ตอนที่ 38 ต้องไม่ให้เจ้าน้อยใจ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 38 ต้องไม่ให้เจ้าน้อยใจ
ต๭นที่ 38 ต้องไม่ให้เจ้าน้อยใจ โม่จื่อฟงแค่นเสียง ยื่นมือไปผลักนางลงจากหลังม้า หลินซีนเยียนลงมาแล้วเดินโซเซไป 2 ก้าวกว่าจะยืนอย่างมั่นคงได้ จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปสำรวจรอยแผลบนร่างของอี้เซิงอย่างระมัดระวังโดยไม่สนใจตนเอง“ใครกันที่ทำร้ายเจ้า?” อี้เซิงมองไปยังโม่จื่อฟงด้วยสายตาที่เมินเฉย จากนั้นก็ส่ายหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร “ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ยอมให้เจ้ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ!”คำพูดของหลินซีนเยียนที่พูดออกมาไม่มีแรงผลักดัน เมื่ออี้เซิงที่อยู่ตรงหน้า เธอกลับเลือกที่จะระงับไว้ถึงที่สุด หากเธอไม่มีแรงผลักดัน ภายในใจของเด็กคนนี้ก็คงไม่ต้องหวังอะไรแล้ว เมื่อเห็นอี้เซิงไม่ยอมพูด หลินซีนเยียนก็ร้อนใจ ถึงจะเป็นเด็กอยู่ แต่กลับรู้เรื่องทุกอย่างได้อย่างน่าประหลาดใจ เธอรู้ เขาเพียงกังวลว่าเธอจะหาเรื่องให้เดือดร้อนอีก เธอลูบที่หัวของเขา เอ่ยเสียงเบา“อี้เซิง พี่จะบอกเจ้านะ ไม่ว่าจะเดือดร้อนแค่ไหน พี่ก็จะยืนอยู่ข้างเจ้า นอกจากพี่จะตายแล้ว ปกป้องเจ้าไม่ได้อีก พี่ไม่ยอมให้เจ้ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแน่” “อย่าตายนะ”อี้เซิงกอดเธออย่างรู้สึกหวาดกลัว สองมือเล็กนุ่มนิ่มได้โอบอยู่เอวของเธอ ความรู้สึกอบอุ่นทำให้เธอกอดเขากลับแล้วตบที่หลังเขาเบาๆ ราวกับปลอบใจ โม่จื่อฟงเห็นภาพความรักสุดซึ้งระหว่างพี่สาวน้องชาย ทำให้เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม เขาขี่ม้าเข้าไปในลานบ้าน เมื่อเข้ามาก็มีเข้ามาต้อนรับทันที เขาชี้ไปยังอี้เซิงที่อยู่นอกประตู“ใครเป็นคนทำ?” เหล่าองครักษ์ที่สวมชุดเกราะต่างจ้องหน้ากันแล้วก้มหัวลงไม่มีใครกล้าพูดออกมา โม่จื่อฟงแค่นเสียง“หากไม่พูดก็รับโทษไป ใครก็ได้ นำพวกที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกฏไปตัดแขนตัดขาทิ้งซะ!” เห็นอยู่ว่าในลานบ้านนอกจากองครักษ์ที่สวมชุดเกราะก็ไม่คนอื่นอยู่ พอโม่จื่อฟงถ่ายทอดคำสั่งไป กลับมีทหารหลายนายวิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ เข้ามากดตัวองครักษ์พวกนั้นลง “ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย ได้โปรดเห็นแก่คุณหนูใหญ่ไว้ชีวิตพวกเราสักครั้งด้วยเถิด”พอมีองครักษ์คนหนึ่งร้องขอชีวิต คนอื่นๆ ก็ทำตามกันหมด พวกเขาต่างเป็นองครักษ์ของคุณหนูใหญ่เซียวต้องทำตามเป็นคำสั่งอยู่แล้ว หลังจากที่เจ้านายได้รับความตื่นตระหนกจนรู้สึกโกรธเคือง ย่อมต้องหาคนมาระบายความโกรธ ในลานบ้าน สิ่งที่นำมาระบายความโกรธได้ดีที่สุดก็คงต้องเป็นอี้เซิงลูกผสมชั้นต่ำคนนั้น หลินซีนเยียนพาอี้เซิงเดินเข้าไปในหน้าประตูก็ได้ยินคำพูดนี้ เธอโกรธจัดจนควันออกหู เห็นองครักษ์หลายคนที่ถูกกดตัวอยู่ เธอคิดอยากจะหยิบก้อนหินจากพื้นแล้วเขวี้ยงไป ผู้หญิงอารมณ์ร้ายชวนทะเลาะ ชื่อนี้คงหนีไม่พ้นเธออย่างแน่นอน หลินซีนเยียนถือก้อนหินไว้ในมือแล้วเขวี้ยงไปยังองครักษ์พวกนั้นอย่างสุดกำลังโดยไม่มีความลังเล พลังที่เหี้ยมโหดนั้น ทำให้เหล่าทหารที่อยู่ในลานบ้านรู้สึกหวาดผวาจนหน้าซีดไปตามกัน โม่จื่อฟงเองก็ตกใจการกระทำที่เหี้ยมโหดของหลินซีนเยียนจึงลืมตัวไปชั่วขณะ เขาไม่พูดอะไร เหล่าทหารที่กดตัวขององครักษ์พวกนั้นก็ไม่ได้ปล่อยมือ ผ่านไปไม่นาน องครักษ์แต่ละคนก็มีเลือดสดไหลออกมา พอเขวี้ยงไปจนเหนื่อย หลินซีนเยียนก็รู้สึกเจ็บที่ข้อมือ ก้อนหินที่อยู่ในมือได้ระบายความโกรธแค้นในใจหมดแล้ว ในขณะที่ก้อนหินร่วงลมพื้น เธอก็รู้สึกเสี้ยวสันหลังขึ้นมาทันที เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้ทำอะไรลงไปแล้ว เธอกลืนน้ำลายลงอึกหนึ่ง บังคับหันหน้าไปมองโม่จื่อฟง พูดอย่างกระตุกกระตัก “เออ เออคือ ข้าบุ่มบ่ามไ...” “บ้าระห่ำอย่างนี้ สมแล้วที่...เป็นผู้หญิงของเปิ่นหวาง มีความกล้าเช่นนี้ถึงจะดี ”โม่จื่อฟงพูดจบก็เดินไปข้างหน้าขององครักษ์พวกนั้น“กลับไปบอกเจ้านายของเจ้า เมื่อได้รับความตื่นตระหนกก็ควรจะรักษาตัวอยู่เฉยๆ อีก 2-3 วันก็กลับถึงเมืองหลวงแล้ว ก่อนถึงเมืองหลวงหากไม่ยอมอยู่เฉยๆ เปิ่นหวางไม่รับรองความปลอดภัยของนางแน่” คำพูดนี้ บ่งบอกความไม่พอใจอยู่หลายส่วน เมื่อองครักษ์ได้ฟังแล้ว ก็ไม่กล้าจะอยู่ต่อ รีบวิ่งไปที่ห้องของเซียวฉางเยว่ทันที หลินซีนเยียนเตรียมจะพาอี้เซิงกลับไปทำแผลที่ห้อง ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกก็เห็นโม่จื่อฟงกวาดสายตาเย็นชามา“เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของเปิ่นหวาง คืนนี้ก็ดึกแล้ว เปิ่นหวางอยากจะพักผ่อนแล้ว” คำว่าสาวใช้อุ่นเตียงไม่กี่คำ เขาพูดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำเหลือเกิน หลินซีนเยียนถูกเรียกว่าสาวใช้อุ่นเตียงต่อหน้าของอี้เซิง ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเธอทำให้ใบหน้าเริ่มแดงออกมาอย่างไม่รู้สึก เธออยากเห็นว่าอี้เซิงจะแสดงท่าทียังไง กลับเห็นอี้เซิงก้มหน้าลง ราวกับไม่เข้าใจความหมายของวลีนั้น เธอจึงโล่งใจขึ้นมาน้อย “อี้เซิง เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน อีกสักพักเดี๋ยวพี่ตามกลับไป”หลินซีนเยียนเอ่ยเสียงเบา อี้เซิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา กลับจับมือของเธอไม่ยอมปล่อย เขาก้มหน้าลงต่ำเพื่อหลบซ่อนความโกรธแค้นในดวงตา เขาไม่ยอมให้เธอรู้เด็ดขาดว่าเขาฟังคำพูดของโม่จื่อฟงเข้าใจ เขารู้ความหมายของสาวใช้อุ่นเตียง เขาไม่ยอมบอกเธอแน่ว่าเมื่อก่อนตอนที่เขาถูกขายให้ครอบครัวใหญ่บ้านหนึ่ง นายท่านคนนั้นดูถูกสาวใช้อุ่นเตียง เขามองดูสาวใช้อุ่นเตียงหลายคนที่ทนไม่ไหวจนไปกระโดนลงบ่อน้ำฆ่าตัวตาย “วางใจเถิด สักพักพี่ก็กลับไปแล้ว”หลินซีนเยียนแกะมือเล็กๆ ของเขาออกจากมือของตนเองและพาเขาเดินกลับไปที่ห้อง จากนั้นก็หมุนตัวเดินตามโม่จื่อฟงไป ทั่วทุกมุมในห้องได้จุดเทียนสว่างไสว ปรากฏเป็นเงาของคน 2 คนที่เดินเข้ามาในห้องตามกันมา เตาผิงที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง เมื่อหน้าต่างได้เปิดออกก็พัดพาลมหนาวเข้ามา ถ่านไฟในเตาผิงก็เริ่มแดงขึ้นมา “อุ่นเตียงเถิด”โม่จื่อฟงยืนอยู่หน้าเตาผิง หลินซีนเยียนกัดฟัน ถอดรองเท้าถุงเท้าแล้วเดินขึ้นเตียงไป โอ๊ยแม่คุณ!นี่มันคนโรคจิตชัดๆ อากาศหนาวแค่วางหม้อน้ำร้อนในผ้าห่มเตียงมันก็อุ่นแล้วไม่ใช่หรือไง แต่พวกเขาอยากได้อุณหภูมิในร่างกายคนไปอุ่นเตียง แต่ว่ามีคนได้ทำวิจัยแล้ว ต้องใช้ร่างกายของสาวพรหมจรรย์อะไรนั้นไปอุ่นเตียง แค่ห่มผ้ามันก็อุ่นแล้ว อุณหภูมิร่างกายของสาวพรหมจรรย์กับอุณหภูมิร่างกายของผู้หญิงทั่วไปมันต่างหรือไง? “เจ้าขึ้นไปอย่างนี้?หากเสื้อผ้าสกปรกบนตัวของเจ้ามันทำให้เตียงของเปิ่นหวางสกปรกล่ะ?”โม่จื่อฟงขมวดคิ้วแน่น สายตามองไปยังผิวขาวเนียนนุ่มของเธอ “แล้วจะให้ทำอย่างไรเล่า?”หลินซีนเยียนขบฟันถาม โม่จื่อฟงหรี่ตาลงแล้วเอ่ยคำวา “ถอด!”หนึ่งคำ ถอด? ถอดบ้าอะไร! ล้อกันเล่นใช่ไหม? หลินซีนเยียนโกรธจนขบฟัน สำหรับคนที่บ้าอำนาจคงไม่พูดล้อเล่นแน่ แต่เธอมีวิธีต่อต้านอยู่ “ท่านอ๋อง ข้า...”หลินซีนเยียนกลืนน้ำลายไปอึกหนึ่ง กระโปรงที่กำลังถกขึ้นก็ปล่อยมันลงมาทันที “ข้ามีระดู หากถอดเสื้อผ้า เกรงว่าจะทำให้เตียงของท่านเปื้อนเอาได้” “อ้อ?”โม่จื่อฟงหรี่ตาจ้องมา เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ เธอ มุมปากเขาเหยียดยิ้มจนดูน่ากลัวชอบกล“ระดูนี้ มาได้ตรงจังหวะเชียวรึ?”
已经是最新一章了
加载中