ตอนที่ 46 นางยังคิดจะแต่งงาน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 46 นางยังคิดจะแต่งงาน
ต๭นที่ 46 นางยังคิดจะแต่งงาน ฝูงชนล้วนแยกย้าย อินฉีกลับยังคงโอบไหล่ของหลินซินเยียนไว้ ราวกับว่าไม่ได้สังเกตอาการที่น่าอึดอัดใจดังกล่าว “ใต้เท้า ท่านปล่อยข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?” หลินซินเยียนก้าวถอยหลังเล็กน้อย และรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยกับเขา อินฉีปล่อยนางด้วยความขุ่นใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มอย่างมีนัยยะ “แม่นางหลิน เจ้าจำไม่ได้จริงๆหรือ?” หลินซินเยียนไม่ได้พูดอะไร ไม่พูดว่ารู้จักและก็ไม่ได้พูดว่าไม่รู้จัก เมื่อเห็นท่าทางอันชืดชาเช่นนี้ของนาง อินฉีจึงทอดถอนใจพลันกล่าวว่า "ช่างเถิด เจ้าชนะแล้ว ข้ารู้ว่าการปกปิดตัวตนในยามพบกันครั้งแรกนั้นไม่พึงเรียกว่าสุภาพบุรุษ แต่แม่นางโปรดเชื่อว่าข้ามิได้มีเจตนาที่จะหลอกลวงเจ้า ในยามแรกนั้นยากที่จะเอ่ย” “ใต้เท้าอินเกรงใจไปแล้ว ท่านเป็นถึงเสนาบดีฝ่ายซ้าย แน่นอนว่าย่อมต้องมีเรื่องสำคัญจึงได้อำพรางตัว ข้าน้อยมิกล้าที่จะขุ่นเคืองใดๆ นอกจากนี้ เมื่อสักครู่ขอบคุณที่ใต้เท้าอินทำการขัดแย้ง ข้าน้อยซาบซึ้งใจยิ่งนัก" ในยามที่หลินซินเยียนกล่าวได้ประสานมือย่อกายคารวะอยู่ซ้ำๆ อินฉีได้ยกมือปรามเพื่อหยุดการคำนับของนาง "กล่าวให้ชัด แม่นางต่างหากจึงจะเป็นผูู้ที่เคยช่วยข้าไว้ ออกแรงลงมือครั้งนี้ไม่คุ้มค่าแก่การกล่าวขวัญ ใช่แล้ว แม่นางหลินมาเมืองหลวงได้อย่างไร?" เขารู้อยู่แล้วแน่นอนว่านางติดตามโม่จื่อเฟิงมายังวังหลวง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาอดไม่ได้ที่จะถามประโยคนี้ บางทีเป็นเพราะว่าอยากจะได้ยินอะไรบางอย่างจากปากนาง "ข้าน้อย...ติดตามญาติมาเยี่ยมญาติ ท้องฟ้าก็มืดค่ำแล้ว ข้าน้อยต้องกลับแล้ว" หลินซินเยียนค้อมศีรษะลาอย่างตะขิดตะขวง ไม่สามารถพูดได้ว่านางเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของใครบางคน "อ้อ....." ในน้ำเสียงของอินฉี เผยให้เห็นถึงความเศร้าบางส่วนที่แม้กระทั่งตัวเขาเองไม่ได้สังเกตเห็น หลินซินเยียนคารวะอีกครั้ง “ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อน ใต้เท้าอิน ไว้พบกัน” “ไว้พบกัน” ประโยคนี้ติดอยู่ภายในลำคอของอินฉี แต่ในยามที่หลินซินเยียนหมุนกายอย่างงามสง่าพลันอดไม่ได้ที่จะรั้งแขนของนางไว้ หลินซินเยียนหันกลับมามองเขาด้วยความสงสัย "ใต้เท้าอินยังมีธุระอันใดหรือเจ้าคะ?" อินฉีนิ่งตะลึง พลันกล่าวว่า "ในเมื่อมีวาสนาได้พบกันอีกครั้ง ข้าอยากให้พวกเรานับเป็นมิตรสหาย ถ้าหากแม่นางพบเจอกับเรื่องลำบากสามารถมาหารือปรึกษาข้าได้ ถึงแม้จะไม่แน่ว่าจะต้องช่วยแก้ปัญหาเสมอไป แต่เพิ่มคนช่วยออกความคิดเห็นก็ยังดี" สำหรับการริเริ่มแสดงความเป็นมิตรที่ไม่คาดคิดของเขา ในใจหลินซินเยียนแปลกประหลาดอย่างมาก ตัวตนเช่นอินฉีนับว่าเป็นผู้มีอำนาจท่ามกลางกลุ่มผู้มีอำนาจในสายตานาง นางไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าเขาจะเป็นผู้ที่คบมิตรสหายได้สบายๆเช่นนี้ “แม่นางหลิน เจ้าอย่าได้คิดมาก ง่ายที่จะพานพบ แต่เป็นตนนั้นกลับยาก ข้าเพียงแค่คะนึงถึงมิตรภาพครั้งสุดท้ายที่อุ่นสุรา ใต้หิมะโปรยก็เท่านั้น ไม่คิดเลยเถิดกับแม่นางโดยเด็ดขาด" อาการตื่นตัวที่เห็นได้ชัดของนางทำให้อินฉีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากอธิบาย ในใจนั้นจนปัญญา หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ไม่ว่าบุรษหรือสตรี แต่โดยทั่วไปถ้าเขาริเริ่มแสดงความเป็นมิตร ใครบ้างที่ไม่มารีบประจบเขา ซึ่งก็คือสตรีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ คาดไม่ถึงว่าไม่มีท่าทีแม้แต่น้อยแต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความระแวดระวัง หลินซินเยียนลังเลอยู่ชั่วครู่จึงพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณใต้เท้าอินที่หวังดี” ในขณะที่สองคนกำลังสนทนากันอยู่ ที่ปลายถนนพลันมีเสียงกีบเท้าม้าดังขึ้นด้วยความรีบเร่ง เป็นมู่เหอที่ได้เคลื่อนย้ายกำลังเสริมมาช่วย ที่อยู่ข้างหน้าคือจินมู่ เขานำทหารองครักษ์แห่งจวนอ๋องหลายสิบนายรีบรุดมา เมื่อพบหลินซินเยียนอยู่ด้วยกันกับอินฉี กลับเกิดความตระหนกตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงพลิกตัวลงจากม้า ประสานมือกับกำปั้นคำนับแก่อินฉี "คารวะท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย!" ในฐานะที่เป็นองครักษรักษ์ประจำกายของโม่จื่อเฟิง จินมู่มีวาสนาเคยพบอินฉีอยู่หลายครั้ง สำหรับเสนาบดีฝ่ายซ้ายวัยหนุ่มเช่นนี้ ใครก็ตามที่เคยพบคงไม่สามารถลืมได้โดยง่าย อินฉีส่งเสียงตอบรับ หลังจากโบกมือร่ำลากับหลินซินเยียนจึงหันหายจากไป หลังจากที่รออินฉีเดินห่างออกไป จินมู่จึงเอ่ยถามหลินซินเยียน “แม่นางไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ?” “ไม่เป็นไร โชคดีที่ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายเข้ามาช่วยเหลือ สมกับที่เป็นเสาหลักของราชวงศ์ เมื่อพบเห็นการยื้อแย่งหญิงชาวบ้านเช่นนี้ก็ก้าวออกมาอย่างห้าวหาญในทันที" หลินซินเยียนยั้งปากไม่เอ่ยถึงเรื่องที่รู้จักกับอินฉี “อ้อ แม่นางไม่เป็นอันใดก็ดี” ภายในดวงตาจินมู่แฝงไว้ด้วยความสงสัย แต่กลับไม่เอ่ยออกมา เพียงแค่เชิญนางขึ้นรถม้าที่อยู่ด้านหลัง การเดินทางเที่ยวชมเมืองเฟิ่งชีครั้งแรกของหลินซินเยียนถึงแม้ยังไม่สิ้นสุดลง แต่เมื่อนางเห็นแผลบนใบหน้าของมู่เหอ ก็ได้แต่ทอดถอนใจ ในยามที่กลับถึงจวนของอู่เซวียนอ๋องก็เป็นยามเที่ยงกว่าแล้ว หลินซินเยียนกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของมู่เหอ จึงเตรียมพาเขาไปรับยาที่ห้องโอสถส่วนตัวของจวนอ๋อง ใครจะรู้ว่าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็มีคนเข้ามาแจ้งกระแสรับสั่งว่าอู่เซวียนอ๋องกำลังรอนางที่ห้องทรงอักษร ถึงแม้นางจะข้องใจ แต่ทว่าหลังจากที่นางกำชับมู่เหออยู่หลายประโยคจึงได้ติดตามคนที่เป็นผู้นำทางไป โดยปกติห้องหนังสือของสกุลขนาดใหญ่ที่มีฐานะ จะไม่อนุญาตให้สตรีเข้าไปด้านในได้ตามใจชอบ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นจวนของอู่เซวียนอ๋อง ดังนั้นคนนำทางจึงให้หลินซินเยียนยืนอยู่ด้านนอกห้องทรงอักษรห่างประมานหนึ่งจั้ง หลังจากนั้นจึงเดินไปเคาะหน้าประตูห้องทรงอักษร หลังจากผ่านไปชั่วครู่ โม่จื่อเฟิงก็ได้ออกมาในชุดหรูหราสีดำ วันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะแต่งตัวสบายๆ เมื่อพบหลินซินเยียนจึงได้กล่าวขึ้นหลังจากกวาดตาเหลือบมอง "ไปนั่งเล่นเป็นเพื่อนเปิ่นหวางที่ลานเสียหน่อย" หลินซินเยียนไม่ได้กล่าวอันใด เพียงแค่เดินตามข้างหลังเขาด้วยความเฉลียวฉลาด คนนำทางรู้งานจึงล่าถอยออกไป บนโต๊ะหินที่อยู่ในลานได้จัดวางกาน้ำชาและของทานเล่นไม่กี่อย่าง เขานั่งลงบนม้านั่ง พลันกล่าวว่า "รินชา" หลินซินเยียนรินชาให้กับเขา ทว่าข้างในกลับไม่พอใจ ความหมายที่เขาพูดว่านั่งเป็นเพื่อนเขาที่ลานบ้าน คือเขานั่งดื่มชาแต่นางต้องยืนปรนนิบัติเขา! ความรู้สึกสถานะทางชนชั้นที่เหนือกว่านี่มันโหดร้ายเสียจริง “ดูเหมือนเจ้าจะไม่พอใจ?” โม่จื่อเฟิงถามด้วยเสียงราบเรียบ “หม่อมฉันมิกล้าเพคะ” ถ้าหากเจ้าอยากนั่งดื่มชากับเปิ่นหวาง เช่นนั้นก็จงปรนนิบัติเปิ่นหวางให้ดี ถ้าหากเปิ่นหวางอารมณ์ดีบางทีอาจจะอนุญาตให้เจ้าเป็นพระชายารองของเปิ่นหวาง เป็นพระชายารองแห่งจวนอ๋องก็นับว่าเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง ครั้นแล้วผู้อื่นก็จะมาปรนนิบัติเจ้า" เป็นเรื่องยากที่เขาจะต้องพูดประโยคยาวเช่นนนี้ในหนึ่งลมหายใจ หลินซินเยียนอดไม่ได้ที่กระตุกมุมปาก บางทีวันนี้ได้เจอกับเรื่องอยุติธรรมมากเกินไป ในใจเดิมที่มีโทสะ เมื่อเจอเข้ากับท่าทางอันสูงส่งของเขาอีกครั้ง ยิ่งไม่ลงรอยเข้าไปใหญ่ “ท่านอ๋อง เรื่องพระชายารองนั้นช่างเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่มีชีวิต อย่างไรก็เป็นแค่สตรีกำเนิดจากซ่องเท่านั้น ท่านอย่าได้สิ้นเปลืองเงินจวนอ๋องมาเลี้ยงดูหม่อมฉันเลยเพคะ รอหม่อมฉันสร้างอาวุธหน้าไม้ขึ้นมาได้สำเร็จ หม่อมฉันก็จะจากไปให้ไกล ทาสต่ำต้อยกำเนิดจากซ่องเช่นหม่อมฉัน ก็สมควรแต่งให้กับพ่อค้าเร่ใช้ชีวิตขมขื่นไปวันๆ” เมื่อหลินซินเยียนรินชา ก็ไปยืนยังด้านข้างโดยไม่กล่าวอะไรต่อ ขณะที่โม่จื่อเฟิงถือถ้วยชา สายตามองยังบนใบแก้มของนางด้วยความคิ้วขมวด ผู้หญิงคนนี้ ทนรอไม่ไหวที่จะจากไปขนาดนี้เลยหรือ? เป็นผู้หญิงของเขาแล้ว ยังคิดจะแต่งออกให้ผู้อื่นอีก? ถ้วยชาถูกเขาบดจนแหลกละเอียด เขายื่นมือไปดึงนางมาไว้ในอ้อมกอดของตน "เป็นผู้ใดที่ให้ความกล้าเจ้ามาพูดกับเปิ่นหวางเช่นนี้?" "ท่านอ๋อง หม่อมฉันกล่าวอะไรผิดไปหรือเพคะ? ตัวตนหม่อมฉันนั้นต่ำต้อย เป็นข้าทาส ไหนเลยจะคู่ควรสมรสกับท่านอ๋อง?" นางแค่นเสียงเย็น อย่าได้กล่าวว่าเป็นพระชายารอง ต่อให้นางเป็นหวางเฟย ถ้าหากชั่วชีวิตนางต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกที่บุรุษเป็นใหญ่เช่นนี้ นางเลือกที่จะไม่แต่งงานตลอดชีวิต! โม่จื่อเฟิงบังคับให้นางนั่งอยู่บนตักของตน ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ทอดลงมา ทำให้ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนกระเพื่อมไปด้วยรัศมีสีเหลืองทองอันพร่าพราง นิ้วมือของเขาลูบไล้ไปบนริมฝีปากนาง "ไม่เป็นพระชายารองของเปิ่นหวาง แล้วเจ้าอยากเป็นภรรยาของอินฉีหรือย่างไร? เจ้าคู่ควรงั้นหรือ?" 
已经是最新一章了
加载中