ตอนที่ 11 หล่อล่ำจนกำเดาไหล   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 11 หล่อล่ำจนกำเดาไหล
ตอนที่ 11 หล่อล่ำจนกำเดาไหล “....” “เพราะฉะนั้นเก็บรอยยิ้มเสแสร้งกับความห่วงจอมปลอมนั่นไปเถอะ ผมไม่ต้องการ” เทวิณปลดมือของเธอออก เมื่อเห็นสีหน้าแข็งค้างเป็นหินของเธอก็ไม่พูดอะไรให้มากความอีก “พรุ่งนี้เธอต้องไปกินข้าวที่บ้านกับผม คุณปู่อยากเจอคุณ” แขไขตกใจ “คุณพูดกับเรื่องแต่งงานกับที่บ้านแล้วเหรอ?” ปฏิกิริยาของเธอค่อนข้างรุนแรง ผู้ชายคนนั้นหรี่ตาลง “ทำไม รึคุณอยากจะปกปิดเอาไว้?” “เปล่า!” แขไขกลัวเขาเข้าใจผิด รีบอธิบายว่า “ฉันก็แค่ตื่นเต้นนิดหน่อย คุณบอกกับครอบครัวคุณว่ายังไงบ้าง พวกเขาจะเกลียดฉันรึเปล่า?” เทวิณสีหน้าของ ผ่อนคลายลง “เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล แค่จำฐานะของตัวเองก็พอแล้ว” “แต่ว่า...” “ไม่มีแต่ รีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” เอ่ยจบเขาก็หยัดกายลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง แขไขเห็นเขาขึ้นไปชั้นสอง ทว่าตัวเองยังมีคำถามค้างคาในใจอีกมากที่ต้องที่คำตอบ คิดได้อย่างนั้นก็กัดฟันแล้วตามเขาขึ้นไป กระทั่งขึ้นไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูก็ยังคงพูดพร่ำไม่หยุด ทำงานยุ่งมาทั้งวันจนสมองล้าไปหมด สุดท้ายความอดทนของผู้ชายคนนั้นก็มาถึงขีดสุด เขาหันตัวกลับมากักเธอไว้ที่ประตู ก้มหน้าลง “ถ้าหากคุณนอนไม่หลับ ผมก็ไม่มีปัญหาที่จะทำกิจกรรมพิเศษอย่างอื่นหรอกนะ” แขไขชะงัก พอเข้าใจถึงความหมายในประโยคนั้นของเขาแล้วใบหน้าเล็ก ๆสีแดงไล่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตทั้งสองมองเขาเล็กน้อย จากนั้นก็ฝ่าเท้าทาน้ำมัน รีบไถตัวหายไปทันที เทวิณมองดูแผ่นหลังที่ดูจนตรอกนั่นวิ่งหัวซุกหัวซุนจากไปก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา นึกว่าจะฉลาด คาดไม่ถึงว่าที่แท้ก็เป็นแค่คนโง่ที่ห่มหนังคนฉลาดเท่านั้น ..... เช้าตรู่วันต่อมา แขไขลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว แม้การแต่งงานกับเทวิณจะเป็นเรื่องฉุกละหุก และก็เป็นเพียงแต่ในนามเท่านั้น ทว่าพอจะได้มาเจอกับผู้อาวุโสจริงๆแล้ว เธอก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ เธอไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย ลังเลอยู่นานสุดท้ายก็เลือกชุดมาสามสี่ชุดจากนั้นก็ไปเคาะประตูห้องของเทวิณ ก๊อก ก๊อก ก๊อก----- เสียงเคาะครั้งที่สามสิ้นสุดลง ทว่าในห้องก็ยังคงเงียบกริบ ไม่มีกระทั่งเสียงขยับ อย่าบอกนะว่ายังไม่ตื่น? แขไขขยับมือเคาะอีกสามครั้ง แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับอยู่ดี เธอก็เลยผลักประตูเข้าไปข้างใน กวาดตามองแวบแรกก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนอนเปลือยกายโผล่ออกมาครึ่งหนึ่งอยู่บนเตียง หุ่นเขาเริ่ดมาก กระดูกตั้งแต่ช่วงหัวไหล่ของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพละกำลัง กล้ามเนื้อได้สัดส่วนราวกับภาพวาด รูปร่างที่สมบูรณ์แบบได้อยู่บนตัวเขาแล้ว แขไขขยับมือเท้าเงียบอย่างเชียบย่องไปที่ข้างเตียง เห็นว่าคนบนเตียงยังนอนหลับสนิทก็เรียกเขาเบาๆ “คุณวิณ?” ผู้ชายคนนั้นไม่มีปฏิกิริยา เธอลองเรียกอีกสองครั้ง เห็นเพียงคิ้วเข้มน่ามองนั้นย่นเข้าหากัน ทว่าตัวคนกลับยังคงหลับลึกเหมือนเดิม เธอหลุบตาลงมองเสื้อผ้าในมือ จากนั้นก็เรียกขวัญตัวเองให้ทำใจกล้าเข้าไปใกล้เตียงมากขึ้น ก้มเอวลงแล้วใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ข้อมือที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มของเขา “วิณ...อ๋า !” ทันใดนั้นท่อนแขนที่เปี่ยมไปด้วยกำลังก็ยื่นออกมานอกผ้าห่มคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธอ ออกแรงเพียงนิดเดียวก็พาร่างของเธอขึ้นมาอยู่เตียงได้ในทันที เธอยังไม่ทันได้ตั้งหลักยืน ร่างก็โถมลงไปเสียแล้ว ถูกกดอัดเอาไว้เข้ากับแผ่นอกแข็งหนาของผู้ชายคนนั้น จมูกปะทะเข้ากับก้อนเนื้อล่ำหนาขนาดนั้น ทำเอาเธอรู้สึกเจ็บจนคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน “อูย!” แขไขรู้สึกแค่ว่าผิวหนังของคนทั้งคู่ที่สัมผัสราวกับเกิดประกายไฟ เธอยกมือไม้ดันตัวเองลุกขึ้นอย่างร้อนรน ก้มหน้ามองผู้ชายที่อยู่ด้านล่างตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ “คุณ คุณวิณ!” “เช้าขนาดนี้มาโหวกเหวกโวยวายอะไร?” สายตาของผู้ชายคนนั้นมองมาอย่างไม่สบอารมณ์ มีความรู้สึกเพิ่งตื่นนอนในยามเช้าแฝงอยู่ในนั้นบาง ๆ แขไขมองกองเสื้อผ้าบนพื้นแล้วโยกคางไปมา “ฉัน ฉันแค่อยากถามคุณว่าจะใส่ชุดไหนดีเท่านั้นเอง” หัวคิ้วของเทวิณย่นเข้าหากันจนแทบจะบี้แมลงตายได้ “คุณก็เลือกเองสิ” “ฉัน ฉันรู้แล้ว” แขไขยังไม่ทันเอ่ยอะไรก็รีบงับลิ้นตัวเองไว้ ท่าทางอบอุ่นเกินไปแล้ว แม้ตาสายตาเธอก็รู้ว่าจะมองไปทางไหนดี เทวิณไม่ได้มีความคิดอื่นใดมากไปกว่านี้ ทว่าพอเห็นใบหน้าแดงเรื่อของสาวน้อยคนนั้น ทั้งยังมีสายตาที่ลุกลี้ลุกลนนั่นอีก เขาก็พลันรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “เข้ามาในห้องของผม แถมยังกล้าโผขึ้นมาอยู่บนตัวผมอีก นี่รีบร้อนส่งตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ?” แขไขเบิกตาโต ส่ายหัวไปมาราวกับกลองของเล่นป๋องแป๋ง “ไม่ใช่นะ!” “แล้วอะไรที่ใช่?” “ฉันก็แค่อยากมาถามคุยเรื่องชุดเฉยๆ แต่คิดไม่ถึงว่าคุณกำลังนอนอยู่...” แขไขกลัวว่าตัวเองจะถูกเข้าใจผิด ท่าทางเหมือนกำลังถูกนึ่งจนสุก ทั่งร่างราวกับอัดไปด้วยแก๊ส “บังเอิญขนาดนั้นเชียว...” เสียงของผู้ชายคนนั้นคล้ายกับกำลังจมลงไปในความคิด ฉับพลันนั่นมือที่กุมอยู่ที่เอวของเธอก็ออกแรงมากขึ้น แล้วตำแหน่งของคนทั้งสองก็สลับกัน “ในเมื่อมาแล้ว งั้นก็นอนเป็นเพื่อนผมสักหน่อยแล้วกัน” กลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆบนตัวของผู้ชายคนนั้นลอยเข้าไปในจมูกแขไข สิ่งที่ปะทะกับสายตาเธอตอนนี้ก็คือกล้ามเนื้อสุขภาพดีสีฟางข้าว ตัวเธอแข็งข้างจนไม่กล้าขยับ สมองแวบภาพที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งนั้นที่ประเทศ Y สมควรตาย นี่เธอ...สั่นงั้นรึ แล้วก็เป็นจริงดังคาด เทวิณรู้สึกได้ว่าเธอกำลังสั่นก็เลิกคิ้วมอง “สั่นอะไร?” ตอนที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ลมปากริมฝีปากบางก็กระทบเข้ากับผิวของเธอ ตัวของแขไข แข็งค้าง ตอนที่เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ของเหลวร้อนๆก็ไหลออกมาจากจมูก... เทวิณช้อนสายตาขึ้นมองก็พบว่ารูจมูกทั้งสองข้างของผู้หญิงคนหนึ่งมีเลือดไหลออกมาเป็นทาง ส่วนเจ้าตัวกลับไม่รู้สึกตัวสักนิด ยังคงนั่งมองเขาอย่างโง่งม เทวิณเงียบไปราวสองวิ ก็ยังทำใจดูต่อไปไม่ไหว “แขไข...” “หืม?” “เลือดกำเดาคุณไหลแล้ว” “...” วินาทีต่อมาผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนกับแมวที่ถูกเหยียบหาง รีบออกแรงผลักเขาออก ใช้มือเท้าปีนลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงตึงตังดังผ่านไป ภายในห้องก็ไม่เห็นเงาคนแล้ว มองดูห้องว่างๆของตน ผู้ชายคนนั้นก็เริ่มหัวเราะออกมา น้ำเสียงฟังดูเซ็กซี่ราวกับเสียงปลายนิ้วที่พรมลงเปียโนจนเกิดเป็นบทเพลงที่สะเทือนใจของผู้ที่ได้ฟัง ..... เวลาสิบเอ็ดโมง เรนจ์โรเวอร์สีดำก็มาจอดเบื้องหน้าคฤหาสน์ในเมือง ตัวคฤหาสน์รวมไปถึงสวนถูกดีไซน์เป็นสไตล์คลาสสิก สองข้างทางมีไม้ดอกและป่าไผ่ปลูกไว้อยู่ไม่น้อย ตลอดทางแขไข ไม่เอ่ยอะไรแม้แต่ประโยคเดียว ยังคงจมอยู่ในอยู่กับตัวเองเมื่อตอนเช้าอย่างไร้สติ กระทั่งตอนนี้เมื่อเห็นคฤหาสน์ผ่านนอกหน้าต่างรถก็รู้สึกอยากถอดกรูดขึ้นมาเสียเฉยๆ “ไปกันเถอะ” เทวิณปลดเข็มขัดนิรภัย เอ่ยเตือน แขไขถึงได้ลงจากรถ ทั้งสองเดินไหลชนไหล่ไปด้วยกัน สายตาของเทวิณมองไปยังชุดแสกสีแดงบนร่างของเธอ คอวีตื้น เก็บเอว เดิมเธอก็ผอมอยู่แล้ว ชายกระโปรงเผยท่อนขาเรียวยาวทั้งสองข้าง ไม่บ่อยครั้งนักที่เธอสวมส้นสูง ทำให้ตัวเธอดูสูงขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว เวลาก้าวเดินดูมีชีวิตชีวา มีความเป็นผู้หญิงเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว การใส่เสื้อผ้าสีสดในโอกาสต่างๆนั้น หากไม่ระวังให้ดีจะทำให้ดูมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี แต่เมื่อเธอใส่แล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้น ตรงข้ามยังดูเป็นสาวน้อยที่ดูไปแล้วให้อารมณ์สุขุม ทว่าอย่างไรก็เป็นสาวน้อยวัยยี่สิบสาม ความประหม่าที่จะได้เจอผู้อาวุโสได้เขียนอยู่เต็มใบหน้าของเธอ เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ แม่บ้านที่รอต้อนรับอยู่แล้วก็เปิดประตูออก “คุณชาย กลับมาแล้วรึคะ” เทวิณพยักหน้าเป็นเชิงว่าได้ยิน เขาพาแขไขเดินผ่านโถงใหญ่ตรงเข้าไปในห้องรับแขก ผนังในห้องรับแขกขนาดใหญ่แขวนภาพของจิตรกรชื่อดังมากมาย เครื่องเรือนส่วนมากก็ทำมาจากไม้หายาก บนโต๊ะมีของน่าสนใจเล็กๆหลายชิ้นวางอยู่ แม้เธอที่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของสะสมก็ยังดูออกว่าของเหล่านี้ต้องมีราคาไม่ธรรมดา บนโซฟาไม้สีแดงที่ตั้งอยู่ตรงกลางมีชายอาวุโสคนหนึ่งนั่งอยู่ เส้นผมของเขาเป็นสีขาวโพลน ใบหน้าหลงเหลือริ้วรอยของขวบปีที่ล่วงเลยผ่านไป ทว่าดวงตาคู่นั้นไม่มีความสับสนสักนิด กลับแจ่มใส แหลมคม บางทีรูปลักษณ์ภายนอกอาจเปลี่ยนไปตามการเวลา แต่ไม่ใช่กับบรรยากาศรอบกายที่แผ่ออกมาที่เมื่อผ่านกาลเวลาไปก็จะยิ่งเพิ่มพูนขึ้น สองมือของผู้อาวุโสท่านนั้นกำลังกุมไม้เท้าที่แกะสลักอย่างประณีตบรรจง เมื่อเห็นคนทั้งสองเดินเข้ามา บนใบหน้าก็ไม่ปรากฏรอยยิ้มใดๆ หัวใจของแขไขร่วง ‘ตุบ’ ไปที่ตาตุ่ม เธอเดาว่าวันนี้คงจะผ่านไปอย่างไม่ง่ายแน่ๆ และก็เช่นนั้นทันทีเมื่อวินาทีต่อมาได้ยินเสียงของผู้อาวุโสเปิดปากเอ่ยอย่างมีโทสะว่า “แกยังรู้จักกลับบ้านอยู่เรอะ!”
已经是最新一章了
加载中