ตอนที่17 ท่านอ๋องเย่อหยิ่ง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่17 ท่านอ๋องเย่อหยิ่ง
ต๭นที่17 ท่านอ๋องเย่อหยิ่ง เมื่อชายหนุ่มสวมชุดผ้าฝ้าย ไม่เห็นมีใครเสนอราคาอีก จึงรีบตกลงขายให้กับชายแก่อย่างดีอกดีใจ ชายแก่ส่งสัญญาให้คนติดตามส่งเงินให้กับชายหนุ่มสวมชุดผ้าฝ้ายทันที ชายหนุ่มสวมชุดผ้าฝ้ายยิ้มจนตัวบิดไปบิดมา หลังจากรับรับเงินก็หยิบโซ่เหล็กที่อยู่ข้างๆ และเปิดกรงออก เขาเดินเข้าไปล่ามโซ่เหล็กบนคอของเด็กชาย “ นายท่าน ตอนนี้เด็กมารหัวขนนี่เป็นของท่านแล้ว เชิญท่านจูงไปได้เลย” ชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ถูกเขาทำเป็นสัตว์ตัวหนึ่งที่นำออกขาย ชายแก่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ให้คนติดตามไปจูงโซ่เหล็กมา การซื้อขายในครั้งนี้ถือว่าสิ้นสุดลง เมื่อไม่มีเรื่องสนุกให้ดู ฝูงคนต่างก็ทยอยตัวกันออกไป มีเพียงหลินซีนเยียนที่ยืนมองกรงเหล็กที่ว่างเปล่าอยู่นาน นางคิดอยากจะช่วยเด็กที่น่าสงสารคนนั้น แต่ว่า นางไม่ใช่คนเก่งกาจอะไร นางเป็นเพียงคนธรรมดาและยังอ่อนแอ นางจึงเลือกที่จะอดกลั้น คนติดตามประคองชายแก่ขึ้นรถม้า สองข้างของรถม้ามีคนติดตามของเขาเดินประกบอยู่ คนหนึ่งจับโซ่เหล็กลากเด็กชายให้เดินไปข้างอย่างโซซัดโซเซ รู้ว่าตนเองไม่สามารถช่วยอะไรได้ ตอนที่รถม้าหายลับไปจากสายตา หลินซีนเยียนทนไม่ไหวจึงรีบวิ่งตามไป หลังจากที่นางอยู่หลังรถม้าห่างออกไปหลายจั้ง ก็มองเท้าเปลือยเปล่าของเด็กคนนั้น เดินไปอย่างยากลำบาก บาดแผลที่ถูกแส้ฟาด ยังคงมีเลือดไหลอยู่ น้ำสีแดงสดที่ขัดหูขัดตาหยดลงพื้นทีละหยด ทำให้ฝุ่นที่ลอยมาติดเปลี่ยนสีไป หมู่บ้านเล็ก เดินตามรถม้าไปสักพัก ในที่สุดรถม้าก็หยุดที่หน้าประตูจวน ชายแก่เดินลงจากรถม้า มองเด็กที่อยู่ข้างรถม้าแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จึงกำชับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ“ พาเข้าไปล้างตัวให้สะอาด ใช่แล้ว พาของเล่นที่ข้าซื้อมาจากเมืองหลวงครั้งที่แล้วเข้ามาในห้องด้วย คืนนี้ข้าจะจัดการมันอย่างดีๆ” “เข้าใจแล้วนายท่าน ท่านวางใจเถิด รับรองว่าจะเตรียมการให้เรียบร้อยดีทุกอย่าง”คนติดตามตอบรับอย่างรู้ใจ ใบหน้าที่แสดงความต่ำช้าออกมา ทำให้คนมองก็รู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร หลินซีนเยียนยืนอยู่ตรงมุมทางโค้ง สายตามองไปที่คนติดตาม สองคนที่พาเด็กชายเข้าไปในจวน เมื่อประตูบานใหญ่ปิด ท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดลง เป็นเวลานานกว่าที่หลินซีนเยียนจะเรียกสติคืนมาได้ สายลมกลางคืนพัดมา นางรู้สึกถึงความเย็นบนใบหน้า จึงยกมือขึ้นมาจับ ที่แท้เป็นน้ำตาที่ไหลออกมาตอนไหนก็ไม่รู้ นางได้เห็นความโหดร้ายของสังคมนี้อีกครั้ง การปกครองระบบศักดินาที่เข้มงวด ทำให้คนที่ไร้อำนาจเหล่านั้นต้องมีสภาพความเป็นอยู่ที่น่าเวทนายิ่งนัก นางถอนหายใจยาว ทรุดนั่งลงพื้นอย่างรู้สึกหมดแรง แผ่นหลังพิงติดกำแพง สักพักในหัวก็นึกถึง ภาพชายแก่นั่น กำลังทำลายศักดิ์ศรีของเด็กชาย... ทันใดนั้นก็มีเสียงกีบเท้าม้าดังขึ้น ทำให้นางเรียกสติคืนมา และมองไปที่ขบวนรถม้าเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ หมู่บ้านเล็กนี้เป็นทางผ่านเขตแดนที่ติดต่อกันระหว่างสองแคว้น ขบวนพ่อค้าส่วนใหญ่ต้องเดินทางผ่านเส้นทางนี้ นี่คงจะเป็นขบวนพ่อค้าที่กำลังเดินทางอยู่แน่ เมื่อคิดเช่นนั้นหลินซีนเยียนเตรียมจะหลีกทางให้ขบวนพ่อค้า แต่กลับเห็นคนที่คุ้นเคยอยู่ห่างออกไป “จินมู่?”นั่นเป็นองครักษ์ประจำตัวของโม่จื่อฟงไม่ใช่รึ? นางหวาดผวา จึงหันหลังคิดจะวิ่งหนีไป แต่พอจะก้าวเท้าออก กลับชะงักหยุดลง นางกัดปาด และหันหน้าไปมองรถม้าที่จินมู่อยู่ข้างๆ ทันที นางมั่นใจว่า โม่จื่อฟงต้องอยู่ในรถม้าคันนั้นอย่างแน่นอน พอหลินซีนเยียนหมุนตัวกลับมา จินมู่ก็เห็นนาง เขาเดินไปข้างรถม้าอย่างควบคุมตัวไม่ได้ และพูดกับคนในรถ“ ท่านอ๋อง แม่นางซีนเยียนยังอยู่ในหมู่บ้านนี้ ท่านอ๋อง...ให้ส่งคนไปพาตัวนางมาหรือไม่?” “ไม่ต้อง”น้ำเสียงของโม่จื่อฟงยังคงราบเรียบ ฟังไม่รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน สัตว์เลี้ยงควรอยู่ในกรง เขาไม่รีบร้อน เพียงอยากจะปล่อยให้สัตว์เลี้ยงตื่นกลัว แล้วค่อยใช้ตาข่ายดักจับมัน “พ่ะย่ะค่ะ!”จินมู่รับคำสั่งและสงบสติอารมณ์ ไม่หันไปมองทิศทางที่หลินซีนเยียนอยู่ ทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้คิดอะไร ขบวนรถม้าที่กลายเป็นจุดสนใจ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยต่างยืนมุงดู ในจำนวนนั้นก็มีคนที่คิดการชั่วร้ายปะปนอยู่ด้วย คิดจะใช้กวนน้ำจับปลา แต่หลังจากมององครักษ์ที่อยู่ตรงรถม้า ล้วนเป็นทหารที่สวมเครื่องแบบเต็มยศ ฝูงคนที่ยืนมุงดูก็เริ่มแยกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ในต้นปีนี้ ไม่มีเงินสู้มีเงินไม่ได้ มีเงินสู้มีอำนาจไม่ได้ ถึงคนบนถนนจะมีความกล้าแค่ไหน ก็ไม่กล้าไปเข้าไปยุ่งกับทหาร ขบวนรถม้าที่ค่อยๆ เคลื่อนที่ไป อีกไม่นานก็จะไปจากถนนเส้นนี้ ในช่วงนั้นหลินซีนเยียนคิดอะไรไม่ออก เมื่อกำลังเรียกสติคืนมาอยู่นั้น ตัวคนก็พุ่งเข้าไปขวางรถม้าของโม่จื่อฟง คนข้างกายของโม่จื่อฟง แต่ละคนมีฝีมือเก่งกาจ หากไม่ใช่จินมู่รีบมาหยุดก่อน นางในตอนนี้ เกรงว่าจะชีวิตจะหาไม่ “จินมู่ เหตุใดถึงหยุดรถ?”โม่จื่อฟงนั่งพิงหมอนอย่างเกียจคร้านอยู่ในรถ ที่มุมปากก็ยกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “ กราบทูลท่านอ๋อง มีคนขวางรถม้าพ่ะย่ะค่ะ ”ปากของจินมู่สั่น ในใจรู้สึกหวั่นกลัว ด้วยวรยุทธของท่านอ๋องแล้ว ม่านในรถม้าปิดลง ท่านอ๋องก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดต้องถามเขาด้วย? ในรถม้าที่เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ก็มีเสียงเบาๆ เอ่ยขึ้น“กล้าขวางรถม้าของเปิ่นหวาง ฆ่ามันซะ” “เออ...”ครั้งนี้ จินมู่สัมผัสถึงความโกรธไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตามคำสั่งของท่านอ๋องดีหรือไม่ ในขณะนั้นหลินซีนเยียนที่อยู่หน้ารถม้าได้ปีนขึ้นรถม้าด้วยตนเองแล้ว “จินมู่ รถม้าของเปิ่นหวาง ให้คนขึ้นมาตามอำเภอใจได้หรือ?”คำพูดของโม่จื่อฟงแทรกไปด้วยความโกรธเล็กน้อย ในที่สุดจินมู่ก็แสดงสีหน้ากังวลออกมา“ข้าน้อยไร้ความสามารถ ท่านอ๋องโปรดให้อภัย!” การเป็นองครักษ์ช่างยากลำบากยิ่งนัก ด้วยทักษะล่วงรู้ของนายท่านแล้ว ถึงจะเป็นสตรีที่ไม่เป็นวรยุทธ แต่ด้วยฝีมือที่เป็นเลิศ หากท่านอ๋องไม่เต็มใจ ก็ไม่ปล่อยให้เข้ามาใกล้รถม้าแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ ช่างเป็นท่านอ๋องที่เย่อหยิ่งยิ่งนัก จินมู่อยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา! ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบ่าว สำหรับหลินซีนเยียนแล้วราวกับไม่รู้สึกอะไร เมื่อเปิดม่านรถม้าแล้วก็เดินเข้าไป ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่งดงามออกมาทันที จากนั้นก็เข้าไปนั่งข้างกายของโม่จื่อฟงราวกับลูกแมวอ้อนคน มือเล็กๆ ก็พาดคอของโม่จื่อฟงและพูดจาอย่างอ่อนหวาน“ท่านอ๋อง ข้าคิดถึงท่านแทบตาย ได้เจอกับท่านอ๋องในที่แห่งนี้ บ่าวรู้สึกดีใจจริงๆ” โม่จื่อฟงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน หรี่ตามองหน้าของหลินซีนเยียน “อ้อ งั้นรึ?” “ก็ใช่สิเพคะ คิดถึงท่านจนข้าผ่ายผอมหมดแล้ว”ใบหน้าของหลินซีนเยียนยังคงยิ้ม แต่ในใจรู้สึกอยากจะอ้วก ที่แท้การเป็นคนไร้หนทาง ถึงจะถูกบังคับให้ทำอะไรก็ยอมทำทุกอย่าง “ฮึ”โม่จื่อฟงแค่นเสียงออกมาอย่างชั่วร้าย ยกมือขึ้นไปลูบใบหน้าของนาง นิ้วมือที่เรียวยาวลูบไล้ลงมาเรื่อยๆ จนถึงลำคอของนางในที่สุด นิ้วที่สัมผัสรู้สึกถึงความอ่อนโยว เขาก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น “เปิ่นหวางจำได้ว่า ก่อนที่จะไปได้เตือนเจ้าแล้ว ห้ามคิดหนีไปจากเปิ่นหวาง...” 
已经是最新一章了
加载中