ตอนที่ 152 ไม่มีทางยอมรับผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้างได้   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 152 ไม่มีทางยอมรับผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้างได้
ตอนที่ 152 ไม่มีทางยอมรับผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้างได้ หลังจากที่ไปบาร์แล้วดื่มจนเมามายกลับมา ช่วงสองวันมานี้เตชิตไม่ได้ทานอาหารที่บ้านเลยสักมื้อเดียว นัชชารู้ดีว่าเขากำลังรอให้เธอเป็นฝ่ายยอมรับผิด และเธอก็รู้ว่าเธอเองก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่พอมาคิดๆดูแล้วบวกกับการกระทำของเตชิตช่วงนี้ทำให้เธอเองก็ไม่ยอมเสียหน้าเช่นกัน จึงเป็นเหตุให้เกิดสงครามเย็นขึ้น ในเวลาเดียวกันนี้เอง สิ่งที่นัชชาคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่อสองผู้เฒ่าของตระกูลจิวะพงษ์มาที่บ้าน วันเสาร์ของช่วงวันหยุดยาว นัชชากำลังนอนอย่างสบาย เตชิตดูเหมือนตะมีประชุมครึ่งวัน พอหญิงสาวลืมตาก็ได้ยินเสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น "เพิ่งจะ9.30เอง ใครมานะ" นัชชาเดินเข้าไปด้านหลังสวนหย่อม นอกจากเพื่อนสนิทของเตชิตไม่กี่คน ก็ไม่เคยมีใครมาที่นี่มาก่อน คนรับใช้ในบ้านก็มีไม่มาก นัชชาเปิดประตูมองเห็นคนสองคนยืนอยู่หน้าประตู เป็นคนสูงอายุ หลังค่อมถือไม้เท้าค้ำยันร่างกายที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง "สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านคือ" พอได้ยินคำถามจากหญิงสาว ผู้มาเยือนทั้งสองมองหน้ากัน หญิงชราหายใจขัดเล็กน้อย "ฉันเป็นยายของเตชิต ฉันควรจะเป็นคนถามว่าเธอเป็นใครถึงจะถูก" ได้ยินประโยคนี้ของหญิงชรา นัชชาถึงกับชะงัก ข้างๆหูอยู่ๆก็เหมือนได้ยินเสียงแหลมๆจากโทรศัพท์ครั้งก่อน โทรศัพท์สายนั้นทิ้งไว้ซึ่งความทรงจำอันยากจะลืมเลือนของเธอ แม้จะผ่านมาเนิ่นนานแค่ไหนก็ตามเธอก็จำได้ไม่มีวันลืม มาถึงวันนี้เจ้าของเสียงนั้นมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอที่นี่แล้ว เธอไม่เคยได้เตรียมตัวเตรียมใจ แต่เธอก็ไม่รอช้ารีบเปิดประตูเชิญทั้งสองเข้าบ้าน นัชชายังคงสวมชุดนอน ยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุด "ต้องขอโทษด้วยนะคะไม่ทราบว่าท่านทั้งสองจะมาเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ต้อนรับ" "เธอไม่ต้องเตรียมอะไรหรอก"หญิงชรารีบขัดขึ้นพร้อมใช้หางตามองเธอแล้วเดินตรงไปยังห้องรับแขก ชายชราเดิมตามมาด้านหลัง มองเธอที่ยังสวมชุดนอนอยู่อย่างไม่ค่อยพอใจนัก แล้วพูดว่า" แล้วนี่กี่โมงแล้วเพิ่งตื่นนอน อะไรของเธอ" นัชชาใบหน้าร้อนผ่าว เธอปิดประตูแล้วรีบไปห้องครัวเตรียมชาและผลไม้ ระหว่างรอน้ำเดือดเธอรีบโทรหาเตชิตแต่เขาไม่รับสาย "ยังประชุมไม่เสร็จเหรอ" นัชชาคิ้วขมวดตัดสินใจทิ้งข้อความไว้ให้เตชิต เธอวางโทรศัพท์ลง ในใจยังคงร้อนลน รอจนน้ำเดือด ในบรรดาชาสารพัดชนิดเธอเลือกชาแดง ชงเสร็จพร้อมยกไปเสิร์ฟ "เชิญดื่มชาค่ะ" กลิ่นหอมของชาตลบอบอวลไปพร้อมกับไอร้อนที่กรุ่นขึ้นจากแก้ว กลิ่มหอมสดชื่นเตะจมูก แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองผู้เฒ่าต่างไม่มีใครรู้สึกสดชื่นเลย ถ้วยชาก็ยังคงวางนิ่งบนโต๊ะไม่มีใครแตะ หลังจากอยู่ในภาวะเงียบงันสักพัก ชายชราก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นก่อนว่า "เธอกับเตชิตอยู่ด้วยกันรึ" เมื่ออยู่ต่อหน้าคนทั้งสองแล้วต้องมาตอบคำถามแบบนี้ นัชชาแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา เธอตอบด้วยเสียงเบาเหมือนยุงว่า "อืม" ชายชรายังคงถามต่อ "แล้วอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหนแล้ว" แน่นอนว่าเธอสามารถตอบตัวเลขที่แน่นอนได้ จึงตอบแบบรวบรัดไปว่า "ก็สักพักหนึ่งแล้วค่ะ" บรรยากาศภายในห้องรับแขกเหมือนถูกปกคลุมด้วยความอึมครึม แม้จะมีแสงสว่างจากภายนอกส่องลอดเข้ามาแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกเหมือนมีไอหมอกอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นทำให้รู้สึกถึงความตระหนกหวาดหวั่นใจ "ที่พวกเราสองคนมาที่นี่วันนี้ ไม่ใช่จะมาหาเธอโดยเฉพาะหรอกนะ" หญิงชราน้ำเสียงหนักแน่น ท่าทางเหมือนกับผู้ชนะที่ไม่ต้องออกแรงใดๆ หญิงชรายังพูดต่อไม่รอให้หญิงสาวได้หายใจหายคอ "แต่ในเมื่อเธอก็อยูที่นี่แล้ว ฉันกับคุณตาของเตชิตก็จะได้พูดกับเธอเสียทีเดียวเลย" นัชชาใจเต้นแรง สัมผัสได้ว่าสิ่งที่ทั้งสองจะพูดนั้นไม่ใช่ สิ่งที่เธออยากฟังอย่างแน่นอน "เธอนั่งลงก่อนเถอะ" หลังจากมองเธอยืนอยู่นาน ชายชราจึงออกปากเรียกให้นั่ง นัชชาใจเต้นรัวประหนึ่งเสียงกลอง นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามรอฟัง เธอนั่งหลังเหยียดตรง ไม่รู้สึกประหม่า "เชิญพูดเลยค่ะ" ผู้เฒ่าทั้งสองแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าหญิงสาวจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่มองอีกมุม คนสมัยนี้เพื่อเงินแล้วก็ทำได้ทุกอย่าง "เรื่องของเธอกับเตชิตพวกเราพอจะได้ยินได้ฟังมาบ้าง เพราะฉะนั้นฉันจะไม่พูดมาก ฉันจะถามเธอแค่ประโยคเดียว เธอคิดว่าพวกเธออยู่ด้วยกันแบบนี้มันเหมาะสมมั้ย" แน่นอนว่าประโยคนี้เปรียบเสมือนดาบแหลมคมที่ทิ่มลงกลางใจของนัชชา เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากฟังมากที่สุดประโยคนึง "เหมาะสมมั้ย" ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยมั่นใจ อาจจะเพราะสายตาของคนนอกที่มองว่ามันไม่เหมาะสม จึงทำให้หลายคนรุมวิจารณ์เธอในทางเสียๆหายๆ ในสายตาคนอื่นเธอก็แค่ผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้าง เป็นผู้หญิงที่มีประวัติด่างพร้อย เตชิตเองก็หลงเสน่ห์ของเธอ แม้ว่าเรื่องฉาวๆพวกนั้นจะถูกสร้างขึ้นมา ก็ไม่มีใครสนใจ คนเรามักจะชอบมองแต่ด้านที่ตัวเองอยากมอง โดยไม่สนใจตัวตนที่แท้จริง นัชชาก้มหน้ามองพรมที่เท้า สองมือจับกันแน่น กลัวตัวเองจะทนไม่ไหววิ่งหนีออกไป หลังจากใจเย็นลงสักพัก เธอจึงเริ่มพูดออกมาเบาๆ " ฉันรู้ค่ะ ว่าหลายคนอาจจะมองว่าเราไม่เหมาะสมกัน แต่ว่าเรื่องของความรู้สึกเราไม่อาจไปบังคับกะเกณฑ์มันได้ เราสองคนรักกัน ดังนั้น…" "ดังนั้นเธอเลยอยากอยู่กับเตชิตเหรอ" หญิงชราพูดจบก็หัวเราะออกมา ถึงแม้จะเป็นเสียงของผู้สูงวัย แต่ก็แฝงไปด้วยหนักแน่นเด็ดขาด"เธอเคยคิดบ้างมั้ยว่าเตชิตจะได้รับผลกระทบอะไรโดยมีเธอเป็นตัวต้นเหตุ สิ่งที่คนอื่นเค้าพูดไม่ดีเกี่ยวกับตัวเธอมันก็มาลงที่เตชิตแทน ตั้งแต่เล็กจนโตเค้าเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมาโดยตลอด เธอทนได้เหรอที่เห็นเค้าต้องมาแบกรับในสิ่งที่ทำทุเรศๆไว้" คำพูดทุกคำของหญิงชราเหมือนมีดที่แทงเข้ากลางใจของนัชชา สิ่งที่เขาพูดไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิด แต่เพราะท่าทีที่มั่นอกมั่นใจของเขาว่าทุกอย่างเขาจะรับมือได้ มันเลยทำให้เธอสลัดเรื่องนี้ออกไปจากความคิด ใช่ เธอไม่กล้าคิด มองเห็นหญิงสาวนิ่งเงียบก้มหน้าก้มตาไม่ตอบคำถาม สองผู้เฒ่าจึงค่อยๆเย็นลง หากตอนนี้นัชชาโต้ตอบออกมาคาดว่าเรื่องจะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก "เลิกกับเตชิตซะเถอะ พวกเธอไม่เหมาะสมกัน" ในที่สุดพวกเขาก็พูดประโยคนี้ออกมา หญิงชรายื่นคำขอต่อหน้าเธอ แต่เธอกลับไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร ในที่สุดเธอก็ตอบออกมา" ฉันเข้าใจความรู้สึกพวกคุณดี ฉันทราบว่าพวกคุณกังวลอะไร ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยคิด ถ้าหากว่าฉันไม่ได้รักเขาจนหมดหัวใจ ฉันคงจะยอมทำตามคำขอร้องของพวกคุณ แต่ว่าตอนนี้ความรู้สึกระหว่างพวกเราสองคนมันลึกซึ้งจนยากที่จะ.." "รักหมดหัวใจเหรอ" หญิงชรารีบขัดขึ้น รอยเฟี่ยวย่นที่หางตาขยับขึ้นเล็กน้อยจากการใช้สายตา "เธอเคยผ่านการแต่งงานมาก่อน เธอน่าจะเข้าใจดีนะ ว่าจะควบคุมอารมณ์ความรู้สึกตัวเองยังไง" นัชชาบีบมือแน่น เล็บจิกเข้าไปในเนื้อแต่ก็ไม่เจ็บเท่ากับในใจของเธอตอนนี้ "ชีวิตแต่งงานครั้งแรก ฉันก็ไม่เคยทำอะไรผิด" "เธอไม่เคยทำอะไรผิด นั่นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา แต่ตระกูลจิวะพวษ์ไม่มีทางยอมรับผู้หญิงที่เคยผ่านการหย่าร้างมาแล้วเป็นสะใภ้เด็ดขาด เข้าใจแล้วใช่มั้ย"
已经是最新一章了
加载中