ตอนที่ 35 แค่เป็นของเล่น   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 35 แค่เป็นของเล่น
ต๭นที่ 35 แค่เป็นของเล่น นาง เป็นคนของโม่จื่อฟง? หน้าของอินฉีเคร่งขรึมลง ไม่รู้ตัวว่านิ้วมือที่เกาะแน่นตรงลายฉลุบนหน้าต่างเริ่มซีดขาว เขากระแอมหนึ่งทีแล้วถามจิ้นฉู่ “เจ้าบอกว่าโม่จื่อฟงเก็บสาวใช้อุ่นเตียงคนหนึ่งมาใช่หรือไม่?” “ใช่ อาจจะ...”จิ้นฉู่รู้ดีว่านายท่านรู้สึกเสียใจกับผู้หญิงที่ปลดกำไลสวรรค์คนนั้น “อาจจะไม่ใช่นางก็ได้” อินฉีไม่ได้เอ่ยอะไรอีก แต่คนที่มีฐานะสูงศักดิ์ หากเรื่องแค่นี้ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ เขาคงได้ตายไปนานแล้ว “นายท่าน เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ ”จิ้นฉู่อยากจะเกลี้ยกล่อม อินฉียกมือขึ้นบอกให้เขาหยุดพูด เขาตั้งใจวิเคราะห์ภาพเหตุการณ์นั้นอยู่ หลินซีนเยียนถือภาพวาดเดินลงบันไดไม้ไปโดยไม่หันกลับมามองหน้าของโม่จื่อฟง นางเหยียดยิ้ม ใครจะมองข้ามคนหนึ่งและให้ความสำคัญกับคนหนึ่งอย่างชัดเจนขนาดนี้ได้ พอถึงสถานการณ์คับขันทีไร ผิดก็ผิดที่วันนี้เธออ่อนแอเกินไป ดังนั้นคนพวกนี้ถึงได้ปั่นหัวเธอเล่น! สายตาของโม่จื่อฟงมองไปยีงแผ่นหลังของหลินซีนเยียนตลอด นัยน์ตามัวหมองได้ซ่อนอารมณ์สั่นไหวของตนเองที่ไม่ได้ปรากฏขึ้น ผู้หญิงคนนี้ใจเย็นกว่าที่เขาคิดเอาไว้ซะอีก ความแน่วแน่เช่นนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน เขายิ้มขึ้นมาราวกับรู้สึกสนใจอย่างมาก เหล่าลูกค้าในร้านอาหารไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทุกคนยังคงเสียงดังครึกครื้นกันอยู่ หลินซีนเยียนเดินแวกกลุ่มคนออกมา ในที่ก็เดินมาถึงหน้าประตูร้านอาหารก็หยุดเดิน สังเกตผู้คนที่อยู่รายล้อม จนมองเห็นคนที่คล้ายกับไม่เหมือนคนทั่วไป “ลูกค้าโปรดระวังด้วย น้ำแกงมันร้อน”เสี่ยวเอ๋อในร้านส่งเสียงร้องตะโกน กลุ่มคนหลีกทางให้ เสี่ยวเอ๋อใช้โอกาสนี้พุ่งตรงเข้าไปหาหลินซีนเยียน ไม่รอให้นางตอบโต้ก็ใช้น้ำแกงร้อนๆ สาดไปยังลูกค้าที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็จับตัวหลินซีนเยียนแล้ววิ่งออกจากร้านไป ลูกค้าที่โดนน้ำแกงร้อนสาดก็ร้องขึ้นมาทันที ในโถงใหญ่เกิดความโกลาหลอลหม่านขึ้นทันที ผู้คนต่างวิ่งหนีและตะโกนร้องอย่างตกใจ ทำให้ไปขวางทางองครักษ์ที่อยู่ข้างล่างจนตามออกไปไม่ทัน หลินซีนเยียนถูกเสี่ยวเอ๋อฉุดลากออกจากร้านอาหารไป คิดไม่ถึงว่าภาพวาดในมือได้โดนเขาแย่งไปใส่ในเสื้อตรงหน้าอกแล้ว “ท่านจอมยุทธ์ ภาพวาดท่านก็ได้ไปแล้ว ข้าเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!” เขาไม่ได้ฟังกลับดึงนางวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุด หลังจากวิ่งไปประมาณ 10 กว่าจั้ง เขาก็ผลักหลินซีนเยียนเข้าไปในรถม้าอย่างโหดเหี้ยม ที่แท้ คนพวกนี้ก็ใช้วิธีหลบหนีคล้ายกับการแข่งวิ่งผลัด ได้มาก็ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ คนที่ส่งไปแล้วล้วนตัดสินใจที่จะตาย ภาพวาดอาวุธหน้าไม้นั้นมีความสำคัญอย่างมาก คุ้มค่าพอที่จะทำให้คนเหล่านี้ไม่ลังเลที่จะไปตายเลยหรือไง? “ทำไมถึงพาผู้หญิงมาด้วย?”คนที่บังคับรถม้าตะลึงงัน ตวัดบังเหียนออกรถม้าไปอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางไม่พอใจ “เป็นคำสั่งของนายท่าน พวกเจ้ารีบไปก่อน เดี๋ยวข้าจะตามไปทีหลัง!”ชายที่จับตัวหลินซีนเยียนมาตอนแรก ไม่ได้ขึ้นมาบนรถม้าด้วย เขาชักกริชออกมาแล้วพุ่งเข้าไปหาองครักษ์ที่วิ่งตามหลังมา ม่านในรถม้าถูกปิดลงเพราะรถม้าได้วิ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ถึงหลินซีนเยียนจะมองไม่เห็นเหตุการณ์นอกรถแล้ว แต่ภายในใจกลับค่อยๆ สงบลง คนพวกนี้ไม่ได้ฆ่าเธอก็หมายความว่าเธอยังมีประโยชน์อยู่ แสดงว่ายังคงรักษาชีวิตได้อยู่ชั่วคราว ในโรงเตี๊ยม องครักษ์ครึ่งหนึ่งได้วิ่งตามหลินซีนเยียนไป ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็ได้ล้อมสาวงามที่จับตัวเซียวฉางเยว่อยู่ “คนของพวกเจ้าได้ภาพวาดไปแล้ว ปล่อยคุณหนูใหญ่เซียวได้หรือยัง?”โม่จื่อฟงเอ่ยอย่างเย็นชา ดูไม่ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน “ทำศึกย่อมมีกลอุบายมาก ท่านอ๋องไม่คิดว่าข้าจะยอมปล่อยคุณหนูใหญ่เซียวจริงๆ หรอก หากปล่อยนางแล้ว ข้าจะมีชีวิตรอดรึ? ”สาวงามคนนั้นหัวเราะอย่างน่าสมเพช มองดูคู่หูของตนเองที่ถูกฆ่า นางกัดฟันแน่นแล้วถือกริชเข้าไปใกล้คอหมายจะเชือดคอของเซียวฉางเยว่ “เหอะ” เสียงหัวเราะยังไม่สิ้นสุด ทุกสิ่งทุกอย่างกลับร่วงหล่น สาวงามคนนั้นตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จู่ๆ ก็เห็นโม่จื่อฟงได้เข้ามาประชิดตัวแล้ว “เจ้า เจ้าเพิ่งกินอาหารที่ข้าป้อนไปไม่ใช่หรือ? ในอาหารนั่นมีส่วนผสมของยากล้ามเนื้ออ่อนแรง ทำไมเจ้าถึง...” น่าเสียดายที่นางยังไม่ยังถามออกไป ในช่วงวินาทีนั้น โม่จื่อฟงได้แย่งกริชของนาง จากนั้นก็แทงเข้าไปที่กลางอกของนางแล้ว ทันใดนั้นเลือกสดได้ทะลักออกมา ไม่นาน สาวงามที่สวยจนทำให้ผู้คนหวั่นไหวคนนั้นก็มีเลือดท่วมตัว โม่จื่อฟงเช็ดมือแล้วเดินข้ามศพของสาวงามไป ไม่มองเซียวฉางเยว่ที่ตกใจเข่าอ่อนจนล้มไปบนพื้น เพียงไปสั่งการจินมู่“ให้คนของเรารีบตามไป เสียแรงไปกับการตกปลาตัวใหญ่อยู่นาน ห้ามปล่อยปลาตัวใหญ่หนีไปเด็ดขาด ” “พ่ะย่ะค่ะ!”จินมู่ส่งเสียงตอบกลับ รีบเดินตามโม่จื่อฟงออกไป หน้าประตูหน้าอาหารได้เตรียมม้าเร็วไว้แล้ว พอโม่จื่อฟงเดินออมาจากร้านอาหารก็กระโดดขึ้นแล้วควบม้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว สีท้องฟ้ายามค่ำคืนยิ่งดำมืดไร้แสงสว่าง ค่ำคืนนี้ แม้แต่ดาวสักดวงก็ยังไม่มี “ท่านอ๋อง เมื่อครู่ท่านให้แม่นางหลินไปส่งภาพวาด ไม่กลัวว่าคนพวกนั้นจะลงมือสังหารนางไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”จินมู่ไม่เข้าใจความคิดของนายตนเอง เห็นอยู่ว่าปฏิบัติกับแม่นางหลินอย่างที่ไม่ปฏิบัติกับใครมาก่อน แต่พอเห็นการกระทำเมื่อครู่นี้เหมือนกับไม่ได้สนใจหลินซีนเยียนอยู่เลย ม้า 2 ตัววิ่งไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายจินมู่ก็ทนไม่ไหวจึงได้เอ่ยถามไปอย่างสงสัย “จินมู่ เจ้าเชื่อว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถประกอบแผ่นภาพอาวุธหน้าไม้ได้รึ?”โม่จื่อฟงไม่เพียงถามกลับ แต่ยังเร่งความเร็วควบม้า จินมู่ตะลึงงัน“ท่านอ๋องไม่เชื่อรึ?” “เปิ่นหวางไม่เคยเชื่อปาฏิหาริย์และความบังเอิญตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”เสียงของโม่จื่อฟงค่อยๆ หายไปในความมืด แม้แต่เงาของเขาก็ค่อยๆ กลมกลืนเข้าไปในความมืด “หากว่าหลินซีนเยียนไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกนั้น พอพวกมันได้ของแล้วอาจจะสังหารนางหรือไม่?”จินมู่รู้สึกโกรธเคือง โม่จื่อฟงไม่ได้ตอบคำถามอยู่เนิ่นนาน จินมู่คิดว่าเขาจะไม่ตอบคำถามแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงเย็นชาของเขา“ก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น” ตอนนั้นโม่จื่อฟงคิดไม่ถึงว่า สิ่งนั้นที่เขาเคยคิดว่ามันเป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง กลับสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปทั้งชีวิต เสียงล้อหมุนของรถม้า เมื่อได้วิ่งลงบนถนนสายเล็กที่ป่ารกร้างนอกชานเมือง ตรงสุดถนนสายเล็กนั้นมีหุบเขาอยู่ลูกหนึ่ง ในหุบเขามักจะมีสัตว์ป่าออกมาเดินเพ่นพ่าน ดังนั้นคนในเมืองจะไม่ค่อยมาที่นี่ โดยเฉพาะยามกลางคืน ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าในหุบเขาลึกๆ จะมีบ้านหลังเล็กอยู่หลังหนึ่ง ช่วงเวลานี้ บ้านหลังเล็กนั้นได้จุดไฟสว่าง มีคน 10 กว่าคนสวมชุดสีดำอำพรางทั้งตัวคอยยืนคุ้มครองอยู่ ในห้องตรงกลางของบ้านหลังเล็กมีชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ ข้างกายของเขามีชายแก่หนวดขาวคนหนึ่ง ชายแก่คนนั้นกำลังถูมือไปมาอยู่ เมื่อมองไปยังหน้าประตูก็เห็นรถม้าได้วิ่งแล่นเข้ามาให้ลานบ้าน เขาก็รีบออกไปทันที ชายแก่เลิกม่านในรถม้าขึ้น พอเห็นหลินซีนเยียนก็ยื่นมือออกไปทันที“สาวน้อย กล่องของข้าล่ะ?” หลินซีนเยียนคิดไม่ถึงว่า ในสถานการณ์แบบนี้จะได้มาเจอชายแกคนนั้นอีก เธอนึกถึงคำพูดของโม่จื่อฟงว่า คนผู้นี้คือตาเฒ่าสวี่เก๋อแห่งสำนักเทียนจี ดังนั้นเธอจึงถามกลับไป“เจ้าบอกจะไปยืมเงินมาแล้วมาไถ่กล่องคืนไปไม่ใช่หรือ แล้วไหนเงินที่เจ้ายืมมา?” 
已经是最新一章了
加载中