ตอนที่107 การคัดเลือกก่อนเข้าสำนัก
1/
ตอนที่107 การคัดเลือกก่อนเข้าสำนัก
ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
(
)
已经是第一章了
ตอนที่107 การคัดเลือกก่อนเข้าสำนัก
ตนที่107 การคัดเลือกก่อนเข้าสำนัก หลินซินเยียนมองเด็กหนุ่มที่เดินมาหาตนเองตรงหน้าอย่างตกตะลึง มือที่ถือถ้วยชาอยู่ลืมวางลง สักพักถึงจะได้สติกลับมา “เจ้าแน่ใจนะว่าจะรวมกลุ่มกับข้า สำหรับศาสตร์ทั้งห้านั้นข้าอาจจะผ่านไปได้ไม่ราบรื่นนะ” นางทำได้ นางแค่เพียงเอาเปรียบผู้ผลิตอาวุธนิดหน่อยก็เท่านั้น “ใครบอกว่าท่านต้องทำได้กัน เมื่อครู่ข้าก็พูดไปแล้วไม่ใช่หรือ ท่านตามข้ามาก็พอ ข้าทำได้ก็พอแล้วไม่ใช่รึ” เด็กหนุ่มคนนั้นพยักหน้าให้กับหลินซินเยียนโดยปราศจากคำพูดใดใดโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างแม้แต่น้อย และก็ไม่เปิดโอกาสให้หลินซินเยียนปฏิเสธตนเองอีกด้วย “ข้าชื่ออู๋หมิง ดูแล้วท่านน่าจะอายุน้อยกว้าข้า ท่านจะเรียกข้าว่าพี่อู๋ก็ได้” “พี่ชายอู๋หรือ” มุมปากของหลินซินเยียนกระตุก “เช่นนั้นข้าเรียนท่านว่าขุนนางอู๋ได้หรือไม่” “ขุนนางอู๋หมายถึงอะไร” อู๋หมิงได้ยินเช่นนั้นก็ย่นคิ้ว “อ่าอ่า....”หลินซินเยียนหัวเราะเสียงแห้งสองครั้ง โบกมือไปมา “ไม่ได้มีความหมายอะไรหรอก อายุของพวกเราไม่ได้ต่างกันมาก เรามาทำความรู้จักชื่อกันดีกว่า ข้าชื่อหลินซินเยียน นางชื่อเอ่อร์ยา” จากการที่เขาแสดงตัวว่าต้องการช่วยเหลือเพื่อนในกลุ่ม หลินซินเยียนรู้สึกว่าก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ บุรุษชุดดำคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร ให้นางจัดการเอง เช่นนั้นนางก็นอนรับชัยชนะได้เลยสิ ทีแรกก็คิดว่ามีอู๋หมิงที่ไม่เปิดหูเปิดตาคนนี้ก็พอแล้ว ไม่คิดเลยว่าเมื่ออู๋หมิงนั่งลงก็มีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งเดินเข้ามา ชายคนนั้นสวมเสื้อนักปราชญ์มีสีสันสวยงาม มองแล้วก็ดูไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่เมื่อดูอย่างละเอียดแล้วทุกๆฝีด้ายของเสื้อเขาดูจะผ่านการปักมาอย่างประณีต ความหมายโดยนัยของเสื้อผ้าที่ไม่ฟุ้งเฟ้อของเขานั้นมันก็มากพอที่จะทำให้คนดูแคลนเขาไม่ได้ เขาเดินมานั่งด้านซ้ายมือของหลินซินเยียน ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ายินดีที่จะอยู่กลุ่มเดียวกับแม่นาง และหวังว่าแม่นางจะไม่ปฏิเสธ ยิ่งคนเยอะกำลังก็ยิ่งมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เก่งที่สุดเสมอไปแต่สำหรับเรื่องศาสตร์ทั้งห้านั้นอาจจะไม่เป็นสองรองใคร” “ข้าไม่ได้พูดหรือว่าข้าคนเดียวก็พอแล้ว ใครเชิญเจ้ามาร่วมกลุ่มหรือ เจ้าตั้งใจจะเข้ามาถ่วงกลุ่มหรือไม่” หลินซินเยียนไม่ได้พูดอะไร อู๋หมิงชิงพูดก่อน สีหน้าของเขาไม่ค่อยเป็นมิตรขณะจ้องคนที่นั่งอยู่ข้างๆหลินซินเยียนเลย ชายคนนั้นดูดีเกินไปหน่อย ชายคนหนึ่งที่หน้าตาแบบนี้ คงต้องการเด็ดดอกไม้กับสาวๆในหอนางโลมใช่หรือไม่ กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลินซินเยียนกระตุก เมื่อครู่ที่คนเหล่านั้นยิ้มเยาะนางที่ไม่มีคนมารวมกลุ่มด้วย เมื่อมีคนสองคนนี้มาร่วมกลุ่มด้วยแล้ว เหมือนเป็นการตบหน้าพวกเขาเลย ดังนั้นบนใบหน้าของหลินซินเยียนก็ปรากฏรอยยิ้ม “อย่างนี้นะ ข้าไม่ได้ถือสาที่จะมีคนเพิ่มมาอีกคน แต่ว่าดูแล้วเพื่อนร่วมทางของข้าดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้น ท่านไปดูทางนั้นก่อน ท่านดูกลุ่มเหล่านั้นที่ดูเหมือนกำลังปรึกษากันอยู่” สำหรับผู้ชายที่เหมือนจะเติบโตมากับสิ่งอัปมงคลนั้น หลินซินเยียนเองก็สังหรณ์ว่าต้องระวัง ถ้าจะโทษก็ต้องโทษโม่จื่อเฟิงที่ให้นางมีความทรงจำที่ลึกซึ้ง ยิ่งเป็นผู้ชายที่ดูดีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่ปลอดภัย ถ้าเขาไม่ทำตามผู้หญิง ผู้หญิงก็ทำตามเขาเพราะเขาหล่อ ดังนั้น โทษทีนะ สำหรับหลินซินเยียนแล้วนางยังมีอคติกับผู้ชายที่ดูดีอยู่ดี “ไม่ ข้าหวังว่าจะอยู่กลุ่มเดียวกับแม่นาง ข้าบริสุทธิ์ใจนะ อีกอย่างข้าจะต้องช่วยท่านได้แน่ ” ชายในชุดนักปราชญ์นำแผ่นหนังแกะหนึ่งผืนออกมาจากอกเสื้อ นำแผ่นหนังแกะออกมากางให้เห็นแผนที่ แต่ว่านั่นไม่ใช่แผนที่ธรรมดา แต่เป็นแผนที่คร่าวๆของทิศทางศาสตร์ทั้งห้านั่นเอง “แผนที่นี่ข้าเป็นคนวาดขึ้นมาเอง นับได้ว่าเป็นความสามารถของข้าเอง” สำหรับแผนภูมิของศาสตร์ทั้งห้านั้นหลินซินเยียนไม่รู้อะไร เมื่อมองปราดเดียวก็รู้สึกสับสนว้าวุ่น จนกระทั่งแววตาของอู๋หมิงนั้นก็เปลี่ยนไป มือของนางลูบไล้แก้วชา แล้วถามอีกว่า “เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะแลกกับค่าอาหารเช้า เช่นนั้นข้าถามหน่อย เหตุใดท่านจึงอยากอยู่กลุ่มเดียวกับข้า” ชายคนนั้นยิ้ม ในรอยยิ้มของเขานั้นราวกับว่ามีแรงสั่นสะเทือนของน้ำภูเขาทันที ไม่พูดไม่ได้ ชายคนนี้นอกจากโม่จื่อเฟิงแล้ว ชายคนนี้แหละที่หน้าตาดีที่สุดที่หลินซินเยียนเคยพบมา “เพราะว่าข้าคิดว่าแม่นางสวยมาก เป็นเรื่องของความรักความสวยงามของมนุษย์ทั้งสิ้น ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกลุ่มกับแม่นาง” ชายคนนั้นยิ้มไปตอบไป โชคดีที่ในโรงเตี๊ยมนี้แทบทั้งหมดเป็นผู้ชาย ไม่เช่นนั้นรอยยิ้มนี้คงจะทำให้ผู้หญิงหลายๆคนใจละลาย “เออ......” ในสังคมที่มีแนวคิดล้าสมัยแบบนี้นั้น สำหรับผู้หญิงแล้วคำพูดแบบนี้ถือเป็นคำพูดที่ดูไม่มีมารยาทอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าโชคดี จิตวิญญาณของหลินซินเยียนที่แท้จริงนั้นยังเป็นของคนในยุคปัจจุบัน ดังนั้นคำพูดที่ชวนคุยเช่นนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับนางมาก เอ่อร์ยาที่อยู่ข้างๆได้ยินเช่นนั้น ก็รีบยกขาขึ้นมา หมายจะคุ้มครองชื่อเสียงของเจ้านายของตนเต็มที่ “ท่านผู้นี้พูดเช่นนี้จะให้ข้าทนไว้ได้อย่างไร” ชายคนนั้นยิ้มอีกครั้ง “ข้าพูดความจริงก็เท่านั้น ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไร สรุปแล้วก็คือพูดจากใจจริงนั้นดีกว่าพูดอย่างคนหลอกลวงมากนัก ” เอ่อร์ยาอยากจะต่อปากต่อคำกับเขา หลินซินเยียนกลับดึงมือของนางไว้ ส่ายหัว “ช่างเถอะ มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องทะเลาะกันหรอก ที่จริงข้าไม่ได้ว่าอะไรถ้าจะมีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน แต่ข้าแค่อยากถามความเห็นของอู่หมิงก็เท่านั้น” ชายคนนั้นหันหน้ากลับมามองอู๋หมิง “จะทำอย่างไรก็ตามใจ หัวข้อของการคัดเลือกศิษย์ครั้งหน้าจะเป็นอะไรก็ไม่รู้ ผูกมิตรไว้ก่อนดีกว่าสร้างศัตรูไม่ใช่หรือ ท่านว่าถูกไหม” อู๋หมิงลังเลใจ ไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาของเขากวาดมองแผ่นหนังแกะที่อยู่ในมือของเขา ถึงแม้ว่าสีหน้าจะไม่ค่อยเป็นมิตร แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็พยักหน้า ก็ถือว่าเป็นการเห็นด้วยกับการรับเขาเข้ามา พวกเขาเพิ่งจะจับกลุ่มกันเสร็จ เมื่อมองดูรอบๆโรงเตี๊ยมก็พบว่าคนอื่นก็แทบจะจับกลุ่มกันเสร็จหมดแล้ว บุรุษชุดดำเรียกเพื่อนร่วมเดินทางบางคนที่เป็นตัวแทนเสียงดังเพื่อเริ่มรับผ้าสีดำหลังจากนั้นทุกคนถูกพาขึ้นรถม้า บนรถม้า หลินซินเยียนอดไม่ได้ที่จะคิดว่าคนเยอะขนาดนี้ จะต้องใช้รถม้าสิบกว่าคันถึงจะบรรทุกได้หมด ขบวนรถม้าสิบกว่าคันไม่ว่าอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่จะดึงดูสายตาของคนรอบๆ ศาลาความลับแห่งสวรรค์นั้นที่สุดแล้วจะใช้วิธีใดในการจัดการปัญหาเหล่านี้นะ ที่จริงคิดอย่างละเอียดแล้ว ที่จริงโรงเตี๊ยมอาจจะมีทางลับก็ได้ เพียงแค่เส้นทางลับนั้นจะไปทางไหนก็ไม่รู้ เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม บุรุษชุดดำก็คำรามเสียงดัง “ถึงแล้ว เชิญทุกท่านดึงผ้าออก” ทุกคนทยอยเก็บผ้าหลังจากนั้นถึงได้พบว่าตอนนี้พวกเขาอยู่กลางหุบเขาแล้ว หุบเขามีหมอกจัด สามารถมองเห็นชัดเจนได้เพียงแค่สามส่วน บนยอดเขามีอากาศมืดครึ้ม มองจากไกลๆแล้วไม่เห็นอะไรเลย เมื่ออยู่ท่ามกลางหมอกหนาเช่นนี้ แม้แต่งของที่จะใช้แยกทิศทางยังไม่มี ถ้าจะเดินออกไปถ้าโดยไม่ตายนั้นก็คงเป็นเรื่องไม่ง่ายแน่ เข้าร่วมการคัดเลือกเป็นศิษย์ใหม่นั้นยากเช่นนี้แหละ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นจุดที่ทำให้ศาลาความลับแห่งสวรรค์คงความรุ่งโรจน์มาเป็นระยะเวลากว่าร้อยปีแล้ว หลินซินเยียนพลันนึกถึงว่ายังดีที่ตอนเริ่มนั้นที่นางอยู่ที่เมืองเฟิ่งซีและได้รับจดหมายที่เทียนหยุนจือถือมาที่เป็นใบเบิกทาง ไม่เช่นนั้นการมาเข้าร่วมการคัดเลือกเช่นนี้นางจะต้องรับมือไม่ได้แน่นอน “โคร่ม” บุรุษชุดดำตีฆ้องหนึ่งครั้ง ประกาศให้รู้ว่าเริ่มการนับเวลา ทุกคนจับกลุ่มตามที่จัดไว้ก่อนหน้านี้ แต่ละคนก็สืบเสาะเส้นทาง มีคนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มนำเข็มทิศขึ้นมาคำนวณ ช่วงเวลาหนึ่งนั้นด้านหน้าสนามประลองมองขึ้นไปแล้วเห็นไฟสีแดงเพลิงบ้าง
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่107 การคัดเลือกก่อนเข้าสำนัก
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A