ตอนที่ 2 มาที่ประตู
1/
ตอนที่ 2 มาที่ประตู
เริ่มที่ร้าย จบที่รัก
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 2 มาที่ประตู
ตอนที่ 2 มาที่ประตู ทันใดนั้น แขไขก็ตื่นขึ้น ฉากตรงหน้าเธอเหมือนกับในฝัน ร่างกายของเต็มไปด้วยเหงื่อ เหมือนเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ เธอมองไปรอบๆ มันคือแผ่นบังแดดของหน้าต่างเครื่องบิน เธอเพิ่งจะตระหนักได้ว่าเธอกำลังเดินทางกลับบ้าน นึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนกลางคืน สติเธอค่อยๆกลับมา เสียงเชียร์ของปิดภาคฤดูร้อน โทรศัพท์แม่เลี้ยง เที่ยวบินที่บินไปยังประเทศY และพายุที่อยู่เหนือทะเลและดาดฟ้าในค่ำคืนที่ไม่สิ้นสุด และชายที่นอนทับร่างเธอ........ ใบหน้าของ แขไขซีดเซียว ภายในหนึ่งวันก่อนหน้านี้ เธอถูกลักพาตัวในประเทศYและสูญเสียความไร้เดียงสาที่รักษามากว่ายี่สิบปียิ่งไปกว่านั้นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใคร “คุณแขไข คุณจำได้ไหมว่าอีกฝ่ายมีลักษณะอย่างไร?” คำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอแต่เธอกลับไม่อยากย้อนคิดถึงเหตุการณ์นั้น มันเจ็บปวดมาก เธอสร้างเรื่องโกหกตัวเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หกชั่วโมงต่อมา เครื่องบินมาถึงเมืองเจเวลา 22.00 น. ด้านนอกสนามบินก็มืดแล้ว มีรถยนต์จำนวนไม่น้อยที่จอดรอรับครอบครัว แต่เธออยู่เพียงคนเดียว เธอคุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้ แขไขเดินออกจากสนามบินพร้อมกระเป๋าเดินทางเรียกแท็กซี่และบอกที่อยู่ให้กับเขา ชั่วโมงต่อมา เธอจ่ายเงินและลากกระเป๋าลงจากรถ เดินไปยังบ้านสามชั้นหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า เมื่อยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า มือของเธอก็ยกขึ้นและวางลง วางลงและยกขึ้น และหายเข้าใจลึกๆจากนั้นก็เคาะประตู คนที่มาเปิดประตูก็คือแม่บ้านของที่นี่ เมื่อมองเห็นว่าคนที่มาคือเธอ สีหน้าก็ดูไม่ค่อยยินดี “คุณหนูสองกลับมาแล้ว” “อืม” แขไขไม่ได้พูดอะไรมากนัก และลากกระเป๋าเข้าไปด้านใน ทีวีในห้องรับแขกได้เปิดไว้ ขจรจิตกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกและดูทีวี เมื่อเธอเห็นเธอเข้ามาเธอก็ตะโกนไปยังห้องหนังสือ หลังจากประสบกับความหายนะและความตายในชีวิต เธอรู้สึกเหนื่อยและไม่สามารถระบายกับใครได้ ความรู้สึกของเธอหดหู่มาก และยังไม่ทันจะได้พักผ่อนเธอกลับต้องมาได้ยินข่าวร้าย “เป็นแบบนี้แล้ว เธอเองก็โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ กลับมาครั้งนี้เราได้จัด นัดบอด ไว้ให้กับเธอแล้ว เธอลองไปดู” นัดบอด? แขไขยิ้มเยาะเย้ย “ฉันเพิ่งจะอายุ20ปี เรียนก็ยังไม่ทันจะจบ และที่สำคัญเมื่อพูดถึงอายุ ขณิฐาแก่กว่าฉันตั้งสี่ปี เธอเหมาะสมซะยิ่งกว่า” “อย่าไปเปรียบเทียบกับขณิฐา พวกเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ ว่ากันว่าอีกฝั่งเป็นครอบครัวที่ไม่เลวเลย เธอพบเจอเขาได้ก็ควรกราบไหว้ขอบคุณพระเจ้าแล้ว” ขจรจิตยังไม่ได้พูดอะไร แม่เลี้ยงฉัตรพรที่นั่งอยู่ด้านข้างก็นั่งไม่ติดที่ซะแล้ว คำพูดที่ออกมาพร้อมกับแสร้งทำเป็นว่าห่วงใย เกือบทำให้แขไข อ้วกอาหารของเมื่อคืนออกมา “ขอบคุณป้าพรที่ห่วงใยฉันขนาดนี้ ช่างเป็นครอบครัวที่แสนดี เกรงว่าบุญคุณครั้งนี้คงไม่มีอะไรทดแทนได้” ขจรจิตเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว จึงหาข้ออ้างและออกจากห้องหนังสือไป เมื่อขจรจิตไม่อยู่แล้ว ฉัตรพรก็แสดงธาตุแท้ออกมา และจิกเล็บเธอเอาไว้ “เรื่องนี้ไม่ได้มาปรึกษาเธอ แขไขฉันจะบอกให้เธอเข้าใจ อีกฝั่งเป็นบุคคลสำคัญในกองกู้ภัย เดิมทีฉันก็จะให้ขณิฐา แต่ได้ยินมาว่าการปฏิบัติงานในครั้งนี้ทำร้ายดวงตาและเส้นเสียงของเขา ทำให้มองไม่เห็นและพูดไม่ได้ จะให้ขณิฐาของเราไปคบคนพิการได้อย่างไร แต่บริษัทของเราต้องการคนหนุนหลังและทำให้บริษัทใหญ่โตขึ้น ดังนั้นฉันและพ่อเธอจะให้เธอไป” ในการพูดครั้งนี้ฉัตรพรพูดโดยไม่มีสะดุดเลยสักคำ เมื่อแขไขฟังก็แทบจะปรบมือให้ “ฟังแล้วความหมายของป้าพร ไม่ใช่ว่าอยากให้ไปนัดบอดหรอก ให้ฉันเป็นไปเพื่อนใครบางคน?” “เธอจะไม่ไปก็ได้” ฉัตรพรนั่งและยืดตัวตรง ในสายตาเธอไม่ได้หันมามองปฎิกิริยาตอบกลับเลยแม้แต่น้อย แต่ในสายตามีความคิดร้ายกาจจนทำให้แขไขรู้สึกหวาดระแวง “แม่ของเธอยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลนี่ ได้ยินมาว่ายังไม่จ่ายค่ารักษา...” “ป้าพร!” ท่าทางที่ใจเย็นของแขไขต้องหมดลงและเธอรีบขัดจังหวะการพูดของฉัตรพรอย่างทันที เธอเบิกตากว้าง และอารมณ์เธอก็แปรปรวนดูจากการหายใจที่รวดเร็ว เธอกล้า...เอาแม่มาขู่เธอ! เมื่อนึกถึงแม่ที่กำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลรอการรักษา หัวใจของแขไขราวกับมีหลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นและมีสายลมพัดไปมาอยู่ในนั้น เธอคิดไม่ถึงว่าฉัตรพรจะต่ำทรามถึงขั้นเอาเรื่องนี้มาพูดถึง และคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าขจรจิตจะเพิกเฉยต่อคำมั่นสัญญาที่จะทำร้ายแม่เธอ เขาไม่เพียงแต่จะไม่มีค่าต่อการเป็นพ่อ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีค่าต่อการเป็นสามีของแม่ด้วย! “ถ้าเธอไป การผ่าตัดของแม่เธอตระกูลดาวริศกุลจะรับผิดชอบทั้งหมด ตลอดจนแม่เธอหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้ ถ้าเธอไม่ไป ฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่าแม่ของเธอจะถูกไล่ออกจากโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้หรือเปล่าเนื่องจากติดหนี้ค่ารักษาพยาบาล” ฉัตรพรยิ้มและตอบ “แบบนี้แล้ว จะไปหรือจะไม่ไป?” เธอปล่อยแขนแนบลำตัวและเธอกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น แขไขไม่สามารถเลือกได้ เธอก้มหน้าลงด้วยความไม่พอใจ ไม่ว่าจะเธอจะไม่เต็มใจขนาดไหนแต่เธอก็ต้องยอมแพ้ให้กับความเป็นจริง ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ยอมแพ้ และกัดฟันพูด “โอเค ฉันไป” จะเป็นคนหรือผี จะปกติหรือพิการ แต่เพื่อแม่ เธอต้องไป ............ อีกด้านหนึ่ง วิณก็ได้ขึ้นเครื่องบินกลับบ้านแล้ว ไม่ใช่เครื่องบินธรรมดาทั่วไป แต่เป็นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่ส่งมาจากประเทศจีนเพื่อพาเขากลับไปที่ประเทศจีน ห้าชั่วโมงหลังจากที่บินขึ้น ก็ได้ลงจอดบนถนนลาดยางส่วนตัวของเมืองJ “กัปตันวิณ พวกเราถึงแล้ว” เจ้าหน้าที่ที่มาด้วยกันได้ปลุกชายที่นอนหลับตาอยู่บนเก้าอี้ เมื่อได้ยินเสียง วิณก็ลืมตาขึ้น ดวงตาสีดำเงาคู่นี้ไม่มีอาการงัวเงียแม้แต่น้อยหลังจากที่ตื่นขึ้น ราวกับเป็นดวงตาที่เฉียบคมของนกอินทรี แทงหัวใจผู้คน เขาพยักหน้าเล็กน้อย และตอบเพียงแค่ “อืม” เมื่อออกจากเครื่องบิน อาคารสำนักงานใหญ่โตที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ไม่มีแผ่นป้ายที่สะดุดตาผู้คนแต่ทุกคนรู้ว่าที่นี่คืออาคารสำนักงานกู้ภัยของกองบินกู้ภัย ในฐานะกองกู้ภัยชั้นนำในประเทศจีน เรามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือทุกปีโดยยึดตามความเป็นมืออาชีพและความเป็นสากลเราได้จัดตั้งระบบการจัดการเหตุฉุกเฉินที่ครอบคลุมบนพื้นฐานของการบริหารความเสี่ยงและการป้องกันและได้กลายเป็นผู้ช่วยชีวิต กู้ภัย หน่วยงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในด้านต่าง ๆ เช่นการป้องกันภัยพิบัติ รวมถึงการกู้คืนและบรรเทาสาธารณภัย ... และวิณเป็นผู้นำที่นี่และกัปตันของกองปฏิบัติการ ที่ประตูสำนักงาน ผู้ช่วยบุลกิตกำลังยืนรออยู่ เมื่อเห็นเขาเดินมาจึงทักทายและทำท่าเคารพ “สวัสดี กัปตันวิณ” วิณไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เขาเดินเข้าไปยังห้องทำงาน และนั่งลงบนโซฟาขยับคอของเขาเล็กน้อย แม้ร่างกายของเขาจะไม่มีอาการไม่สบายใดๆ แต่ก๊าซในวันนั้นทำให้เขามึนหัวและร่างกายอ่อนแอ จึงทำให้เขารู้สึกไม่ดี “กัปตันวิณ ครั้งนี้คุณได้เดินทาง ผ่าน เวียดนามเพื่อจัดการกับคดีลักพาตัว ได้ยินมาว่าจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบ และทุกคนก็บอกว่าคุณแก้ปัญหาในสิ่งที่ไม่มีใครสามารถทำได้อีกด้วย” บุลกิตเคยเป็นสมาชิกในกองของวิณในฐานะสมาชิกหลักของกองกู้ภัยกองกู้ภัยทางอากาศ ต่อมาเขาต้องถอนตัวออกมาอยู่เบื้องหลังเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ วิณจึงให้เขาเป็นผู้ช่วย ช่วยงานกิจการประจำวันของเขา อย่างไรก็ตามแม้ว่าบุลกิตจะไม่สามารถสู้รบในแนวหน้าได้ แต่หัวใจของเขายังคงมีความเป็นฮีโร่อยู่ เมื่อเขาได้ยินว่าภารกิจสำเร็จไปด้วยดี หัวใจของเขาจึงมีความสุข วิณครุ่นคิดกับตัวเอง มีภารกิจไม่มากนักที่จะมีความสุขเมื่อทำสำเร็จ ดวงตาสะท้อนภาพเรื่องราวในคืนนั้นและภาพหญิงสาวคนนั้น และเสียงนุ่มลึกก็ได้ออกคำสั่งกับบุลกิต “ช่วยฉันสืบประวัติใครบางคนหน่อย” …….. ตระกูลดาวริศกุลเตรียมตัวกับเรื่องราวนี้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับตอนที่ตัดสินใจอย่างเงียบๆว่าจะส่งเธอไปเรียนต่างประเทศ แขไข เธอแต่งตัวมาและมาถึงหน้าประตูโรงแรมอย่างมึนงง เธอมองไปที่อาคารสูงตระหง่านตรงหน้าเธอ ค่ำคืนที่มืดมิดคืนนั้นเต็มไปด้วยแสงไฟและแสงระยิบระยับ โรงแรมที่สูงใหญ่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ แต่ใจเธอตกลงไปในความมืด เธอสูดลมหายใจเข้า และหลับตาลงเบาๆ และรีบเข้าไปในโรงแรมอย่างรวดเร็ว ฉัตรพรได้เตรียมคีย์การ์ดสำหรับเปิดห้องไว้ให้เธอ เธอเข้าไปในลิฟต์ และไปยังชั้นบนสุด เมื่อลิฟต์ขึ้นไปสูงเรื่อยๆใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้น เมื่อลิฟต์ดัง “ติ้งต่อง” เธอก็สงบลง 5601 ห้องเพรสซิเดนสูท แขไขเคาะประตูอย่างไม่ลังเล เธอกลัวหากเธอลังเลแม้แต่นิดเธออาจจะเสียใจและรีบออกจากไปอาคารนี้เลยก็ได้ แต่เธอทำไม่ได้ แม่ของเธอยังคงอยู่โรงพยาบาลและรอจ่ายค่ารักษาอยู่ หลังจากที่เคาะสามครั้ง ไม่มีใครตอบเธอวางมือบนลูกบิดและเปิดมันอย่างเบามือ ไม่ได้ล็อค? เธอขมวดคิ้ว และก้าวเล็กๆเข้าไปด้านใน ด้านในมืดมากและเธอมองไปรอบๆ แล้วเดินไปที่สวิตช์ไฟบนผนัง แค่เพียงก้าวไปหนึ่งก้าว ลมหายใจร้อนแรงก็มาอยู่ด้านหลังของเธอ เอวของเธอก็ถูกล็อคเอาไว้ และแขนของเธอก็ถูกล็อคไว้ด้านหลัง และขาของเธอก็เสียหลักเล็กน้อย และร่างกายเธอก็ถูกผลักไว้กับกำแพงและหน้าผากของเธอก็รู้สึกเจ็บ “อ๊ะ!” ชายด้านหลังกลับไม่รู้สึกอะไร เธอดิ้นรนอยู่สองสามครั้งแต่กลับไม่เป็นผล “ปล่อยฉัน!” “ปล่อย?” น้ำเสียงที่นุ่มลึกราวกับแม่เหล็กสะท้อนเข้าไปในหูพร้อมกับลมหายใจที่ร้อนแรงของเขา “เธอบุกเข้ามาในห้องฉัน แต่กลับให้ฉันปล่อย?” “ฉันเคาะประตูแล้ว แล้วคุณก็ไม่ได้ล็อคประตู!” ใบหน้าของแขไข ติดอยู่กับผนัง ท่าทางของเธอน่าอายอย่างยิ่งและกระโปรงสีแดงของเธอก็ยับยู่ยี่ “ถึงประตูฉันจะเปิดก็ไม่ได้หมายความว่าให้เธอเข้าไป” ชายคนนั้นพูดอย่างโหดเหี้ยมและมันช่างน่ากลัว แขไขก็นึกถึงคำพูดของฉัตรพรได้และจุดมุ่งหมายของครั้งนี้ เธอพยายามตั้งสติ มองไม่เห็นชายที่อยู่ด้านหลัง แต่เธอจำได้ว่าฉัตรพรบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนตาบอดและเป็นใบ้ ถ้าเช่นนั้นแล้วผู้ชายที่ปรากฏในห้องในตอนนี้คือใคร? เมื่อนึกได้เช่นนั้น แขไขก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันแค่เข้ามาพบคุณวิณ ฉันไม่ได้จะมาบุกรุก หวังว่าคุณจะให้เกียรติกัน” “เหอะ” เสียงหัวเราะดังจากด้านหลังและเต็มไปด้วยความไม่ไยดี ภายในใจของ แขไข ก็โกรธขึ้นมากเรื่อยๆ “คุณหัวเราะอะไร!” ชายคนนั้นไม่ได้ตอบ หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาแสงในห้องสวีทที่หรูหราก็สว่างทันที ชายคนนั้นใช้แรงดึงเธอเข้าหาตัวเองและเผชิญหน้ากัน ดวงตาทั้งสองจ้องมองกัน และทุกอย่างก็หยุดลงกะทันหัน แขไขตกตะลึงอย่างมาก
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 2 มาที่ประตู
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A