวไปมาจนตื่น บ้างอยากนอนพักผ่อนจนพระอาทิตย์ขึ้น บ่าวในโรงเตี๊ยมก็คอยถามแต่จะส่งอาหารเช้าขึ้นมา ทั้งวันมานี้ มีเวลาฝึกทักษะการแพทย์ แต่กลับมีเวลานอนน้อยลง ทางด้านจวนหมิงอ๋อง โม่ฉีหมิงไม่กินไม่ดื่มมาสามวันแล้ว ไม่ว่าเย่หวินกับฉินหยิ่นจะพยายามปลอบเช่นไร ก็ไม่ทำให้เขากินอะไรได้เลยแม้เพียงน้อยนิด “โม่ฉีหมิง พยายามดันรถเข็นที่ตนนั่งอยู่ มาที่สวนในจวน ลมพัดผ่านกระทบหน้าเขา นั่งตรงนั้นทั้งบ่าย ตกบ่าย กระแสลมค่อยๆพัดโบกแรงขึ้น ท้องฟ้าถูกก้อนเมฆอันมืดครึมบังมิด เสียงฟ้าผ่าดังเป็นละลอก ผ่านไป เพียงครู่ สายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา ฝนตกหนักขึ้นทุกที โม่ฉีหมิงคล้ายกำลังเพลิดเพลินกับสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมา ไม่หลีกหนีเม็ดฝน ผมของเขา เสื้อผ้า เก้าอี้รถเข็น ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำที่สาดลงมา ฉินหยิ่นกับเย่หวินพอเห็นอย่างนั้นจึงรีบวิ่งมาหาเขาทันที ทั้งสองรีบวิ่งฝ่าท่ามกลางสายฝน อยากรีบเข็นเขากลับเข้าห้อง แต่เขาใช้กำลังภายในสกัดกั้นไว้ ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเก้าอี้ได้ “ท่านอ๋อง ท่านพึ่งหายป่วยอีกทั้งสามวันมานี้ไม่ยอมเสวยข้าวปลาอะไรเลย ตอนนี้ไม่ควรตากฝนอยู่ตรงนี้นะขอรับ ถึงแม้ร่างกายจะทำจากเหล็กกล้าก็ไม่สามรถทนทานได้นะท่าน” ฉินหยิ่นพยายามพูดโน้มน้าว เย่หวิน รีบกล่าวตาม “ท่านอ๋อง ท่านรีบเข้าไปเถอะ ฝนตกหนัก ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก เพื่อสุขภาพของท่านแล้ว ท่านได้โปรดฟังพวกข้าสักครั้งเถิด” ทั้งสองผลัดกันโน้มน้าวก็ไม่มีประโยชน์ พอพ่อบ้านเห็นอย่างนั้นก็รีบคุกเข่าลงตรงหน้าโม่ฉีหมิง ขอร้องให้เขาเข้าห้องไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่22 การจากไป
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A