ตอนที่ 14 ความรู้สึกที่ห้ามยาก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 14 ความรู้สึกที่ห้ามยาก
ตอนที่ 14 ความรู้สึกที่ห้ามยาก “เขาเป็นพี่ชายฉัน!” “พี่ชายคุณ?” เขาหัวเราะนิ่ง “พี่ชายที่ไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดคนนั้นน่ะนะ?” ปีก่อนชีวิตของขจรจิตคนนี้ยุ่งเหยิงมาก หลังจากหลอกกุลยาจนเหลือแต่แขไขแล้ว ก็แต่งงานกับฉัตรพรทั้งสองคนอยู่ด้วยกันไม่กี่ปีก็คลอดขณิฐา แต่ขจรจิตคนนี้เป็นพวกให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงจนเข้ากระดูก อยากได้ลูกชายสักคน จนใจที่ฉัตรพรไม่สามารถตั้งครรภ์ครั้งที่สองได้อีก ดังนั้นก็เลยหอบปิติกรเข้ามา เลี้ยงดูให้เขาเป็นคนที่มาช่วยงานของตัวเอง แต่อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ลูกชายในสายเลือด ขจรจิตไม่วางใจในตัวเขา แค่มอบอำนาจในการดูแลเท่านั้น อำนาจในการตัดสินใจต่างๆ ในบริษัทยังคงอยู่ในมือของตัวเอง แต่เพราะอย่างนี้เอง ทำให้ความสัมพันธ์ของแขไขกับปิติกรนั้นแปลกๆ ตอนที่เทวิณตรวจสอบข้อมูลที่ได้มาก็พบว่าความรู้สึกที่ปิติกรมีต่อเธอนั้นไม่ปกติ แต่แขไขก็เป็นแบบนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงเป็นความสัมพันธ์เชิงครอบครัวเสียมากกว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบคนรัก เขาคิดว่าที่เธอแต่งให้เขาเพราะมีใจอยู่บ้างไม่มาก็น้อย ดูแล้วคงเป็นเขาที่คิดไปเอง แขไขคาดไม่ถึงว่าเขาจะรู้ถึงขนาดนี้ ราวกับว่าความคิดเล็กในใจถูกเดาถูก ตอนที่เธอรู้สึกกระดากอายอยู่นั้นปฏิเสธอย่างสุดความสามารถ “ต่อให้ไม่ได้มีสัมพันธ์ทางสายเลือดแต่เขาก็เป็นพี่ชายของฉัน! คุณจะว่าฉันยังไงก็ได้ฉันไม่แคร์ แต่ห้ามทำให้พี่ชายฉันมีมลทิน!” ช่วงเวลาหลายปีมานี้ที่อยู่ในตระกูลดาวริศกุล ปิติกรเปรียบเสมือนแสงสว่างของแขไข บ้านที่มีแต่ความเลวร้ายแบบนั้น มีเพียงปิติกรที่ปฏิบัติกับเธออย่างจริงใจ มอบความอบอุ่นและการดูแลแก่เธอ เทวิณมองสีหน้าแค้นเคืองตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ ปกติเป็นเด็กดีว่าง่าย พอพูดถึงคนที่ตัวเองสนใจก็เผยธาตุแท้ออกมางั้นรึ? ริมฝีปากของผู้ชายคนนั้นกระตุกเป็นยิ้มเย้ยหยัน เขายื่นมือไปตรึงที่หลังคอของเธอ แสยะฟันเหมือนสัตว์ร้ายที่คล้ายจะกัดเส้นเลือดของเธอได้ตลอดเวลา “พอพูดถึงปิติกรหน่อย ก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลยสินะ” “ฉันเปล่านะ!” แขไขค้านอย่างเคืองๆ “คุณอย่าเอาความคิดสกปรกอย่างนั้นมาตัดสินเขานะ!” “เฮอะ” เสียงหัวเราะลอดออกจากริมฝีปากหนึ่งคำ ทว่ากลับไม่มีความรู้สึกขำขันในนั้นแม้แต่น้อย ตรงข้ามกลับทำให้คนฟังรู้สึกเยือกเย็นและเดียดฉันท์ในเวลาเดียวกัน “ผมน่ะเหรอความคิดสกปรก” นี่เป็นครั้งแรกที่เทวิณได้ยินคนบรรยายถึงตัวเองแบบนี้ “ถ้าคุณวางแผนอยากจะสานสัมพันธ์ที่เกินขอบเขตแบบนั้นกับปิติกรล่ะก็ ผมเองก็ไม่ขัดข้องที่จะเปิดประสบการณ์สกปรกที่แท้จริงให้คุณดู” พอแขไขเห็นว่าเปลวไฟกองเล็กๆ ลุกโชนอยู่ในตาของเขา เธอก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีกแต่ความโกรธนั้นยังมีอยู่ คนทั้งสองมองกัน ในตอนที่แขไขคิดว่าเขาจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ คนคนนั้นก็ปล่อยมือเธอจากนั้นก็หันไปขับรถต่อคล้ายกับว่าเคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น นอกจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆของรถ ก็แทบไม่รู้สึกถึงอารมณ์ของเขาเลย ในรถอบอวลไปด้วยความรู้สึกประหม่าเหมือนยามตอนก้าวเดินบนพื้นหิมะเปราะบาง แขไขรู้ตัวดีว่าตัวเองได้ยั่วโทสะของผู้ชายคนนี้เข้าแล้ว ตัวรถแล่นด้วยอัตราความเร็วมากกว่า120กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาเกือบตลอดทาง ระยะทางที่เดิมต้องใช้เวลาสี่สิบนาที เขาใช้ไปเพียงยี่สิบกว่านาทีเท่านั้นก็มาถึงหน้าประตูบ้านเป็นที่เรียบร้อย เธอยื่นมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยทันที ไม่อยากสนทนากับเขาแม้แต่วินาที เพียงแต่การกระทำนั้นค่อนข้างรีบร้อนเกินไป เรื่องที่เดิมเป็นเรื่องง่ายๆจึงกลับกลายเป็นยากไป เทวิณมองท่าทางร้อนรนของเธออย่างเย้ยหยัน มือเล็กพยายามกดตัวล็อคซีทเบลล์ทว่ากดอย่างไรก็กดไม่ถูก มือใหญ่จึงยื่นออกไปกดแทนเธอ เสียง ‘แกร๊ก’ดังขึ้น เข็มขัดนิรภัยก็ปลดออก ที่ไล่ตามหลังมายังคงเป็นคำเตือนเย็นชาของผู้ชายคนนั้น “ครั้งหน้าถ้ายังกล้าส่งที่อยู่ให้กับ อีก คุณก็รอดูผลก็แล้วกัน” เอ่ยจบประโยคเทวิณก็ไม่มองคนตัวเล็กบนรถอีก ผลักประตูแล้วก้าวออกไป จนเขาลงรถเดินจากไปไกลแล้ว แขไขถึงได้หายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก ยกมือกุมอกตัวเอง เห็นสีหน้าเกรี้ยวกราดของเขาแล้ว เธอก็รู้สึกใจแป้วขึ้นมาจริงๆ ตอนที่แขไขสำนึกได้ว่าต้องไปเอามือถือ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าถูกเขาโยนทิ้งไปแล้ว เธอชูกำปั้นไปมากับเงาหลังของเขา “ไอ้เวร!” .... ทางอีกด้านหนึ่ง ปิติกรเดินออกมาจากสนามบินเพื่อขึ้นรถ รออย่างไร แขไขก็ไม่ส่งข้อความกลับมา ที่ผ่านมาเขาไม่ใช่คนที่ไม่มีความอดทน โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องของแขไขเขาแทบจะได้ใช้ความอดทนทั้งหมดของตัวเองแล้ว ทว่าครั้งนี้ เขากลับร้อนรนผิดปกติ ในหูของเขาแว่วประโยคที่ผู้ชายคนนั้นพูดว่า ‘เมียจ๋า’ ซ้ำไปมา พอคิดว่าน้องสาวที่ตัวเองเฝ้าปกป้องมาหลายปีถูกผู้ชายที่ไม่จักชื่อเสียงเรียงนามพาตัวไป ในใจของเขาก็รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมา หลายสิบนาทีต่อมาสุดท้าย แขไขก็อดไม่ไหว คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายออกไป สีหน้าที่เดิมทีก็ไม่น่ามองอยู่แล้วพอได้ยินเสียงผู้หญิงที่ตอบกลับโดยระบบอัตโนมัติก็ยิ่งมื้อครึ้มลง----- ‘ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งในภายหลัง’ “Shit!” แขไขระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างที่หาได้ยาก ครั้งนี้เขาทิ้งมือถือลงบนคอนโซลรถ คนขับรถกับผู้ช่วยค่อยๆลอบมองผ่านกระจกหลัง ผู้ช่วย กระทั่งไพล่คิดไปว่าตัวเองฝันอยู่หรือเปล่า เขาอยู่ข้างกายแขไขมาสองปี นี่นับเป็นครั้งแรกที่เห็นเขาระเบิดโทสะเพราะเรื่องส่วนตัวแบบนี้ แขไขหันไปมองวิวข้างทางนอกหน้าต่างรถที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่เปิดปากขึ้นนั้น น้ำเสียงไม่หลงเหลือความอบอุ่นอีกต่อไปแล้ว “กลับตระกูลดาวริศกุล” สี่สิบนาทีให้หลัง รถก็มาจอดเทียบอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลดาวริศกุล ปิติกรไม่รอให้คนขับเดินมาเปิดประตูให้ก็ก้าวออกมาด้านนอกด้วยตัวเอง ทิ้งคนขับรถกับผู้ช่วยที่ยืนมองหน้ากันอยู่ตรงนั้น ปิติกรกลับมาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ขจรจิตกับฉัตรพรไม่รู้เรื่องมาก่อน แต่พอดีว่าวันนี้เป็นวันหยุดทั้งสองต่างก็อยู่บ้าน เห็นเขาเข้ามา ก็ตกใจไปเล็กน้อยจากนั้นก็รีบลุกขึ้นต้อนรับ “กลับมาแล้วเหรอ ทำไมไม่บอกกันก่อนสักคำล่ะ แม่กับพ่อจะได้ส่งคนไปรับ” ปิติกรมองฉัตรพรอย่างชืดๆ ร้องเรียกหนึ่งคำ “คุณแม่” ถึงปิติกรจะไม่ใช่ลูกชายในไส้ของเธอ แต่เมื่อเขามีสิทธิ์บริษัทอันยาอยู่ในมือ เธอย่อมไม่ทำให้เขาขุ่นใจ ยิ้มรับทักทายเขาทันที “ตลอดทางกลับคงจะเหนื่อยมากสินะ รีบมานั่งพักก่อนเถอะจ้ะ” “ไม่เป็นไรครับ” ปิติกรไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งแม้แต่นิด กวาดสายตามองรอบห้องนั่งเล่นรอบหนึ่งก็เห็นเพียงขณิฐากำลังนั่งกินผลไม้อยู่บนโซฟา หัวคิ้วของเขาย่นเข้าหากัน “ไข่หวานล่ะครับ?” เขากลับมาถึงพูดอะไรไม่พูดดันถามหาแขไข หน้าของฉัตรพรแข็งค้าง แต่ก็ยังแค้นรอยยิ้มออกมาได้ “ไข่หวานไม่ได้อยู่บ้าน น้องกลับบ้านมาก็ติดเล่น พี่ชายอย่างลูกก็ช่างใส่ใจ ถามหาน้องตลอด” แขไขติดเล่นหรือไม่ ในใจของปิติกรชัดเจนดี กุลยาป่วยหนัก ตระกูลดาวริศกุลก็กดดันสุดขีดขนาดนี้ ถ้าจะถามหาคนที่ไม่มีเวลาเล่นที่สุดก็ต้องเป็นเธอ ได้ยินฉัตรพรพูดแบบนี้ ปิติกรก็ไม่ได้เอ่ยอะไรให้มากความอีก เขาพูดคุยกับขจรจิตสองประโยคก็ขึ้นชั้นบนไป ห้องนอนของเขากับแขไขนั้นติดกัน เขาเดินไปที่ห้องเล็กๆนั่นแล้วผลักประตูเข้าไป ของในห้องนั้นถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ชนิดที่ว่ามีชั้นฝุ่นบาง ๆเคลือบอยู่ ชัดเจนว่าหลังจากเธอกลับประเทศก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน เขาสัมผัสไม่ได้เลยว่าแขไขได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ราวกับว่าเธอไม่เคยกลับมาที่นี่ ฉับพลันนั้นในหัวของปิติกรก็แวบความคิดเลวร้ายขึ้นมา ประจวบเหมาะที่ขจรจิตขึ้นมาชั้นบน เห็นเขายืนนิ่งอยู่หน้าห้องของ “ แกเข้ามาในห้องของไข่หวานทำไม?”
已经是最新一章了
加载中