ตอนที่ 32 พูดดีๆไม่เอา
1/
ตอนที่ 32 พูดดีๆไม่เอา
ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 32 พูดดีๆไม่เอา
ตนที่ 32 พูดดีๆไม่เอา หลายคนรู้ว่าในห้องกำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปในลานบ้าน แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาอาหารเย็น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวน ช่วงเวลาการกอดรัดฟัดเหวี่ยงได้จบลง หลินซีนเยียนนอนแผ่อยู่บนเตียง ความเจ็บแสบจากด้านหลังที่ส่งผ่านมา เธอไม่ต้องดูก็พอจะรู้ว่าด้านหลังของตนเองมีร่องรอยที่น่ากลัวอะไรอยู่ โม่จื่อฟงไม่ได้เห็นเธอเป็นสตรีมีชาติตระกูล จึงได้ทำกับเธออย่างโหดเหี้ยม บางครั้ง หลินซีนเยียนก็อดคิดไม่ได้ว่า หากเปลี่ยนให้มีฐานะเท่ากับฐานะของเซียวฉางเยว่ สตรีที่สูงศักดิ์เช่นนั้น เขาจะอ่อนโยนลงบ้างไหม? “ลุกได้แล้ว วันนี้จะพาเจ้าไปทานอาหารที่ร้านอาหารดีที่สุดของเมือง”ราวกับเสร็จเรื่องนั้นแล้วก็ตบรางวัลให้ โม่จื่อฟงเอ่ยปะโยคนี้อย่างอยู่เหนือทุกสิ่ง หลินซีนเยียนกัดฟัน ไม่ได้ส่งสายตาเย็นชาไปทางเขา เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบ ดังนั้นจึงซ่อนไม่ให้เขาเห็น“อืม”เธอตอบเสียงหนึ่งแล้วลุกขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อผ้าที่หล่นอยู่ข้างเตียงขึ้นมาสวมใส่ “เสื้อตัวนี้ของเจ้าดูไม่เลวเลย เป็นเสื้อคลุมขนสัตว์ รอกลับไปเมืองหลวงก่อน เปิ่นหวางจะพาเจ้าไปสนามล่าสัตว์ พอถึงตอนนั้นจะหาขนสุนัขจิ้งจอกให้เจ้าเปลี่ยน”โม่จื่อฟงเห็นว่าหลินซีนเยียนแต่งตัวเสร็จก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป “เช่นนั้นก็ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”เขาคิดจะพาเธอกลับเมืองหลวงรึ?นี่เห็นเป็นสาวใช้อุ่นเตียงจริงๆ เหรอ? ตรงลานทางเดินของโรงเตี๊ยมได้จุดโคมไฟตลอดทาง ถึงจะเป็นเวลาที่กลางคืนแล้ว เหล่าทหารที่ยืนเฝ้าเวรยามก็ยังมีอยู่ประปลาย รถม้าคันหนึ่งรออยู่หน้าประตูของโรงเตี๊ยม จินมู่เห็นโม่จื่อฟงเดินออกมาก็รีบให้คนเอาเก้าอี้เหยียบขึ้นรถม้ามาตั้ง พอเห็นหลินซีนเยียนตามออกมาด้วย จินมู่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร หลินซีนเยียนเดินตามขึ้นไปบนรถม้า ในโรงเตี๊ยมมีคน 2 คนเดินตามออกมา ไม่ใช่ใครอื่น เป็นพี่น้องเซียวฉางเยว่ “ท่านอ๋อง ท่านไม่ยุติธรรมเลย เตรียมจะออกไปทานอาหารดีๆ กลับไม่พาพวกเราสองพี่น้องไปด้วย”เซียวอวิ๋นฉินใช้ความที่ยังอายุน้อย พูดขึ้นมาอย่างเอาแต่ใจ ดูไม่ออกเลยว่าความเอาแต่ใจนี้มันซ่อนแผนการอะไรอยู่ ม่านในรถม้ายังไม่ปิด สามารถมองเห็นโม่จื่อฟงที่นั่งอยู่ทำท่าทางครุ่นคิด“คุณหนูรองเซียวรู้เรื่องเร็วจริงๆ แม้แต่การเคลื่อนไหวของเปิ่นหวางยังไปถามมาได้ ในเมื่อมาแล้วก็ไปด้วยกันก็ได้ จินมู่ เตรียมรถม้าให้แม่นางตระกูลเซียวด้วย” พอพูดจบ โม่จื่อฟงก็ปิดม่านลง หลินซีนเยียนลังเลไปสักพัก จากนั้นก็เดินขึ้นรถม้าของโม่จื่อฟงไป จินมู่รีบไปหารถม้าอีกคันมา ไม่สนใจสีหน้าของคนตระกูลเซียว หลังจากสั่งคนบังคับรถม้าเสร็จก็ขี่ม้านำทางไป สองพี่น้องเซียวฉางเยว่ เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ส่งสายตาดุร้ายไปยังผู้หญิงคนนั้นที่เดินขึ้นรถม้าของอ๋องอู่เสวียนไป! เมืองในช่วงเวลากลางคืนดูเงียบสงบอยู่มาก ไม่มีร้านขายของริมทาง มีแต่แสงเทียนที่พริ้วไหวไปมาอย่างงดงาม ถนนตะวันออกที่เจริญที่สุดของเมือง เพราะมีร้านอาหารที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งของเมืองอยู่ เวลานี้เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี ทำให้ดูครึกครื้นเป็นอย่างมาก ตอนที่กลุ่มคนของโม่จื่อฟงเข้ามาในร้านอาหาร ย่อมดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนมาก ฟู่จื่อโมไม่สนใจสายตาพวกนั้น เพียงนำกลุ่มคนเดินขึ้นชั้น 2 ไปยังห้องส่วนตัว ตอนที่พวกเขาเข้าไปในห้องส่วนตัว ในช่วงเวลานั้น ห้องที่อยู่ตรงทางเดินอีกฝั่งก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ “นายท่าน พวกเขามากันแล้ว”จิ้นฉู่ผลักหน้าต่างออก เมื่อมองจากทางหน้าห้องส่วนตัวของพวกเขาก็สามารถเห็นเหตุการณ์ในห้องโถงใหญ่ได้ทั้งหมด อินฉีพยักหน้า ดื่มน้ำชาอย่างสบายใจ อาหารบนโต๊ะยังไม่ได้แตะเลยสักนิด“พวกเรามารอดูละครกันเถิด” พอเขาเพิ่งจะเอ่ยก็เห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาในร้านอาหาร ตอนที่กลุ่มคนเดินเข้ามาก็เป็นจุดสนใจของผู้คนจำนวนมาก ไม่ใช่เพราะคนที่มามีชื่อเสียงแต่อย่างใด เพียงเห็นสาวงามสะคราญ 2 นางที่เป็นฝาแฝด ถึงจะคลุมเสื้อสีขาว แต่ก็ปรากฏเพียงใบหน้าเล็กๆ เท่าฝ่ามือ รูปร่างหน้าตาสง่างามมาก ผิวพรรณผุดผ่อง โดยเฉพาะดวงตาที่สดใสคู่นั้นได้สะกดวิญญาณของผู้คนเอาไว้ สาวงามเช่นนี้เป็นที่ต้องใจของชายในใต้หล้านี้ ดังนั้น เมื่อพวกนางปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้ร้านอาหารเงียบสงบลงทันที สาวงามทั้ง 2 คนเดินตามกลุ่มคนเข้าประตูไปยังนั่งโต๊ะว่างโต๊ะหนึ่ง พอนั่งลงแล้วก็ยังไม่ได้สั่งอาหาร สาวงามคนหนึ่งถือพิณ ส่วนอีกคนอุ้มผีผาบรรเลงเพลงพร้อมกันขึ้น สาวงามดีดพิณ ไม่ว่าจะบรรเลงพิณได้น่าฟังหรือไม่ แต่ภาพตรงหน้าทำให้ผู้คนมองแล้วรู้สึกดีอย่างมาก ผู้คนในร้านอาหารต่างลืมทานอาหารของที่นี่ แล้วไปชื่นชมกับการแสดงที่อยู่ตรงหน้า ในห้องส่วนตัวที่หรูหราที่สุดในชั้น 2 สุราและอาหารได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว โม่จื่อฟงนั่งอยู่บนตำแหน่งที่นั่งประธาน สองพี่น้องเซียวฉางเยว่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา จินมู่และหลินซีนเยียนยืนอยู่ด้านหลังของโม่จื่อฟง ในสังคมที่เข้มงวดในเรื่องชนชั้น หลินซีนเยียนกับจินมู่ไม่ได้เจ้านาย จึงไม่สามารถนั่งทานอาหารร่วมกับเจ้านายได้ จินมู่คุ้นชินแล้ว แต่สำหรับหลินซีนเยียนผู้เป็นหญิงสาวจากยุคปัจจุบัน เมื่อเห็นภาพนี้กลับรู้สึกตะขิดตะขวงใจ ไหนบอกพามากินข้าวไง? สุดท้ายคือพวกเขากินข้าว แต่เธอยืนดูพวกเขากินข้าว? “จินมู่ ตักอาหารให้นาง”โม่จื่อฟงเปิดปากพูด ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร แต่จินมู่กลับเข้าใจความหมายของเขา จินมู่ใช้ตะเกียบคีบอาหารใส่ไปในจานโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ด้านข้าง “แม่นางหลิน นี่คืออาหารที่ท่านอ๋องประทานมาให้ท่าน ”ตอนที่จินมู่เอ่ยขึ้น บนใบหน้ากลับปรากฏความอิจฉาออกมาเล็กน้อย ราวกับรับใช้ท่านอ๋องในการรับประทานอาหาร แต่พวกเขาไม่สามารถนั่งร่วมโต๊ะด้วยได้ หลินซีนเยียนแสยะยิ้มที่มุมปาก ถึงจะรู้สึกหวานในปาก กลับยืนนิ่งอยู่ไม่ขยับไปไหน “แม่นางหลิน?”จินมู่เรียกอีกครั้ง เดินไปตรงหน้าของนาง แล้วขยิบตาให้นางพร้อมกับเอ่ยเสียงเบาๆ“แม่นางฉิน ท่านอ๋องไม่เคยดูแลใครเช่นนี้มาก่อน ท่านเป็นคนแรก รีบนั่งลงทานอาหารเร็ว” ทานอาหารเหรอ? ในใจของหลินซีนเยียนรู้สึกน่าขัน ในช่วงเวลานั้น เธอได้มีประสบการณ์เรื่องความแตกต่างระหว่างนายกับบ่าวแล้ว 2-3 วันก่อนที่อยู่ในรถม้า เธอสามารถทานได้อย่างอิสระ แต่ก็ไม่เคยทานอาหารกับโม่จื่อฟงเลย หากไม่มีประสบการณ์เช่นนั้น จนถึงวันนี้จะไม่ได้เดินทาง แม้แต่นั่งร่วมโต๊ะทานอาหารกับโม่จื่อฟง เธอยังไม่สามารถทำได้เลย คีบอาหารอย่างละนิด วางใส่จานโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง ประหนึ่งว่ากำลังให้อาหารสุนัขแสนรัก เธอต้องขอบพระทัยที่เมตตาหรือเปล่าเนี่ย? โม่จื่อฟงเห็นเธอยืนอยู่ไม่ยอมขยับ เขาก็ขมวดคิ้ว เซียวอวิ๋นฉินที่นั่งอยู่ตรงข้ามรู้สึกว่าโอกาสมาถึง นางรีบลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าของหลินซีนเยียน ง้างมือขึ้นมาเตรียมจะตบ“นางทาสชั้นต่ำ ยังไม่ยอมขอบพระทัยอีกรึ!” หลินซีนเยียนก้าวถอยหลังมา 1 ก้าวตามสัญชาตญาณเพื่อหลบมือของนาง เธอมองไปที่เซียวอวิ๋นฉินอย่างเย็นชาครู่หนึ่งก็หันหน้าไปพูดกับโม่จื่อฟง“ท่านอ๋อง ข้ารู้สึกไม่สบาย ไม่อยากอาหาร ข้าขอไปรอพวกท่านที่ชั้นล่างนะเพคะ” หลินซีนเยียนไม่รอให้โม่จื่อฟงพยักหน้าก็ก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอกแล้ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 32 พูดดีๆไม่เอา
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A