บทที่ 1 โรคที่รักษาไม่ได้   1/    
已经是第一章了
บทที่ 1 โรคที่รักษาไม่ได้
บทที่ 1 โรคที่รักษาไม่ได้ ไม่ทันแล้ว...... เธอไม่อยากจะต่อสู้ดิ้นรนโดยไร้ประโยชน์อย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ตัวเธอได้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งสมองระยะสุดท้ายและเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น หลังจากเดินออกจากสำนักงานกฎหมายเยนลี่ซูได้เปิดดูวีแชทจากโทรศัพท์มือถือที่หยิบออกมา เพื่อจะต่อสายหาคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่แล้วปลายนิ้วก็หยุดค้างไว้อยู่บนแป้นพิมพ์อยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่จะกดปุ่มบันทึกข้อความเสียง สูดหายใจเข้าครั้งหนึ่ง ก่อนที่เธอจะถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า: "ฮันอี้คืนนี้คุณกลับมาอยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม?" ส่งเสียงสำเร็จ แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับกลับมาหลังจากที่เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เป็นเช่นนั้น เยนลี่ซูก็ยังคงขับรถไปที่ตลาดผักใกล้ๆชุมชนเพื่อเลือกซื้อผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ เสียงเจี๊ยวจ๊าวโวยวายของตลาดผักเป็นสิ่งที่เธอไม่คุ้นชินเอาเสียเลย แต่เธอก็บังคับตัวเองให้ชินกับมันสักครั้ง แต่ก่อนเธอเคยเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาในสายตาของผู้หญิงด้วยกัน แต่ตอนนี้ เธอเป็นเพียงภรรยาของฮันอี้ เธออยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อเขาเป็นครั้งสุดท้าย ถึงแม้...... เขาอาจไม่ต้องการ หรือแม้แต่เกลียดเธอ ถึงขนาดเกลียดการมีตัวตนของเธอ "ติ๊ง!" โทรศัพท์สั่นอยู่ขณะหนึ่งเยนลี่ซูที่กำลังเอาของขึ้นรถอยู่นั้น ก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะเปิดโทรศัพท์มือถือดู เมื่อเธอเห็นว่าเป็น ฮันอี้ตอบกลับหาเธอด้วยข้อความเสียง เธอก็ยิ้มขึ้นคล้ายกับเด็กที่ได้รับลูกอมอย่างไรอย่างนั้น แต่ว่า เมื่อเธอกดฟังเสียงของเขา ก็กลับได้ยินเสียงที่ทั้งแข็งและเย็นชาพูดหยอกล้อถากถางว่า: "หนึ่งเดือนไม่ได้เจอกัน คุณนายฮันก็ยังคงทำตัวต่ำช้าราคาถูกเหมือนเดิมเลยนะ?" เป็นไปอย่างที่คิดไว้...... เขายังคงเกลียดเธอ แต่ว่าไม่เป็นไร ในเมื่อเขาไม่ได้บอกว่าติดธุระที่ไหน ถึงเขาจะพูดจาแดกดันถากถางยังไง เขาก็ต้องกลับมากินข้าวในคืนนี้แน่นอน เมื่อคิดเช่นนั้น เยนลี่ซูก็เร่งรีบขับรถกลับบ้านและเตรียมอาหารหลากหลายอย่างตั้งอกตั้งใจ สามชั่วโมงต่อมา เมื่อ เยนลี่ซูกำลังยกซุปชามสุดท้ายลงบนโต๊ะ ก็ได้ยินเสียงเปิดกลอนประตู เธอหันตัวกลับมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อเธอเห็นว่าฮันอี้ ปรากฏตัวในห้องนั่งเล่น แต่สิ่งที่ต่างไปจากเธอก็คือใบหน้าและสายตาของ ฮันอี้นั้นยังคงปรากฏความเย็นชาอยู่เสมอ "ฮันอี้คุณกลับมาแล้วเหรอ?" เยนลี่ซูเดินไปหาฮันอี้ด้วยรอยยิ้มและยื่นมือหมายจะรับกระเป๋าเอกสารจากเขา ฮันอี้ถอยเท้ากลับอย่างนึกรังเกียจและโยนกระเป๋าเอกสารไว้บนโซฟา เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงตีสองหน้าเก่งขนาดนี้ ไม่ว่าเขาจะถากถางเย้ยหยันเธอมากแค่ไหน เธอก็ทำเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่เสมอ "ฮันอี้ มากินข้าวกันเถอะ?" นิ้วมือที่บีบเข้าหากันอย่างแน่นหนาด้วยแรงของเธอที่ซ่อนไว้อยู่ข้างหลัง เยนลี่ซูกดความเศร้าไว้ในใจแล้วเดินนำไปที่โต๊ะอาหารก่อน "นี่เธอจะยังไม่จบจริงๆใช่ไหม?" ฮันอี้ก้าวเท้าเดินไปหน้าโต๊ะอาหาร แต่ใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงความเย็นชาราวกับโคมไฟคริสตัลที่ทั้งเย็นจนไม่เหลือความอุ่นใดๆในห้องนั่งเล่น เขาก้มศีรษะจ้องมองจานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหัวเราะเย้ยหยัน: "เยนจื้อจง ถ้าได้รู้ว่าลูกสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาจนโตจะทำตัวต่ำถึงขนาดนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบโดดออกมาจากโลงศพหรือเปล่า?" เป็นเวลาห้าปีแล้ว นับตั้งแต่ที่เธอเป็นคุณนายฮัน ฮันอี้จะทำตัวเย็นชากับเธอเสมอมา เธอคิดว่าเธอควรจะชินและปรับตัวเข้ากับมันได้ แต่จริงๆแล้ว...... เธอก็ยังคงเจ็บปวด "ฮันอี้ พ่อของฉันก็ตายไปแล้ว เราไม่ควรจะ......" "นั่นคือสิ่งที่เขาสมควรได้รับ!!" ทันใดนั้นเสียงของฮันอี้ก็ดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่บึ้งตึง: "ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขาบีบบังคับให้ฉันแต่งงานกับเธอก็พอจะดูออก ว่าเขานั้นเป็นคนที่ชอบใช้วิธีสกปรก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าได้ทำสิ่งเลวร้ายมามากมายขนาดไหน!!!" เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะและดึงผ้าปูโต๊ะออกจากโต๊ะอาหาร "เพล้ง!" จานอาหารเหล่านั้นที่ใช้เวลาเนิ่นนานในการทำออกมาได้ตกแตกเป็นเสี่ยง ๆลงกับพื้น แต่ฮันอี้ก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาจับข้อมือเรียวของเยนลี่ซู แล้วใช้แรงโยนเธอไปบนโต๊ะอาหาร เมื่อมองดูผู้หญิงที่อยู่ในความดูแลของเขาฮันอี้ก็จัดการถอดชุดของเธอออก "อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเธอขอร้องให้ฉันอยู่กับเธอในคืนนี้ ฉันก็อยากจะให้เยนจื้อจงได้เห็นถึงความพินาศของลูกสาวตัวเองซะบ้าง!" เมื่อหมดคำพูด เขาก็โน้มลงหาร่างของ เยนลี่ซูและเข้าหาเธอโดยไม่มีการเบิกทางใดๆ ทางด้าน เยนลี่ซู ที่เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นรูปพ่อที่แขวนไว้ในห้องนั่งเล่น
已经是最新一章了
加载中