ตอนที่45 ช่วยเหลือสาวสวย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่45 ช่วยเหลือสาวสวย
ต๭นที่45 ช่วยเหลือสาวสวย อย่างไรก็ตามหลินซินเยียนรู้ดีว่า บนโลกใบนี้สิ่งที่ไม่สามารถเชื่อได้มากที่สุดก็คือคำสาบานของผู้ชาย แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นอกจากเชื่อในสิ่งปาฏิหารย์ ยังจะมีวิธีอื่นใดอีกเล่า? นางลดขาลง หันกลับไปดึงมู่เหอแล้ววิ่ง “จับพวกมันให้ข้า!ข้าต้องการให้พวกมันอยู่ไม่สู้ตาย!” พวกหลินซินเยียนยังวิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ ฮูเหยียนหลิวหยุนก็เรียกให้คนไล่ตามขึ้นมาทันควัน คำสาบานของผู้ชาย…. หลินซินเยียนมุมปากกระตุก แท้จริงแล้วดูเหมือนจะไม่มีปาฏิหารย์บนโลกใบนี้ "เป็นถึงโอรสสวรรค์ นึกไม่ถึงว่าจะผิดมั่นสัญญา ช่างอัปยศที่สุด" ขณะที่หลินซินเยียนวิ่งก็ไม่ลืมที่จะถากถางฮูเหยียนหลิวหยุนกลับไป “ข้าพูดว่าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่ไม่ได้พูดว่าจะปล่อยตอนนี้ รอให้ข้าทำให้พวกเจ้าได้รับความทรมานจนอยู่มิสู้ตายเสียก่อน ค่อยปล่อยพวกเจ้าไป” พื้นฐานวรยุทธ์ฮูเหยียนหลิวหยุนมิใช่ชั่ว เหินขึ้นลงเพียงครั้งก็ไล่ตามทั้งสองคนทัน ขณะที่หลินซินเยียนลากมู่เหอ ก็ผลักมู่เหอพุ่งไปด้านข้างอย่างเร่งร้อน “รีบหนีไป! ตามคนมาช่วยข้า!” “แต่….”มู่เหอต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับถูกหลินซินเยียนตัดบท "เจ้าสามารถใช้วิชาตัวเบาหาความช่วยเหลือยังได้เร็วกว่าข้า! จงฟังข้าและรีบไปซะ!" หลินซินเยียนวิ่งหนีไปทางตรงข้ามกับมู่เหอ เป้าหมายของคนเหล่านี้คือนาง การแยกกับมู่เหอจะสามารถทำให้เขาปลอดภัย เป็นไปตามคาด คนรัดับฮูเหยียนหลิวหยุนไม่สนใจมู่เหออีกต่อไป แต่ทว่าอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะล้อมหลินซินเยียนไว้ได้ “นี่ คนสวย ทีนี้เจ้าก็ไม่มีที่ให้หนีเสียแล้วล่ะ เจ้าวางใจได้เลย สำหรับหญิงงามข้าองค์ชายจะปฏิบัติอย่างอ่อนโยนเป็นที่สุด โอ้ ข้ามั่นใจว่าจะสามารถทำให้เจ้าลุ่มหลงอยู่ในโลกแห่งความฝัน จนถึงท้ายที่สุดเจ้าจะไม่อยากจากไปและนอนอยู่ใต้ร่างของข้า... ในขณะที่กล่าวถ้อยคำเลวทรามออกมา ฮูเหยียนหลิวหยุนไม่ได้รู้สึกละอายเลยแม้แต่น้อย หลินซินเยียนเห็นว่าคงหนีไม่พ้น จึงไม่ดันทุรังวิ่งต่อ แต่กลับจ้องมองยืนเผชิญหน้าโดยตรง หลังจากนั้นนางก็ปิดมุมปากหัวเราะ “ที่แท้องค์รัชทายาทก็เป็นไก่อ่อน ถูกสตรีแตะต้องเพียงนิดก็มีตอบสนองถึงเช่นนี้!” หินกระทบเพียงหนึ่งก้อนสามารถสร้างคลื่นนับพัน มิรู้ว่าคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของนางนั้นได้สร้างความเจ็บปวดให้ใครบางคนหรือไม่ แต่โดยสรุปแล้วแล้วฮูเหยียนหลิวหยุนนั้นตกตะลึงและเคืองแค้น ทั่วทั่งร่างดูไม่สู้ดี หลังจากนั้นอู่ฉือและเหล่าพรรคพวกคุณชายจึงมองไปยังเป้ากางเกงของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ครั้นได้มอง หลายๆคนก็กลั้นไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงครืนขึ้นมาทันควัน เป้ากางเกงของฮูเหยียนหลิวหยุนเหมือนกำลังตั้งเต๊นท์อยู่จริงๆ (อวัยวะเพศชายตั้งแข็งจนเป้าตุง เปรียบเหมือนเต๊นท์ที่กำลังกาง) “หลัวหยุน ท่านไม่ได้เป็นไก่อ่อนจริงใช่ไหม ท่านกลับหาเหตุผลต่างๆที่จะไปจากหอว่านโหลว(หอหมื่นบุปผา万花楼)เป็นรายสุดท้ายเสียทุกครั้ง ด้วยที่แท้เรื่องเป็นมาเช่นนี้เองหรอกหรือ? ในบรรดาคนเหล่านี้ มีเพียงอู่ฉือเสี่ยวโหวเหย่ที่ตำแหน่งสถานะตัวตนไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเท่าไหร่จึงกล้าดีมาล้อเล่นกับเขาตามใจชอบเช่นนี้ "ฮูเหยียนหลิวหยุนตบฝ่ามือลงบนหน้าอกของเขาด้วยความโกรธ "พูดไร้สาระอันใดกัน! ตัวข้าผ่านเข้าออกห้องหญิงรับใช้มาตั้งกี่ราย จะเป็นไก่อ่อนไปได้อย่างไร!" "เอาล่ะ เอาล่ะ พอ ข้าเชื่อ เจ้าว่าข้ายังไม่เชื่ออีกหรือ?" อู่ฉือกล่าวคล้อยตามยอมจำนวนอยู่ภายใต้ความเย่อหยิ่งของเขา แต่ทว่าภายในดวงตายังสะท้อนให้เห็นถึงความสงสัยอย่างชัดเจน ฮูเหยียนหลิวหยุนน้ำท่วมปาก ได้แต่นำความโกรธแค้นมาลงที่หลินซินเยียน “นังคนชั้นต่ำ ดูเหมือนว่าวันนี้ถ้าไม่ให้เจ้าได้เจอกับพลังของข้า คงไม่สามารถให้เจ้ายอมรับได้ทั้งกายและใจ ในขณะที่กล่าวก็ยื่นมือไปคว้าร่างของหลินซินเยียน โดยมือข้างนั้นเขาใช้กำลังเต็มสิบส่วน ไม่ต้องพูดถึงหลินซินเนียนที่ไม่เป็นวรยุทธ์ ต่อให้คนที่เป็นวรยุทธ์ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถหลบได้โดยง่าย หลินซินเยียนถอนหายใจ ได้แต่เบิกตามองมือของเขาที่คว้าไหล่ของตน จนกระทั่งนางสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านมาจากไหล่ ทว่าเพียงชั่วพริบตา ร่างของนางกลับตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น นางตกตะลึง ไม่แน่ใจว่าเป็นมาเช่นไร ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยลอยมา “เจ้าไม่เป็นไรนะ?” นางเห็นกลับไป เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่พอจะเทียบเคียงได้กับโม่จื่อเฟิง หน้าตาเช่นนี้ เป็นผู้แปลกหน้าสำหรับนางอย่างชัดเจน แต่ทว่าเสียงนั้น นางกลับรู้สึกเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน เมื่อเห็นนางไม่ตอบ ชายหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่กลับไม่ได้ปล่อยมือจากไหล่ที่กำลังโอบนางในยามที่เขายิ้มกลับยิ่งหล่อเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน ท่ามกลางฝูงชนที่ได้หลีกห่างออกไปแล้ว ทว่าหญิงสาว อย่างไรก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความขวยเขิน “ท่าน ท่านคือ…” ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ฮูเหยียนหลิวหยุนคงจะพุ่งเข้าไปแย่งคนมาแล้ว แต่ทว่าในยามที่เขาเห็นบุรุษที่อยู่ตรงหน้า ฝ่าเท้าราวกับมีรากฝัง ไม่กล้าจะก้าวออกไปตามอำเภอใจ “อย่างไรกัน ฮูเหยียนหลิวหยุนมิรู้จักเปิ่นกว่านแล้วหรือ? งานแลองวันคล้ายวันเกิดวันคล้ายพระราชสมภพฮูเหยียนอ๋องเมื่อเดือนที่แล้ว เปิ่นกว่านยังได้เข้าจวนไปคารวะด้วยตนเอง” อินฉีหัวเราะเบาๆแล้วกล่าวอีกว่า “ถ้าหากองค์รัชทายาทหลิวหยุนผู้สูงส่งลืมเลือนไปแล้ว เช่นนั้นเปิ่นกว่านก็จะแนะนำตนเองอีกครั้ง “เปิ่นกว่านคืออัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย อินฉี ” (本官 คำที่ใช้เรียกแทนตนเองที่เป็นข้าราชสำนักในสมัยโบราณ) อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายอินฉี ในบรรดาขุนนางฝ่ายบุ๋นถือว่าเป็นเสนาบดีที่ทัดเทียมกับเซียวเฉินเหอกั๋วกง และเป็นบุคคลที่เกิดจากความสัมพันธ์ทางสายโลหิตระหว่างองค์จักพรรดิแห่งหนานเยว่กับพระราชวงศ์ระดับสูง ถึงแม้ว่าฮูเหยียนหลิวหยุนจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามองค์ชายแห่งเมืองเฟิ่งชี ทว่าอย่างไรก็ยังเป็นผู้เยาว์ แต่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายอินฉีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ แม้กระทั่งบิดาของเขาเมื่อได้พบยังต้องสุภาพถึงสามส่วน เขาเป็นเพียงรุ่นที่สอง ยังไม่มี ความกล้าที่จะขัดแย้งกันอย่างซึ่งหน้าจริงๆ ถ้าหากเขากลับจวนไปฟ้อง แม้เขาจะเป็นบุตรชายคนเดียวของท่านผู้เฒ่า แน่นอนว่าย่อมร่วงไม่เป็นท่า。 "เสนาบดีอินชื่อเสียงกว้างไกล ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร" ฮูเหยียนหลิวหยุนเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความเก้อเขิน เป็นยิ้มที่คล้ายว่าไม่ยิ้ม "แต่ว่านะท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย นังร่านคนนี้เพิ่งจะกระแทกชนข้า หวังว่าท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะมอบนางให้ข้าจัดการ" "โอ้?" อินฉีไม่มีเจตนาที่จะปล่อยหลินซินเยียนแม้แต่นิด "ถ้าหากข้ามองไม่ผิด เมื่อสักครู่นี้เหมือนกับว่าองค์ชายหลิวหยุนได้เกิดคิดเกินงามกับแม่นางคนนี้ อีกทั้ง กางเกงของเจ้ายัง..." เขามองไปยังเป้ากางเกงของฮูเหยียนหลิวหยุนอย่างมีนัยยะลึกซึ้ง ที่ตรงนั้น จวบจนกระทั่งตอนนี้ยังคงมีหลักฐานความใคร่ติดไว้อยู่ ถูกพี่น้องตนเองหัวเราะเยาะก็แย่แล้ว ยามนี้ยังถูกเสนาบดีอินหัวเราะเยาะอีก บางทีหนังหน้าฮูเหยียนหลิวหยุนหนาขึ้นจนด้าน เห็นอินฉีต้องการเข้ามาสอดเรื่องนี้อย่างชัดเจน ฮูเหยียนหลิวหยุนจึงลังเลไปชั่วครู่ มองหลินซินเยียนด้วยความเกลียดชัง หลังจากทีเรียกพรรคพวกแล้วเสร็จ จีงกล่าวอย่างไม่เต็มใจ “ไป! วันนี้ช่างโชคร้ายเสียจริง พวกเราไปดิ่มสุรา ดื่มให้ตายกันไปข้าง!” อู่ฉือเมื่อได้ยินว่าเป็นอินฉี ใครเล่ายังจะกล้ายุแหย่ จึงรีบจากไปในทันที มีฮูเหยียนหลิวหยุนเบิกทางแล้ว พวกเขายังจะลังเลอะไร รีบติดตามไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับเป็นหลิวหลีที่ยืนอยู่ด้านข้าง ตั้งแต่ที่อินฉีปรากฎกาย ดวงตาราวกับได้ถูกตราตรึงไว้ ไท่สามารถละสายตาได้ หากไม่ใช่ว่าฮูเหยียนหลิวหยุนเกิดโทสะและดึงแขนของนางไว้อย่างหยาบคาย นางก็คงยังไม่ได้สติกลับมา “หลิวหลี อย่าได้ทำตัวโลภ! ดูเจ้าจะไม่เห็นหัวองค์ชายเช่นข้า!” ฮูเหยียนหลิวหยุนเห็นท่าทางของนางที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ยิ่งมีโทสะ จึงผลักไสนางแล้วเดินจาก "ธุระของเจ้า ต่อไปอย่าได้มาวุ่นวายข้าอีก!" (กินข้าวในชาม ดูข้าวในหม้อ เปรียบเป็นคนโลภ ที่ทานเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ) หลังจากหลิวหลีได้รู้ซึ้งพลันรู้สึกตัว จึงรีบไล่ตามไปในทันใด "องค์ชายเพคะ โปรดรอหลิวหลีด้วย…”
已经是最新一章了
加载中