ตอนที่ 34 ให้นางไปตาย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 34 ให้นางไปตาย
ต๭นที่ 34 ให้นางไปตาย เป้าหมายของพวกนางคือเซียวฉางเยว่! ครั้งนี้อ๋องอู่เสวียนโม่จื่อฟงเป็นขุนนางผู้มีคุณูปการไปรับเซียวฉางเยว่ด้วยตนเอง หากเกิดอะไรขึ้นกับเซียวฉางเยว่ อ๋องอู่เสวียนต้องรับผิดชอบทั้งหมด พวกนางรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่สามารถสังหารอ๋องอู่เสวียนได้อย่างง่ายดาย。 “พวกเจ้าบังอาจมาก!”จนถึงตอนนี้เซียวฉางเยว่ก็ยังคงความเป็นคุณหนูใหญ่อยู่ นางมองไปที่โม่จื่อฟงด้วยสายตาแบบที่เฝ้ารอคอยคนที่รัก “คุณหนูใหญ่เซียว จนถึงตอนนี้เจ้ายังเชื่อหรือว่าอ๋องอู่เสวียนจะสามารถช่วยเจ้าได้?”สาวงามหัวเราะพร้อมถือกริชจ่อเข้าใกล้คอของเซียวฉางเยว่อีกจนเกิดเป็นรอยบาดมีเลือดไหลออกมาทันที เซียวฉางเยว่รู้สึกเหมือนว่าตนเองใกล้จะตายแล้ว ถึงโม่จื่อฟงจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาจะช่วยนางหรือไม่?นางเริ่มลังเลแล้ว ตอนนี้นางมองไปยังโม่จื่อฟงด้วยความหวาดกลัวจนใบหน้าซีดขาว“ท่านอ๋อง ท่านต้องช่วยข้า...” โม่จื่อฟงไม่มีท่าทีรีบร้อน เพียงโยนสาวงามที่ตนเองจับกุมได้ส่งไปให้จินมู่ “พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่ หากอยากได้ชีวิตของเซียวฉางเยว่ก็คงจะลงมือไปแล้ว เหตุใดต้องพูดให้มากความ?” สาวงามคนนั้นตะลึงจนหัวเราะขึ้น“ไม่เสียทีที่เป็นอ๋องอู่เสวียน ได้ ข้าจะพูดตามตรงแล้วกัน ข้าอยากได้ภาพวาดอาวุธหน้าไม้ส่วนที่ท่านได้ไป!” พอโม่จื่อฟงได้ยินก็หัวเราะออกมาเบาๆ ชี้ไปยังคู่หูของนาง “เจ้าคิดว่าชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ในสายตาของข้าจะสำคัญมากกว่าภาพวาดนั้นรึ?ดูเหมือนว่าชีวิตพี่สาวฝาแฝดของเจ้าคนนี้ เจ้าไม่คิดจะช่วยแล้วรึ?” สาวงามคนนั้นที่ถูกจินมู่จับกุมอยู่ตรงหน้ามีท่าทางสั่นกลัวและจ้องมองไปที่สาวงามอีกคนหนึ่ง นางไม่ลังเลที่จะกัดลิ้นฆ่าตัวตายทันที เพียงแต่จินมู่เหมือนรู้การเคลื่อนไหวของนางออก เลยสกัดจุดของนางไว้แต่ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้มีเพียงดวงตา 1 คู่ของนางที่ขยับได้ “ท่านไม่ต้องยุแหย่ให้พี่น้องแตกกัน หากพวกเราพี่น้องทำภารกิจไม่สำเร็จ กลับไปก็ตายอยู่ดี ในเมื่อรับภารกิจนี้แล้ว พวกเราก็ไม่ได้คิดจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว”สาวงามถือกริชจ่อเข้าใกล้คอเซียวฉางเยว่จนเลือดไหลออกมาทันที“ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าคุณหนูใหญ่เซียวจะสามารถทนให้เลือดไหลออกมาเช่นนี้ได้นานแค่ไหน?” ในบรรยากาศที่มีกลิ่นหอมเบาบางของชาตลบอบอวลอยู่ ไม่รู้ว่าตอนไหนที่มีคนนั่งชงชาอยู่ด้วยท่าทางสบายใจเฉิบ ในสถานการณ์แบบนี้มีคนที่กำลังนั่งดื่มชาไปดูละครไป ผู้ที่ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ที่สุด ซึ่งก็มีแต่หลินซีนเยียนคนเดียว โม่จื่อฟงหันหน้ามาเห็นหลินซีนเยียนยกแก้วน้ำชาดื่มพอดี “เจ้าช่างมีความสุขเหลือเกินนะ” หลินซีนเยียนยักไหล่ขึ้นด้วยท่าทางเมินเฉย “ข้ากระหายน้ำ ดื่มสักแก้วคงไม่ผิดกฏหมายอะไร” โม่จื่อฟงไม่ใช่เพื่อนของเธอ เซียวฉางเยว่ก็ยิ่งไม่ใช่อีก เห็นพวกเขามีท่าทางกระวนกระวาย เธอไม่ได้เคาะฆ้องตีกลองตะโกนร้องเชียร์ก็ถือว่าไว้หน้ามากแล้ว ทำไม อยากจะให้เธอมีส่วนร่วมด้วยเหรอ? เซียวฉางเยว่ที่ตกอยู่ในอันตราย เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เธอยิ่งโมโหจนกัดฟันแทบหลุด “หากเปิ่นหวางมอบภาพวาดให้เจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถถือภาพวาดหนีออกไปจากที่นี่อย่างมีชีวิตรึ?”โม่จื่อฟงหันหน้ากลับไปพูดกับสาวงามคนนั้น “เรื่องนี้ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วง” “จินมู่”โม่จื่อฟงยังคงพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์อยู่“เอาภาพวาดออกมา” จินมู่ส่งเสียงตอบรับและหยิบภาพวาดออกมาจากเสื้อตรงหน้าอก ที่แท้ภาพวาดนั้นมันอยู่ที่ตัวของจินมู่มาตลอด เขาเตรียมจะส่งภาพวาดให้กับสาวงามคนนั้น ใครจะรู้ว่าสาวงามคนนั้นไม่ได้ยื่นมือไปรับ “ส่งภาพวาดให้กับนาง ให้นางออกไปที่ด้านนอกของร้านอาหาร รอให้คนของพวกเรามารับภาพวาดไป แล้วส่งสัญญาณให้ข้า พอถึงเวลานั้นข้าจะปล่อยตัวคุณหนูใหญ่เซียว”ตอนที่สาวงามพูดได้มองไปยังหลินซีนเยียน ที่แท้แผนของพวกนางเป็นแบบนี้ ตอนแรกพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ไม่ได้เตรียมแผนออกไปจากที่นี่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อนำภาพวาดออกไปให้ได้ ถึงจะรู้ว่าหากตนเองอยู่ที่นี่ก็คือตายสถานเดียว เพื่อนำภาพวาดไป พวกนางเลือกที่บุกหน้าเข้ามาโดยไม่คิดถอยกลับ หลินซีนเยียนรู้สึกนับถือพวกนาง แต่ว่า ทำไมต้องที่นางพูดเหมือนกำลังพูดกับตนเองอยู่? “เจ้าจะให้ข้าออกไปส่งภาพวาดรึ?”มุมปากหลินซีนเยียนกระตุก มองซ้ายทีมองขวาที ในห้องนี้มีคนที่ติดตามมาน้อย แล้วตัวเธอก็ไม่เป็นวรยุทธ ดังนั้น เธอจึงเหมาะสมกับงานนี้มากที่สุด! สาวงามไม่ได้ตอบคำถามนาง “ส่งแผนที่ให้นาง ให้นางนำออกไปจากร้านอาหาร เร็วเข้า!มิเช่นนั้นข้าจะลงมือฆ่าคุณหนูใหญ่เซียว” คนที่ตัดสินจะตาย ไม่มีใครสงสัยคำพูดของนาง หากไม่ทำตามที่นางบอก เซียวฉางเยว่ต้องตายอย่างแน่ แต่ว่า คนพวกนี้ยังทำกับเซียวฉางเยว่แบบนี้เลย แล้วนับประสาอะไรกับสาวใช้ที่ออกไปส่งภาพวาด คงไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอก! เพื่อจะรีบตามออกไปทีหลัง บางที พวกเขาอาจไม่ลังเลที่จะฆ่าคนออกไปส่งภาพวาดด้วยแม้แต่น้อย การไปของหลินซีนเยียนในครั้งนี้ มันต่างอะไรกับที่ส่งเธอไปตาย เธอมองไปที่โม่จื่อฟง แม้จะมีเหตุผลที่ฟังขึ้น แต่ชีวิตของเธอในสายตาของเขาแล้ว เทียบไม่ได้กับชีวิตครึ่งหนึ่งของเซียวฉางเยว่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมในช่วงเวลานั้น เธอทนรอคำตอบของเขาไม่ไหว เขาจะส่งเธอไปตายใช่ไหม? โม่จื่อฟงทำเหมือนไม่เห็นสายตาของเธอ การแสดงออกทางสีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม เขาใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะพร้อมเอ่ยคำว่า“ได้”ออกมาคำหนึ่ง ว่าแล้ว... ในช่วงเวลานั้น ไม่รู้ว่าทำไมใจของหลินซีนเยียนถึงได้หนักอึ้งขนาดนี้ ถึงจะรู้ผลลัพธ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ว่า ทำไมในใจถึงได้รู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก? จินมู่วางภาพวาดไว้ในมือของหลินซีนเยียนโดยไม่ได้พูดอะไร เพียงขมวดคิ้วเข้าหากัน หลินซีนเยียนถือภาพวาดนั้น แสยะยิ้มที่มุมปาก เมื่อเรียกสติคืนมาได้ก็เหยียดแผ่นหลังตรงแล้วเอ่ยกับโม่จื่อฟง “หากข้าไม่กลับมา รบกวนท่านอ๋องเห็นแก่ข้าที่ออกไปตายเพื่อท่าน เมตตาช่วยดูแลน้องชายของข้าด้วย” พอพูดจบ เธอก็ถือภาพวาดแล้วเดินออกไปจากห้อง ในห้องตรงข้ามทางเดินชั้น 2 มีบานหน้าต่างที่เปิดออกมา จิ้นฉู่เห็นเหตุการณ์นั้นทั้งหมด ทนไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ “มีอะไรรึ?”อินฉีที่กำลังดื่มชาอยู่มองออกไปที่นอกหน้าต่าง เห็นเงาของแผ่นหลังที่เหยียดตรงเดินออกมา ในขณะนั้น มือของเขาก็สั่นยังทนไม่ไหวจึงทำแก้วน้ำชาตกลงพื้นจนแตก น้ำชาที่กระเด็นสาดออกมาได้หกลงพื้นแผ่นไม้ไปทั่ว ทำไมถึงเป็นนางได้? “จิ้นฉู่!เจ้าเห็นแล้วหรือยัง?”อินฉีไม่รู้ตัวว่าน้ำเสียงของเขาได้แสดงออกถึงความดีใจที่อดกลั้นมานาน จิ้นฉู่กลืนน้ำลายลงคอ “เห็นแล้วขอรับ เป็นคนที่ปลดกำไลสวรรค์คนนั้น!ที่มหัศจรรย์ไปกว่านั่น นางเป็นผู้หญิงจริงๆ รูปร่างหน้าดีซะด้วย!นางยังไม่ตาย?” “ใช่ นางยังไม่ตาย!”หากว่าตายแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้านั่นจะเป็นใครเล่า? อินฉีลุกขึ้นยืน คิดจะเดินออกจากประตูไป ทันใดนั้นก็เห็นคนที่เดินตามหลังนางออกมาจากห้อง เขาก็หยุดชะงักลงทันที!ประตูห้องนั้น มีสาวงามคนหนึ่งถือกริชจ่อคอของเซียวฉางเยว่อยู่ ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกนาง เป็นโม่จื่อฟง! 
已经是最新一章了
加载中