ตอนที่ 39 ข้าจะรอเจ้า
1/
ตอนที่ 39 ข้าจะรอเจ้า
ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 39 ข้าจะรอเจ้า
ตนที่ 39 ข้าจะรอเจ้า หลินซีนเยียนถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว เธอถอยหลังจนชนกับขอบเตียงที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นเธอก็นั่งลงบนเตียง“ท่าน ท่านอ๋อง ข้ามีระดูจริงๆ” “อืม ให้เปิ่นหวางดู”เสียงของโม่จื่อฟงดังมาจากบนหัวของเธอ โลกที่นางได้อยู่ สักพักก็ได้ก็จมลงสู่ความมืดมิด แสงเทียนโดนลมพัดจนดับลงหมด ในห้องได้เกิดระลอกคลื่นผ่านมาตลอดไม่ยอมหาย ไม่มีใครรู้ว่าตรงมุมหนึ่งของลานบ้าน มีเงาเล็กๆ แหงนหน้ามองไปยังหน้าต่างชั้นสอง ดวงตาของเขาได้หายไปในความมืด แต่ความเกลียดชังในดวงตาคู่นั้น กลับทำให้องครักษ์เงาที่อยู่รอบๆ ไม่สามารถมองข้ามผ่านไปได้ เด็กอายุเพียง 7 ปี กลับมีความเกลียดชังมากขนาดนี้ องครักษ์เงา 2 คนรู้สึกแปลกใจ คิดจะนำเรื่องนี้ไปรายงานกับนายท่านของตนเองโดยที่ไม่ปิดบัง ตอนที่อี้เซิงยืนอยู่ในความมืดนั้น หลินซีนเยียนที่คลุมเสื้อขนสัตว์ก็เดินออกมาจากห้องนั้น เธอหาวหวอดหนึ่งแล้วเดินลงจากชั้น 2 ด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า เมื่อเห็นเด็กยืนอยู่ตรงมุม เธอก็ตกใจจนความง่วงหายเป็นปริดทิ้ง “อี้เซิง?”เธอรีบเดินเข้าไป ยื่นมือเขาไปกอดเด็กไว้ในอก เขาสวมเสื้อผ้าบางแล้วยืนในลานบ้านนานเกินไป ทำให้ตัวของเขาเย็นไปหมด หลินซีนเยียนใช้มือของตนเองถูคลายหนาวที่มือของเขา“ให้เจ้ากลับไปพักผ่อนแล้วไม่ใช่รึ? เจ้ายืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว?ทำไมไม่ยอมเชื่อฟังพี่?” “ข้ามารอท่าน” อี้เซิงจ้องหน้าของเธอไม่กระพริบตา กลิ่นอายความชั่วร้ายได้หายไปนานแล้ว เหลือเพียงความเป็นห่วงและความเจ็บปวดเท่านั้น เขาเป็นคนพูดน้อย แต่คำพูดไม่กี่คำจากปากของเขากลับทำให้หัวใจของหลินซีนเยียนอบอุ่นขึ้นมา เธอลูบหัวของเขาอย่างอ่อนโยน “พวกเรากลับห้องกันเถอะ ต่อไปห้ามไม่ให้เจ้ามารอแล้ว ข้าไม่เป็นไร” ไม่เป็นไรจริงๆ รึ? สายตาของอี้เซิงมองไปที่รอยฟกช้ำบนกระดูกไหปลาร้าของเธอ จากนั้นก็รีบหันหน้าหนีไปทันที เขาส่งเสียงตอบกลับและเดินกลับห้องไปกับหลินซีนเยียนอย่างว่าง่าย เช้าวันรุ่งขึ้นมีหิมะตกหนัก คนในโรงเตี๊ยมต่างยุ่งวุ่นวายกับหน้าที่ของตนเองตั้งแต่เช้า ใบหน้าของทุกคนไม่ปรากฏความกังวลหรือความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ราวกับลืมเรื่องการฆ่าฟันเมื่อคืนนี้ไปหมดแล้ว หรือพวกเขาอาจจะเห็นจนเคยชินจึงไม่รู้สึกอะไร จินมู่เตรียมรถม้าให้หลินซีนเยียนกับอี้เซิงแล้ว การเดินทางหลังจากนี้ หลินซีนเยียนและอี้เซิงก็อยู่ในนั่งรถม้าคันนั้น เมื่อขบวนรถม้าคันสุดท้ายออกเดินทาง กลับไม่เห็นเงาของโม่จื่อฟงอีกเลย หลินซีนเยียนรู้สึกเงียบสงบ หากมีชีวิตที่เงียบสงบแบบนี้ตลอด คงจะเป็นเรื่องดี หลายวันนี้ หลินซีนเยียนเข้าใจอี้เซิงมากยิ่งขึ้น คนเด็กนี้ฉลาดมากกว่าที่เธอคิดไว้ซะอีก ตลอดการเดินทาง เธอสอนเขาอ่านหนังสือ ทุกคำที่เธอสอนไปแค่รอบเดียว เขากลับจำได้ทันที แม้แต่กลอนโบราณที่จำยากพวกนั้น เขาฟังเพียงรอบเดียวก็จำได้แล้ว เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ติดตัวมาอย่างชัดเจน! หลินซีนเยียนราวกับเก็บของล้ำค่ามาได้ อยากจะสอนความรู้ทั้งหมดของตนเองให้กับเขาอย่างมาก หลังจากที่องครักษ์ไปรังแกอี้เซิงแล้วถูกสั่งสอนไป คนของเซียวฉางเยว่ก็อยู่กันอย่างสงบ อย่างน้อยก็ไม่มีคนมาหาเรื่องพวกเธออยู่หลายวัน ช่วงเวลาดีที่ดีมักจะเป็นเพียงช่วงเวลาที่สั้น วันพรุ่งนี้ก็ถึงเมืองเฟิ่งซีเมืองหลวงของแคว้นหนานเยว่แล้ว เหล่าทหารในขบวนรถม้าต่างดีใจกันถ้วนหน้า หลายเดือนมานี้ไม่ได้เจอครอบครัวมานาน ลูกผู้ชายเลือดร้อนต่างแสดงความดีใจจนออกนอกหน้า “ถึงแล้ว” ทันใดนั้นจะมีคนตะโกน ขบวนรถม้าต่างคึกคักกันขึ้นมา การเดินทางที่แสนยากลำบากมาหลายเดือนใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว! หลินซีนเยียนเลิกม่านในรถม้าขึ้นออกมาดู เห็นประตูเมืองสูงตระหง่านโดดเด่นอยู่ตรงหน้า ในยามพลบค่ำ ประตูเมืองนี้จะคล้ายกับสิงโตที่กำลังอ้าปากอยู่ เหล่าผู้คนต่างวิ่งกรูกันออกมาจากปากของสิงโต ข่าวไปถึงเร็วมาก กองทัพได้ออกมาตั้งขบวนรอที่อยู่ข้างบนของประตูเมืองแล้ว โดยมีขันทีผมหงอกขาวคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้า เขาสวมชุดฝ่ายใน ที่มือถือพระราชโองการสีเหลืองอร่าม เมื่อเห็นขบวนรถม้าใกล้เข้ามา ขันทีคนนั้นก็เดินลงมาจากประตูเมืองแล้วมายืนรอที่หน้าประตูหน้าด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยการประจบสอพลอ “ยินดีกับอ๋องอู่เสวียนที่กลับวังมาโดยสวัสดิภาพพ่ะย่ะค่ะ!”ขันทีแก่แสดงโค้งคำนับให้ขบวนรถม้าขอโม่จื่อฟง จากนั้นก็ถือพระราชโองการขึ้นมา“ท่านอ๋องทรงพระเจริญพันปี ฝ่าบาททรงรอนานแล้ว ทรงสั่งให้กระหม่อมออกมารอรับเสด็จโดยเฉพาะ ฝ่าบาทรับสั่งให้อ๋องอู่เสวียนรีบเข้าวังไปพบทันทีพ่ะย่ะค่ะ” โม่จื่อฟงส่งเสียงตอบกลับ ลงจากม้าแล้วรับพระรางโองการ หลังจากเอ่ยคำขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตาก็กลับมาขึ้นม้าแล้วควบเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็ว หลังจากที่รถม้าของตระกูลเซียวพร้อมกับองครักษ์ได้เข้าไปในเมือง ในตอนที่แยกขบวนจากคนในจวนอ๋องอู่เสวียน เซียวฉางเยว่ก็มองหลินซีนเยียนผ่านม่านในรถม้าด้วยสายตาอาฆาตแค้นอย่างปกปิดไว้ไม่อยู่ พอผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดรถม้าที่หลินซีนเยียนและอี้เซิงนั่งอยู่ก็หยุดลง มีคนมาเคาะรถม้าเชิญทั้งสองคนลงจากรถ ในขบวนไม่มีคนข้างกายของโม่จื่อฟงหรือจินมู่ที่ยืนรออยู่ มีแต่คนที่หลินซีนเยียนไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน “คือสาวใช้อุ่นเตียงของท่านอ๋องใช่หรือไม่?” น้ำเสียงเข้มงวดของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น หลินซีนเยียน หลินซีนเยียนเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งแต่งกายเรียบร้อยยืนอยู่หน้าประตู ประตูนี้ ไม่ใช่ประตูหลักของจวนอ๋องอู่เสวียน เป็นประตูข้าง ในสังคมที่เข้มงวดเรื่องชนชั้น ทุกคนในบ้านใหญ่มีเพียงเจ้านายที่สามารถเดินเข้าออกประตูหลักได้ นางเดินมาข้างหน้าของหลินซีนเยียน มองดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วทำหน้าตาเหยียดหยาม“รูปร่างหน้าตาถือว่าไม่เลว มิน่าท่านอ๋องถึงได้โปรดปราน ” “กุ้ยโมโม่ มอบคนให้ท่านแล้ว พวกเราต้องกลับไปเรือนหน้าแล้ว ”เหล่าองครักษ์ส่งคนเสร็จแล้วก็เดินจากไป ในสถานการณ์ทั่วไปแล้ว องครักษ์ไม่ค่อยมาเรือนหลังของจวนอ๋องเท่าไรนัก กุ้ยโมโม่พยักหน้าแล้วหันไปมองอี้เซิงที่ยืนอยู่ข้างกายหลินซีนเยียน“อ้าว เป็นขี้ข้าแล้วยังพาตัวภาระมาอีกรึ?เรือนหลังห้ามผู้ชายเข้ามาตามอำเภอใจ ข้าคิดว่าเด็กนี่ควรส่งไปเรือนหน้า” หลินซีนเยียนร้อนใจ จับมือของอี้เซิงไม่ยอมปล่อยและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“กุ้ยโมโม่ เขาคือน้องชายแท้ๆ ของข้า เขาเป็นแค่เด็กยังกลัวคนแปลกหน้าอยู่ โมโม่ได้โปรดเห็นใจยอมให้เขาอยู่กับข้าด้วยเถิด ” “เจ้าเป็นแค่ขี้ข้า มีสิทธิ์พูดจาด้วยรึ?”กุ้ยโมโม่แค่นเสียง“อย่านึกว่าเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องแล้วจะทำอะไรก็ได้ เจ้าเป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียง เป็นแค่ขี้ข้า จำฐานะของตนเองได้ดีด้วย!ข้าเป็นคนดูแลขี้ข้าในจวนอ๋อง ข้ากุ้ยโมโม่พูดอะไรต้องเป็นเช่นนั้น!เอาล่ะ ใครก็ได้ พาไอ้เด็กนี่ไปส่งเรือนหน้า” “กุ้ยโมโม่!”หลินซีนเยียนคล้ายอยากจะพูดอะไร กุ้ยโมโม่กลับไม่ยอมให้โอกาสเธอพูด ให้สัญญาณคน 2 คนที่อยู่ข้างๆ พวกเขาก็เข้ามาจับหลินซีนเยียนแยกจากอี้เซิงทันที สาวใช้ในจวนอ๋องล้วนเรียนวิชาการต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงพาอี้เซิงจากไปอย่างง่ายดาย หลินซีนเยียนจ้องมองอี้เซิงที่ถูกพาตัวไปตรงหน้า ยังไม่ได้ทันขัดขืนก็มีฝ่ามือตบมาที่หน้าอย่างแรง
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 39 ข้าจะรอเจ้า
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A