ตอนที่15 เอาใจใส่แต่กลับโดนทิ้งข้างๆ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่15 เอาใจใส่แต่กลับโดนทิ้งข้างๆ
ต๭นที่15 เอาใจใส่แต่กลับโดนทิ้งข้างๆ “ไม่เพียงหนี นางยังใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม หลอกล่อคนในเรือนด้วย ”โม่จื่อฟงหรี่ตาลง เปิดม่านในรถม้าออก อินทรีตัวนั้นได้บินหายไปบนท้องฟ้าที่ใกล้จะมืดค่ำ กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม เป็นกลยุทธ์หนึ่งในศึกสามก๊ก หมายถึง การโจมตีศัตรูจนไม่ทันได้ตั้งรับ โดยหลอกล่อให้ศัตรูบุกโจมตีผิดตำแหน่ง เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถเอาชนะได้โดยง่าย “ท่านอ๋อง”จินมู่ขี่ม้าเดินไปด้านข้างของรถม้า มีสีหน้าจริงจัง“อยากส่งคนออกไปตามหรือไม่?” ไม่มีใครกล้าต่อต้านท่านอ๋อง สตรีผู้นั้นกลับกล้าหนีไป หากไล่ตามจับมาได้ มีกี่ชีวิตก็คงชดใช้ไม่ได้ คนในรถม้านิ่งเงียบ ไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน เขาปิดม่านลง และส่งน้ำเสียงเย็นชาออกมาจากในรถม้า “ ให้คนจากสำนักมี่หวี่ออกตามหา ให้ตามหาแบบเงียบๆ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นก็พอ” จินมู่ตกตะลึง สำนักมี่หวี่เป็นหน่วยข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นหนานเยว่ แม้จะเบื้องหน้าจะเป็นเพียงสำนักในยุทธภพ แต่เบื้องหลังเป็นคนสืบข่าวให้อ๋องอู่เสวียน สำนักมี่หวี่เป็นเพียงหน่วยข่าวกรองย่อยของอ๋องอู่เสวียนเท่านั้น โดยทั่วไปแล้วข่าวจากสำนักมี่หวี่ล้วนน่าเชื่อถืออย่างมาก เช่นนั้นทุกข่าวสารย่อมซื้อขายในราคาที่สูง เพื่อจะตามสตรีหนึ่งคนถึงกลับใช้สำนักมี่หสี่ออกตามหา... จินมู่ไม่กล้าสงสัยในความคิดของท่านอ๋อง เขาเพียงแอบตกใจ แต่ก็รีบไปถ่ายทอดคำสั่งของท่านอ๋อง ในรถม้าที่อยู่ท่ามกลางกองทัพทหาร ได้จุดกำยานของทางตะวันตก ควันที่ลุกไหม้เกิดเป็นเส้นเดียว พลิ้วไหวไปมาอย่างมีเสน่ห์ สตรีผู้หนึ่งสวมชุดผ้าลายปักที่ประณีตงดงาม ตรงขอบของชุดผ้าลายปักเป็นขนของสุนัขจิ้งจอกสีขาว ในฤดูหนาว แม้ว่าไม่ได้สัมผัส เพียงแค่มองก็รู้สึกอบอุ่นใจ สตรีที่มีอารมณ์ขัน มองดูแล้วกำลังอารมณ์ดี แม้ประตูรถม้าจะปิดอยู่ แต่สายตาของนางมองไปข้างหน้าตลอด คล้ายกับอยากจะมองทะลุประตูรถม้าออกไป “พี่ใหญ่ ประตูรถม้าปิดแล้ว ท่านจะมองอย่างไรก็มองไม่เห็นท่านอ๋อง ออกเดินทางมาตั้งไกลแล้ว ให้ข้านำขนมไปให้ท่านอ๋องแทนท่านดีหรือไม่? ”หญิงสาวอายุสิบสาม-สิบสี่ ปีที่นั่งอยู่ข้างๆ สตรีสวมชุดผ้าลายปัก ดูเหมือนจะเป็นคนฉลาดปราดเปรียว แค่มองสีหน้าท่าทางของสตรีสวมชุดผ้าลายปักก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไร “เจ้านี่นะ รู้ดีซะจริง” สตรีสวมชุดผ้าลายปักคือบุตรสาวสายตรงของมหาเสนาบดีฝ่ายขวาในรัชสมัยปัจจุบัน เซียวฉางเยว่ ตอนนี้เป็นหลานสาวของไทเฮา ฮ่องเต้ได้มอบตำแหน่งท่านหญิงหย่งหลิงให้ กล่าวได้ว่า ในแคว้นหนานเยว่ นอกจากองค์หญิงแล้ว สตรีที่มีฐานะสูงส่งที่สุดก็คงจะเป็นนางผู้นี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ในสภาพแวดล้อมที่สุขสบายเช่นนี้ คงอาจะได้ถูกเลี้ยงให้มีนิสัยโอหังอวดดี แต่เซียวฉางเยว่นั้นไม่เหมือนกัน เพียงแต่มีจิตใจที่ละเอียดอ่อนและรอบคอบ เรื่องดีดพิณ เล่นหมากรุก เขียนพู่กันจีน วาดภาพนั้นเป็นที่หนึ่งของเมืองเฟิ่งชี และถือว่าเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่มากด้วยความสามารถและเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม หญิงสาวข้างกาย คือ เซียวอวิ๋นฉิน น้องสาวมารดาเดียวกันกับเซียวฉางเยว่ นางถือขนมอยู่บนโต๊ะเล็กขึ้น “พี่ใหญ่ ขนมพวกนี้จะเอาไปให้หรือไม่ ?” “เจ้าคิดว่าไงล่ะ”เซียวฉางเยว่ยิ้มอย่างงดงาม กิริยาท่าทางล้วนสง่างามและสูงศักดิ์ “ แน่นอนว่าต้องให้ ไม่ใช่แค่ให้อย่างเดียว ยังต้องให้ทุกคนล้วนทราบกันทั่วหน้าด้วยว่าได้เอาไปให้”เซียวอวิ๋นฉินได้นำขนมจัดในกล่องอย่างระมัดระวัง “ครั้งนี้พี่ใหญ่เป็นท่านหญิงแห่งแคว้นหนานเยว่ที่ได้มาเป็นราชทูตแคว้นเป่ยหมิง เมื่อได้รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ไทเฮามีพระราชเสาวนีย์ให้อ๋องอู่เสวียนออกมาต้อนรับที่เขตชายแดนด้วยตนเอง การได้รับเกียรติในครั้งนี้ ถือว่าเป็นประวัติศาตร์หน้าหนึ่งของแคว้นหนานเยว่ ท่านคิดว่า หลังจากกลับเมืองไปในครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าไทเฮาทรงจะประทานงานแต่งให้ ” “เจ้านี่นะ อย่าพูดเหลวไหล ความคิดของไฮเทา พวกเราจะไปคาดเดาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร คำพูดนี้ เจ้าสามารถพูดต่อหน้าข้าได้เท่านั้น หากกลับเรือนห้ามเอ่ยต่อหน้าท่านพ่อกับท่านแม่โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นเจ้าโดนคัดกฎของตระกูลอีกแน่”เซียวฉางเยว่ส่ายหน้า ถึงปากจะตำหนิ แต่ในใจเต็มไปด้วยความดีใจอย่างยิ่ง เซียวอวิ๋นฉินทำปากจู๋แสดงถึงความไม่พอใจ และบ่นพึมพำ“ ไม่รู้จริงๆ ว่าอ๋องอู่เสวียนมีดีตรงไหน เจ้าถึงได้ชื่นชอบเขาขนาดนี้ เจ้าเห็นสตรีข้างกายของเขาหรือไม่ เปลี่ยนเป็นคนนี้ทีคนนู่นที หลายใจยิ่งนัก ทุกครั้งที่เจ้าลงทุนลงแรงไป เคยได้กลับมาหรือไม่?” “อวิ๋นฉิน ระวังคำพูด!”เซียวฉางเยว่มีสีหน้าเคร่งขรึม เปิดม่านรถม้าออก เห็นว่ารอบรถม้าไม่มีคนอื่นอยู่ จึงรู้สึกโล่งใจ “ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว มีบางเรื่องที่ไม่อาจพูดได้” “ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว”เซียวอวิ๋นฉินพยักหน้า ทำก็ทำไปแล้ว ยังจะกลัวคนอื่นพูดอีกรึ? เพราะอ๋องอู่เสวียน พี่ใหญ่เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด ไม่รู้ฆ่านางจิ้งจอกพวกนั้นไปเท่าไรแล้ว แต่ยังมาแสร้งทำเป็นคนจิตใจดีอีก หากท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้สนใจ ไทเฮาไม่ได้รักใคร่ นางคงเป็นนางจะมาประจบพี่ใหญ่นี้ได้ไง เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เซียวอวิ๋นฉินจึงให้คนขับหยุดรถ จากนั้นก็ถือกล่องขนมลงมาจากรถม้า ขบวนรถม้าที่ยาว ต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่เซียวอวิ๋นฉินจะเดินไปตามรถม้าของโม่จื่อฟงได้ทัน กำลังจะปากเปิดพูดก็เห็นจินมู่ที่มีหน้าตายด้าน“ท่านอ๋องอยู่พักผ่อนอยู่ แม่นางเซียวมีเรื่องอันใดรึ? ” “พี่ใหญ่ของข้าอยากจะขอบคุณท่านอ๋องที่คอยดูแลตลอดการเดินทางนี้ เกรงว่าท่านอ๋องจะรู้สึกไม่สดชื่น จึงให้ข้านำขนมมาให้โดยเฉพาะ ”เซียวอวิ๋นฉินยิ้มหน้าบาน อายุ 1สาม ปี กำลังเป็นวัยที่สดใส ถึงนางจะไม่ได้หญิงงามล่มเมือง แต่ก็ถือว่างาม เหมาะกับดวงตาสดใสบนใบหน้า สามารถทำให้คนใจยอมใจอ่อน จินมู่คล้ายกับไม่เห็นเจตนารมณ์ดีของนาง เพียงยื่นมือออกไป“แม่นางเซียวนำกล่องขนมมาให้ข้าเถิด ข้าจะรับแทนท่านอ๋องให้แล้วกัน อีกสักพักท่านอ๋องตื่นแล้ว ข้าก็จะเข้าไปให้เอง” “อื้ม...ก็ดี”เซียวอวิ๋นฉินยิ้มแห้ง จากนั้นก็ส่งกล่องขนมไป แล้วเดินกลับทันที นางเพิ่งหันหลังเดินไปไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเย็นชาดังมาจากในรถม้า “โยนทิ้งไป เปิ่นหวางไม่กินของหวาน” นั่นเป็นเสียงของโม่จื่อฟงชัดๆ! รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวอวิ๋นฉินได้จางหายไป ดวงตามืดครึ้มไร้แสงสว่าง ที่แท้โม่จื่อฟงก็ดังสมชื่อดี นิสัยเย็นชา ไร้ความรู้สึกอย่างแปลกประหลาด ในทุ้งหญ้า ขบวนรถม้าที่ยิ่งใหญ่กำลังเดินไปข้างหน้า เมื่อดวงอาทิตย์กำลังตกดิน ได้สะท้อนเป็นเค้าโครงราวกับภาพวาดที่งดงาม ในภาพวาดที่ได้แทรกเข้าไปในความทรงจำของคน ไม่นานก็ถูกผู้คนลืมเลือน ในรถม้า บุรุษที่นั่งเอามือเท้าคางอย่างเกียจคร้าน สายตาเริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ หากตั้งใจฟังดีๆ ก็เหมือนจะได้ยินเสียงว่า‘หลินซีนเยียน’สามคำนี้ หลังจากที่ดวงอาทิตย์ตกดิน ค่ำคืนในเมืองลี่ที่เป็นเมืองชายแดนเพิ่งจะเริ่มมืดลง เมืองลี่ เป็นเมืองชายแดนที่อยู่ติดกับเมืองอวิ๋น แต่ไม่เหมือนกับเมืองอวิ๋น เมืองลี่อยู่ใกล้กับแคว้นเป่นหมิง เมื่ออยู่ห่างไกลจะอำนาจของฮ่องเต้ ชาวบ้านก็เหิมเกริมเป็นธรรมดา เนื่องจากการเดินจากแคว้นหนานเยว่ไปแคว้นเป่ยหมิง จำเป็นต้องเดินผ่านเส้นทางนี้ เช่นนั้นความเจริญยังเทียบกับเมืองอวิ๋นไม่ได้ แต่ตลาดกลางคืนที่เมืองลี่โด่งดังอย่างมาก ว่ากันว่า ตลาดกลางคืนของเมืองลี่ มีเพียงสิ่งที่คิดไม่ถึง คือ ไม่มีอะไรที่ซื้อไม่ได้ ในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยของแปลกประหลาดมากมาย มีสินค้าที่ไม่คาดว่าจะมี เพียงอยากได้อะไร ก็ให้เขียนลงบนกระดาษ หลินซีนเยียนนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งในโรงน้ำชาที่ตลาดกลางคืน กำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา กลับจามไปหนึ่งที มีใครกำลังนินทานางอยู่รึ? “แม่นาง สองเหรียญสลึงของท่าน ดื่มน้ำชาของข้าไปสามถ้วยแล้ว ท่านคิดจะดื่มน้ำชาแทนข้าวหรืออย่างไร” เถ้าแก่โรงน้ำชายืนอยู่ข้างหลินซีนเยียน มีสีหน้าลำบากใจ
已经是最新一章了
加载中