ตอนที่ 146 ศัตรูร่วมมือกัน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 146 ศัตรูร่วมมือกัน
ตอนที่ 146 ศัตรูร่วมมือกัน นัชชายอมเชื่อซิ ถ้าไม่เชื่อเธอคงไม่ทำถึงขั้นนี้ ถึงแม้เขาไม่กลับทั้งคืนก็ไม่ได้ถามสักคำ รู้ว่าเขางานยุ่งกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เขา แต่ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่คำที่จะอธิบายจะให้เธอเชื่อต่อไปยังไง? เหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรผู้ชายก็อ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ่มๆ “ไม่ใช่ไม่อยากจะบอกเธอ แค่ยังคิดไม่ได้ว่าจะพูดกับเธอยังไง” นัชชาสูดหายใจเข้าลึกๆเสียงก็สั่น “นายพูดความจริงก็พอแล้ว” เตชิตดูดบุหรี่แรงๆไม่รู้ว่าดูดแรงเกินไปหรือเพราะอะไรก็เริ่มไอ นัชชาฟังจนหัวใจจะเต้นออกกมาแล้วเห็นเขาทรมานเธอก็รีบไปเอาบุหรี่ในมือของเขามาบีบทิ้ง “ร่างกายไม่สบายก็ไม่ต้องดูดแล้ว ตอบคำถามของฉัน......มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?” “ไม่ยาก”เขาตอบไวมาก สายตามองไปทางอื่นไม่ได้มองไปทางเธอ “ฉันแค่ไม่อยากจะให้เธอคิดมาก” “แต่ตอนนี้ฉันคิดมากแล้ว”นัชชาก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลที่เขาปกปิด “นายเคยเห็นฉันเป็นแฟนไหม?” พอได้ยินแบบนี้ผู้ชายถึงจะหันหน้ามองมาทางเธอ “สำหรับฉันแล้วเธอสำคัญมากกว่าคำว่าแฟน” “แล้วทำไมนายไม่ยอมบอกฉัน?มีเรื่องอะไรที่ฉันรู้ไม่ได้?”นัชชาไม่อยากจะบังคับเขา แต่ตอนนี้เธออยากที่จะไม่คิดมากจริงๆ คำบางคำถ้าไม่พูดให้ชัดเจนต่อไปคงไม่มีโอกาสจะพูดอีก ถึงแม้เธอไม่รู้ว่าเรื่องที่เตชิตปกปิดนั้นสำคัญมากขนาดไหนแต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาโดนไฟส่องข้างนึงอีกข้างนึงอยู่ในความมืดมน “นัชชา ให้เวลาฉันหน่อยได้ไหม?รอฉันจัดการเสร็จฉันจะบอกกเธอแน่นอน” นัชชาอ้าปากแล้วปิดปาก ในใจเต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวัง “เวลาหละนายต้องการนานเท่าไหร่?” “ฉันไม่รู้”พูดจบเขาเหมือนจะรู้สึกตลกเหมือนกัน “ฉันจะทำให้เร็วที่สุด” ในรถเข้าสู่ระยะเวลาเงียบ นัชชาไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไง เธออยากจะให้เขาพูดทุกอย่างในตอนนี้ แต่......มองไปทางหน้าของผู้ชายที่มืดครึ้ม คำขอพวกนั้นก็พูดไม่ออกแล้ว เงียบไปนานมาก มือของนัชชาที่อยู่ข้างๆกำแน่นแล้วปล่อย กำแน่นแล้วปล่อยซ้ำไปซ้ำมา ในใจของเธอลังเลมาก สุดท้ายเธอก็ยอม “ได้ ถ้านายยากที่จะพูดขนาดนี้ฉันก็ไม่บังคับนายแล้ว รอวันที่นายอยากจะพูดค่อยพูดกับฉัน”เธอพูดชิวๆแต่ความคิดที่แท้จริงนั้นไม่ใช่แบบนั้นในใจคือความเครียดที่ไม่มีทางคลี่คลาย เตชิตมองไปทางนัยน์ตาของเธอที่ไม่มีความเชื่อใจมาแทน เหมือนมีมือมาบีบที่หัวใจของเขาและไม่มีคำไหนที่จะมาแก้ตัวได้เลย เขาพยักหน้าสองครั้ง “ได้” การพูดคุยที่แยกกันอย่างไม่มีความสุข สิ่งที่เตชิตปกปิดทั้งหมดนั้นเป็นการทำลายหัวใจสำหรับนัชชา จนกระทั่งวันที่สองอารมณ์ของเธอก็ไม่ดีขึ้น หลังจากที่เลิกงาน ณัชชนม์โทรมาให้เธอกลับไปกินข้าว นัชชาไม่พร้อมที่จะไปเจอกับเตชิตด้วยก็เลยตกลงไป หลังจากที่กินข้าวเสร็จก็นั่งอีกแป๊บ ณัชนม์เห็นเวลาก็ไม่เช้าแล้วก็เลยไล่เธอกลับบ้านกลัวว่าดึกจะไม่ปลอดภัย แต่นัชชาไม่มีท่าทีที่จะกลับ กลัวว่าถ้านอนที่นี่แล้วณัชนม์จะคิดมากลังเลไปสักแป๊บก็ไปจากที่นี่ เธอนั่งรถกลับไปที่ไวโรจน์วิลล่า รถแท็กซี่จอดอยู่ตรงหน้าวิลล่า มองไปทางบ้านสามชั้นที่มืดมน ความคาดหวังในใจของนัชชาก็เริ่มเย็นลงไป เขา ยังไม่ได้กลับบ้าน “คุณครับ ถึงแล้วครับ”คนขับรถเห็นเธอไม่ลงจากรถก็เลยพูดออกมาเตือน นัชชาได้สติกลับจ่ายตังแล้วลงจากรถ …… อีกทางหนึ่ง หลังจากที่เตชิดรู้ว่านัชชากลับบ้านก็ขับรถมาที่เขตเหนือวิลล่าแล้ว วันนี้เป็นวันที่ทีนาร์ตรวจร่างกาย ปรัณผู้ช่วยของจอร์จที่อยู่อเมริกาก็อยู่ ห้องหลังบ้านก็กลายเป็นห้องตรวจสุขภาพแล้วมีอุปกรณ์ทางแพทย์พร้อมทุกอย่าง เตชิตมองดูทีนาร์โดนเข็นเข้าไปในการตรวจร่างกายต่างๆ หยุดแป๊บแล้วออกมา ทำไปประมาณ20กว่ารายการถึงจะจบ ปรัณจับผลการตรวจที่พึ่งออกมาสีหน้าก็ดูสบายใจ “โอเค ร่างกายแข็งแรงดี นายไม่ต้องเป็นห่วงปัญหาไม่เยอะ” เตชิตถอนหายใจ ไม่ว่ายังไงทีนาร์ก็พึ่งกลับมาในประเทศครั้งแรกในระหว่างห้าปีที่ผ่านมากลัวว่าเธอจะไม่ชินกับสภาพแวดล้อมแล้วมีผลต่อการรักษา ทีนาร์พึ่งตรวจร่างกายเสร็จก็รีบไปที่ห้องที่เตชิตอยู่ หลังจากที่รู้ว่าผลตรวจดีก็ถอนหายใจ “ดีจังเลย ทีนี้ฉันไม่ต้องไปแล้วจริงๆจะได้อยู่ข้างนายแล้ว!” คำนี้เธอพูดไปนับไม่ถ้วนตั้งแต่กลับมา เตชิตฟังจนหูชาแล้ว แต่ปรัณกลับเบะปาก “อ๋อ เตชิตฉันรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้ต่อต้านแสงอัลตราไวโอเลตมากขนาดนั้นแล้ว ห้าปีแล้วที่ฉันไม่ได้ออกไปเที่ยวด้านนอก ครั้งนี้ร่างกายของฉันดีขึ้นแล้วพวกเราออกไปรวมตัวกันหน่อยไหม? ทีนาร์พูดอย่างมีความสุข” เตชิตไปสบกับตาของเธอที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง น้ำเสียงเย็นชาจนทำให้รู้สึกใจร้าย “ไม่ได้ ตอนนี้เธอยังไม่หายดีทั้งหมดต้องเป็นความปลอดภัยเป็นหลัก” โรคของทีนาร์ไม่หายก็จะเป็นมีดที่แทงอยู่ในใจของเขาไม่ใช่เพราะอย่างอื่นถ้าตอนนี้ทีนาร์เป็นอะไรไปเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะปกปิดนัชชาได้อยู่ไหม ที่เขาปฏิเสธนั้นอยู่ในความคิดของทีนาร์อยู่แล้วแต่เธอไม่อยากจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้! เธอใช้หางตามองไปทางปรัณ “ก่อนหน้านี้หมอบอกว่าร่างกายฉันฟื้นคืนดีมาก ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ พวกเราหาที่ๆเป็นที่ส่วนตัวมารวมตัวกันหน่อย ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน ร่างกายของฉันๆรู้ดี วางใจได้” เธอตั้งใจใช้คำพูดของปรัณมาพูด ปรัณที่ได้ยินแบบนี้ก็หูตั้งเลยแถมยังพูดอะไรโต้ตอบไม่ได้ ตอนที่เขาพูดคำนี้เพราะสงสัยว่าทีนาร์แกล้ง แต่ใครจะรู้ว่าเธอจะใช้คำนี้มาใช้ตอนนี้? เตชิตไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทีนาร์รู้แล้วว่าเขาเริ่มใจอ่อนก็เลยเข้าไปใกล้ๆเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร “เตชิต ฉันมีความฝันแค่อันเดียวนายตกลงได้ไหม?ตอนนี้ฉันไม่เหมือนคนเลยฉันเหมือนผีแล้ว ฉันอยากจะออกไปด้านนอกจริงๆ ถือว่าฉันขอร้องนายนะไหม?” เธอพูดขนาดนี้แล้วถ้าเตชิตยังปฏิเสธก็คงเย็นชาเกินไปแล้ว อยู่ดีๆมือของทีนาร์ก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าไม่รู้ว่าหาอะไรอยู่ ตอนที่เธอเอาออกมาถึงจะรู้ว่าคือรูปของพ่อแม่ทีนาร์ “ฉันอยากไปดูที่นี่ด้วย นี่คือที่ๆแสดงรักของพ่อแม่ฉัน ไม่ว่าตอนนี้เป็นไงบ้าง ถ้าพวกเขารู้ว่าฉันไปคงจะดีใจมากแน่ๆเลย” ปรัณเข้าใจแล้วว่าทำไมเตชิตถึงยึดอยู่กับอดีต ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นแค่ทีนาร์มาพูดข้างหูบ่อยขนาดนี้เขาก็ไม่มีวันลืมแล้ว ผู้หญิงคนนี้เห็นแก่ตัวมากเกินไป หน้ากลัวจริงๆ สุดท้ายเตชิตก็ไม่ได้ปฏิเสธทีนาร์ ถึงแม้ไม่เต็มใจแต่ก็ตกลงตามที่ขอ หลังจากที่เตชิตกับปรัณไป รอยยิ้มบนใบหน้าของทีนาร์หายไปหมดเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปหาเบอร์หนึ่ง...... “ฮัลโหล ปณิตาเหรอ?”
已经是最新一章了
加载中