ตอนที่ 33 เป้าหมายไม่ใช่เจ้า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 33 เป้าหมายไม่ใช่เจ้า
ต๭นที่ 33 เป้าหมายไม่ใช่เจ้า แผ่นหลังของนางได้ตราตรึงอยู่ในดวงตาของโม่จื่อฟง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้หายไปภายในชั่วพริบตา สีหน้าของโม่จื่อฟงเคร่งขรึมลง มือที่จับตะเกียบอยู่ก็วางลง สายตาเย็นชาของเขามองไปยังหลินซีนเยียนที่เดินลงบันไดไปอย่างไม่ลังเล ตอนที่เงาของนางหายไป เขาอดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะ ดูเหมือนว่าเขาจะให้ท้ายนางเกินไปซะแล้ว พอประตูในห้องเปิดออก เสียงเครื่องดนตรีก็ได้ดังเข้ามาในห้อง การบรรเลงของพิณและผีผาได้ทำให้คนในห้องรู้สึกสนใจ เซียวอวิ๋นฉินเป็นคนแรกที่นั่งไม่ติด นางลุกขึ้นเดินไปยังหน้าประตู มองลงไปด้านล่างจนตาลุกวาว “เสียงพิณนี่ไพเราะจริงๆ จินมู่ ไปดูสิว่าใครกำลังดีดพิณนี่อยู่?” จู่ๆ โม่จื่อฟงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงยังคงเย็นชาอยู่ จินมู่ส่งเสียงตอบรับและรีบออกไปทันที เซียวอวิ๋นฉินรู้สึกหวาดระแวง จึงเดินกลับไปนั่งข้างเซียวฉางเยว่และไปกระซิบที่ข้างหู “ด้านล่างมีนางจิ้งจอก 2 ตัว” เซียวฉางเยว่ชะงักไปครู่หนึ่งก็มองไปที่โม่จื่อฟง แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงก้มหน้าทานอาหารต่อไป แต่มือที่ถือตะเกียบอยู่กลับใช้แรงบีบจนซีดขาว หลินซีนเยียนรู้สึกอึดอัดจึงเดินลงมาข้างล่าง แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นสาวงามฝาแฝดดีดพิณอยู่ข้างล่างนี้ ฝาแฝดสองคนนั้นรูปร่างหน้าตาสวยงามมาก หากเธอไม่สังเกตคงเป็นไปได้ยาก ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ เธอก็นึกถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่เธอไปหาโม่จื่อฟงด้วยตนเอง ตอนนั้น เธอได้ยินว่าโม่จื่อฟงไม่ปฏิเสธสาวงามที่มาหา ดังนั้นถึงได้ลองไปดู คิดไม่ถึงว่า โม่จื่อฟงก็ไม่ได้ปฏิเสธเธอ ในสถานที่ที่มีโม่จื่อฟงอยู่ จู่ๆ ก็มีฝาแฝดที่งามสะกดใจผู้คนขึ้น หากบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ หลินซีนเยียนไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด “เป็นชายที่เจ้าชู้โดยแท้ เฮอ...”หลินซีนเยียนแค่นหัวเราะ พอกำลังจะเดินไปรอที่หน้าประตูร้านอาหาร ไม่อยากเห็นจะแผนการอันวุ่ยวายเช่นนั้นอีก ตอนที่เธอเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตู กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เป็นจินมู่เดินไปหาสาวงามสองคนนั้น “แม่นางทั้งสอง นายท่านของข้าชื่นชอบการบรรเลงเพลงของแม่นางทั้งสองเป็นอย่างมาก เชิญแม่นางทั้งสองขึ้นไปหานายท่านของข้าที่ชั้น 2 ได้หรือไม่?” สาวงามทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร แต่มุมปากของหลินซีนเยียนกระตุกขึ้นอย่างทนไม่ไหว คำพูดนี้คือ นายท่านของเขาชื่นชอบการบรรเลงเพลงของทั้งสองคนเลยส่งคนมาเชิญขึ้นไป นี่มันไม่ใช่คำเชิญชวนของพวกมักมากในกามหรอกรึ หากเป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไปจะมีใครกล้าตอบตกลง? “เช่นนั้นรบกวนพี่ชายช่วยนำทางด้วย พวกเราสองพี่น้องยินดีตอบรับคำเชิญชวน”สาวงามที่อุ้มผีผาค่อยๆ ย่อตัวทำความเคารพแล้วรีบเอ่ยตอบกลับทันที หลินซีนเยียนหันหน้ามา ที่แท้สองคนนั้นจะมาหาโม่จื่อฟงอยู่แล้ว ไม่เสียทีที่เป็นอ๋องอู่เสวียน มีโชคเรื่องผู้หญิงมากจริงๆ ไม่ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกร้อนรุ่มในใจมาก เธอคงไม่คิดว่าตนเองหึงหรอก แค่รู้สึกโกรธเคืองการกระทำแบบนั้น ในสายตาของเขา ที่แท้ผู้หญิงก็หามาได้ง่าย เธอก้าวเท้าเตรียมจะออกไปอย่างรวดเร็ว ใครจะรู้ว่าจินมู่ไม่ได้รีบพาทั้งสองคนเข้าไปในห้อง แต่เดินมาหาหลินซีนเยียน “แม่นางหลิน นายท่านบอกว่า ท่านเป็นสาวใช้ของเขา ห้ามเดินไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้า ถึงยังไงตอนนี้ท่านก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว” นางยังมีน้องชาย ฉินอี้เซิง คนเรา พอมีเรื่องให้เป็นกังวลย่อมมีจุดอ่อน ถึงหลินซีนเยียนจะไม่อยากไป แต่เธอก็ต้องกัดฟันแล้วเดินตามจินมู่ขึ้นไปข้างบน เพียงแต่ทุกจังหวะที่ก้าวเดินขึ้นไปล้วนคล้ายกับสตรีที่มีชาติตระกูลดี พอสาวงามทั้งสองก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัวชั้น 2 สายตาก็มองไปที่โม่จื่อฟงอย่างไม่กระพริบตา ทั้งสองคนสบตาแล้วและทำความเคารพโม่จื่อฟงพร้อมกัน “ท่านอ๋องทรงเมตตา พวกบ่าวสองพี่น้องได้มาท่านอ๋องที่นี่ ถือว่าเป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง”สาวงามที่อุ้มผีผาได้ย่อตัวทำความเคารพ ที่แท้โม่จื่อฟงก็รู้จักทั้งสองคนนี้ เป็นไปตามที่หลินซีนเยียนคาดเอาไว้ไม่มีผิด แต่เรื่องนี้เธอขี้เกียจที่จะสนใจแล้ว จึงเดินเข้าไปที่มุมหนึ่งในห้อง เพื่อไม่ทำให้ตนเองกลายเป็นจุดสนใจ “อืม พวกเจ้ามีน้ำใจแล้ว”โม่จื่อฟงพูดเสียงเย็นชาและโบกมือเรียก 1 ในนั้น “มานี่สิ” สาวงามคนนั้นตอบรับด้วยท่าทางอ้อนช้อย เดินไปหาโม่จื่อฟงอย่างว่าง่านทันที โม่จื่อฟงเรียกสาวงามคนนั้นมานั่งบนตักของเขาต่อหน้าของทุกคน เขาไม่สนใจใครเลยสักนิด หลินซีนเยียนกลอกตามองบน แต่พี่น้องเซียวฉางเยว่โกรธจนหน้าซีดขาว “ตามเปิ่นหวางมาที่นี่รึ?”โม่จื่อฟงเอ่ยถาม มือไปแตะอยู่ที่เอวของสาวงาม “ครั้งก่อนที่พบท่านอ๋อง บ่าวสองพี่น้องค่ำคืนก็นอนไม่หลับ จึงตั้งสินใจตามท่านอ๋องไป ขอให้ท่านอ๋องอย่าถือโทษเลยเพคะ ”สาวงามคนนั้นไม่มีท่าทางเขินอายอย่างผู้หญิงทั่วไป กลับใช้มือของตนเองจับที่คอของโม่จื่อฟง โม่จื่อฟงไม่ได้พูดอะไร เพียงแสดงสีหน้าพอใจอย่างมาก จู่ๆ เขาก็หันหน้าไปมองหลินซีนเยียนที่ยืนอยู่ตรงมุม“เจ้า มานี่สิ” หลินซีนเยียนทำเป็นไม่ได้ยิน ยังคงยืนอยู่ไม่ขยับไปไหน “อย่าให้เปิ่นหวางต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”โม่จื่อฟงส่งเสียงเย็นชา นัยน์ตาลึกถมึงทึง หลินซีนเยียนกัดฟันแน่น สุดท้ายก็เดินเข้าไปหา “คีบอาหารให้สาวงามของเปิ่นหวาง ตั้งใจปรนนิบัติ ทำหน้าที่สาวใช้ให้ดี คนที่อยู่ข้างกายเปิ่นหวางไม่ควรปล่อยให้ว่างงาน” เธอก็ไม่ได้อยากจะอยู่ข้างกายเขาตั้งแต่แรกแล้ว หากเขาจะยอมปล่อยเธอไป แต่น่าเสียดาย หลินซีนเยียนไม่กล้าพูดออกไป หากพูดออกไป เขาอาจจะฆ่าเธอและอี้เซิงง่ายจริงๆ เธอหยิบกระเกียบขึ้นมาคีบอาหารวางใส่ในจานแทนสาวงามของเขา สางงามคนนั้นมองหลินซีนเยียนด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ราวกับกำลังสำรวจอะไรอยู่ แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร กลับคีบอาหารไปที่ปากของโม่จื่อฟงอย่างกระตือรือร้น โม่จื่อฟงกำลังยิ้มอยู่ สักพัก เขาก็ทานอาหารที่นางป้อนให้ ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง สาวงามที่นั่งเงียบๆ อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าดุร้าย สาวงามที่นั่งบนตักของโม่จื่อฟงก็ชักกริชยาวออกมาจากแขนเสื้อ กริชที่เย็นเฉียบได้ไปจ่ออยู่ที่คอของโม่จื่อฟง ในระยะประชิดขนาดนี้ ใครหน้าไหนก็ไม่มีทางหลบได้ แต่เขาคือโม่จื่อฟง ทักษะการล่วงรู้ของเขาไม่เป็นสองรองใครในแคว้นหนานเยว่ ในยามรบถูกขนานนามว่าเทพสงครามย่อมไม่ได้มาง่ายๆ ดังนั้นตอนที่สาวงามได้ลงมือ รอยยิ้มของเขาก็ได้ปรากฏออกมาที่มุมปากแล้ว เขา ราวกับรอช่วงเวลานี้นานแล้ว เมื่อไม่เห็นเขาออกแรงอะไร แต่กริชนั่นก็จ่อใกล้คอเขากลับถูกเขาใช้ 2 นิ้วบังคับหยุดเอาไว้ จากนั้นก็ใช้มือจับกุมสองมือของสาวงามอย่างแน่นหนา “มีลูกไม้แค่นี้เหรอ?”โม่จื่อฟงรู้สึกขบขัน ลูกไม้แบบนี้สำหรับเขาแล้วไม่มีผลอะไร “หึ พวกเรารู้ว่าทำร้ายท่านไม่ได้ ดังนั้นเป้าหมายไม่ใช่เจ้าตั้งแต่แรกแล้ว”สาวงามที่ถูกจับกุมอยู่ตรงหน้าคนนั้นเตรียมพร้อมที่จะตาย นางมองไปที่คู่หูของตนเอง เห็นสาวงามอีกคนใช้กริชจ่อที่คอของเซียวฉางเยว่แล้ว 
已经是最新一章了
加载中