ตอนที่ 47 ไม่เคยดูถูกตนเอง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 47 ไม่เคยดูถูกตนเอง
ต๭นที่ 47 ไม่เคยดูถูกตนเอง เหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เขารู้อยู่แล้วดังคาด! "ใต้เท้าอินเถรตรงและเลือดร้อน เมื่อเจอเหตุการณ์ที่ไม่เป็นธรรมเช่นบนท้องถนนก็จะลงมือเข้าไปช่วยเหลือในทันที คนอัธยาศัยเช่นนั้นย่อมทำให้ผู้คนพินอบพิเทา ไม่ว่าหญิงสาวบ้านใดที่ได้พบก็อาจไม่สงบใจไว้ได้ น่าเสียดายที่…” หลินซินเยียนพลันเสแสร้งยิ้มอย่างโศกเศร้า ยื่นมือไปเกี่ยวคล้องคอโม่จื่อเฟิง “น่าเสียดายที่หม่อมฉันนั้นเป็นคนของท่านอ๋อง ดอกไม้ที่แหลกเหลวเช่นหม่อมฉันจะสามารถทำเรื่องที่ฝันเฟื่องเกินกำลังตนเองได้อย่างไรกันล่ะเพคะ?" “ดอกไม้ที่แหลกเหลว…” โม่จื่อเฟิงพึมพำคำๆนี้ พลันกระชากมือนางกุมไว้ในกำปั้นของตน "ฟังจากน้ำเสียง ดูเหมือนเจ้าจะไม่พอใจเปิ่นหวางอยู่มากโข รู้สึกเสียใจใจที่เจ้าเป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียงหรืออย่างไร?" "ไม่เสียใจเพคะ" ก็ใช่น่ะสิ! ในสายตาของเขา นางเป็นเพียงสตรีกำเนิดจากซ่อง สามารถเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของเขาคงเป็นชาติก่อนสร้างบุญกุศลไว้กระมัง เขาจะมารู้สึกได้อย่างไรว่านางได้รับความไม่เป็นธรรม? โม่จื่อเฟิงหัวเราะเบาๆ จับมือนางมาทาบลงที่หน้าอกของตนพลันกล่าวขึ้นว่า "เจ้ารู้หรือไม่เหตุใดเปิ่นหวางจึงเก็บเจ้าไว้ข้างกาย? ลองพูดดู หากเจ้าพูดถูกเปิ่นหวางย่อมมีรางวัล" "โอ้...." มุมปากหลินซินเยียนประดับด้วยรอยยิ้มเเหยียดหยัน สายตากลับกระตุกเชิญชวนเขา ความเงียบครอบงำครู่หนึ่ง นางจึงกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา "ผู้คนกล่าวว่าภรรยามิสู้อนุภรรยา อนุภรรยามิสู้ขโมย ขโมยมิสู้ไม่สามารถขโมย แม้แต่ฝูงภรรยาและอนุในเรือนชนชั้นสูงหรือขุนนางผู้สง่าผ่าเผย มิใช่อยู่ไปวันๆแบบเดิมดั่งซ่องโสเภนีงั้นหรือเพคะ? นั่นจึงอธิบายได้ว่าเรือนร่างสตรีจากซ่องโสเภณีมีบางอย่างที่ภรรยาและอนุภรรยาไม่มี….” ในยามที่สนทนา มือของนางได้ถูกเขาดึงไปใต้เอวของเขาเลื่อนลงต่ำลงไปอีก นั่นคือส่วนที่ไวต่อความรู้สึก ทว่าดวงตาของนางกลับยิ่งเศร้าสลด ข้างในเสียงสองกลบเกลื่อนไว้ไม่มิดจึงเผยความสั่นไหวออกมาบางๆ “แต่หม่อมฉัน ก็แค่มาจากซ่อง หรือท่านอ๋องริเริ่มที่จะมองหาอยู่? กล่าวกันว่าเหล่าคุณหนูผู้มีฐานะในเมืองเฟิ่งชีหลงไหลท่านอ๋องมิใช่น้อย อย่างเช่นสตรีผู้มีพรสวรรค์คุณหนูใหญ่สกุลซู แต่ทว่าการที่ท่านอ๋องเก็บข้าไว้ข้างกายอย่างโดดเดียว ก็แค่เพราะว่าข้าเป็นสตรีที่มาจากสถานที่เช่นนั้น พฤติกรรมใจกล้าสามารถสนองท่านได้ทุกเวลาใช่หรือไม่?" ใช่แล้ว ในสายตาของเขา นางก็อีแค่เครื่องมือระบายอารมณ์งั้นหรือ? หากเปลี่ยนเป็นสตรีในสกุลดีงาม ย่อมไม่นำตนเองวางมาดใหญ่โตเป็นสตรีร่ำรวยสูงสักดิ์ มีชุดคำสอนคุณธรรมทั้ง4 แสร้งพรางตัวเป็นดอกบัวขาว พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้บ้านฝั่งสามีของตนเชื่อถือว่าพวกนางสามารถกลายเป็นนายหญิงใหญ่ที่ดีของบ้าน (礼仪廉耻 คุณธรรม 4 ประการ ประกอบด้วย : 礼หมายถึง จริยธรรม,จารีตประเพณี,การให้ความเคารพ, มารยาท 义หมายถึง มโนธรรม, ความสันโดษมักน้อย 廉หมายถึง สุจริตธรรม, มือสะอาด, ไม่คดโกง 耻หมายถึง ยางอาย, ความละอายต่อความชั่ว ) (白莲花 ดอกบัวขาว กลายเป็นคำสแลงจีนใช้ว่าผู้หญิง "แรด" ที่ประพฤติตัวไม่ดี เหลวไหล ดัดจริต ใช้ล้อเลียนหรือเปรียบเปรยผู้หญิงที่ทำตัวภายนอกดูซื่อใสบริสุทธิ์เหมือนดอกบัว แต่ที่จริงมีพฤติกรรมมัวหมอง) ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเก็บนางไว้ข้างกาย เพราะว่านางมิใช่คุณหนูผู้ร่ำรวย ไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็นสตรีชนชั้นสูง นางสามารถตอบสนองเขาได้ทุกเวลาในฐานะสุดยอดสัญชาตญาณความใคร่ของบุรุษ "ในเมื่อรู้ ก็ทำให้ดี" เสียงของโม่จื่อเฟิงนั้นเพี้ยนต่ำอยู่บ้าง ด้วยเพราะมือของหลินซินเยียนถึงจุดหมายปลายทางในที่สุด ยามกลางวันแสกๆภายในลานจวนแห่งนี้ สตรีที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ ล้วนถูกพวกเพศเดียวกันรังเกียจเหยียดหยาม โดยเฉพาะในสังคมระบอบศักดินา สตรีมีสกุลสุภาพเรียบร้อยคนใดจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้กันเล่า? แล้วจะมีชายใดที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้กับภรรยาและอนุที่แสนสุภาพเรียบร้อยของตน? เพราะนางมิใช่ภรรยาหรืออนุฯของเขา เขาจึงปลอดปล่อยเช่นนี้กับนาง แสงตะวันสาดส่องกระทบลงบนร่างของคนทั้งสอง กลับยิ่งขับผิวของหลินซินเยียนกระจ่างใส แพขนตายาวงอนยาวซ่อนเร้นความไม่ยินยอมและเศร้าสลดในดวงตาของนาง ครั้งนี้นางมิได้หลั่งน้ำตาในทีที่ถูกกระตุ้น โชคดี ที่ในร่างของนางเป็นหญิงสาวจากสังคมสมัยใหม่ ถึงแม้ทุกคนในสังคมแห่งนี้ล้วนดูแคลนนาง นางจะไม่ยอมแพ้ดูแคลนตนเอง ณ ประตูรั้วด้านหน้าลาน เด็ก6-7ขวบผู้หนึ่งได้นั่งคุกเข่ามาหนึ่งชั่วยาม จนกระทั่งถึงยามอู่ (ช่วงเวลา 11.00-13.00 นาฬิกา) พวกสาวใช้และองครักษ์ล้วนไปทานมื้อเที่ยง มีเพียงเขาผู้เดียวที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน เขารู้ว่าหลังประตูรั้วบานนี้ หากผ่านเข้าไปอีกสองตรอกซอยก็จะเป็นห้องทรงอักษรของอู่เซวียนอ๋อง เขาอยากจะขอร้องท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ให้เขาได้พบกับหลินซินเยียนสักครั้ง เขาได้ยินว่าหลินซินเยียนถูกนำตัวเขาไปที่ห้องทรงอักษร ดังนั้นเขาจึงมาขอร้องคุกเข่าอยู่ที่นี่ ถ้าหากขอร้องไม่สำเร็จ เช่นนั้นเขาก็จะรอให้หลินซินเยียนออกมา มีองครักษ์อีกสองนายที่กำลังเตรียมไปทานมื้อเที่ยง เห็นอี้เซิงยังคงคุกเข่าอยู่ที่นอกประตูรั้ว อดใจไม่ได้จึงกล่าวโน้มนาว “เจ้าเด็กนี่ยังคุกเข่าอยู่ที่นี่ทำไม? พี่สาวเจ้าเกรงว่าคงออกมาไม่ได้สักพัก เจ้ารีบไปทานข้าวซะ ทานเสร็จแล้วค่อยมาลองเสี่ยงดวง” “ ทำไมถึงออกมาไม่ได้หรือขอรับ? นางเกิดเรื่องหรือไม่?” อี้เซิงมีความกังวลอยู่บ้าง เพราะเกี่ยวข้องถึงหลินซินเยียนเขาจึงรีบร้อนถาม สององครักษ์มองตากัน ในดวงตามีบางสิ่งที่เมื่อกลายเป็นผู้ใหญ่จึงจะรู้ หนึ่งในนั้นเห็นอี้เซิงถามอย่างดื้อดึง จึงกล่าวด้วยเสียงสดใส “เจ้าเป็นเด็กไฉนเลยจะเข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่ เจ้าอย่าได้ถามอีกเลย รอเจ้าเติบใหญ่ก็จะเข้าใจเอง” ก่อนหน้านี้องครักษ์ลับข้างกายท่านอ๋องได้จัดการล้างบางองครักษ์ทั้งในที่แจ้งและที่มืดทุกนายที่อยู่โดยรอบลานไปหมดแล้ว ภายในลานจึงเหลือเพียงท่านอ๋องและสาวใช้อุ่นเตียงของเขา สองคนนั้นจะทำสิ่งใด เป็นบุรุษล้วนย่อมเข้าใจ แต่ว่าเรื่องเช่นนี้จะให้พวกเขาอธิบายให้เด็กคนหนึ่งฟังอย่างไรกันเล่า? “แค่ท่านบอกข้า ข้าก็เข้าใจแล้ว!” ทว่าอี้เซิงกลับแน่วแน่อย่างมาก จับขากางเกงขององครักษ์ผู้นั้นไว้อย่างดื้อดึง “ขอร้องท่าน!” องครักษ์นายนั้นถูกสั่นคลอนด้วยแววตาที่จริงจังของเขา แต่มันไม่ดีที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมา จึงได่แต่ลูบศีรษะปลอบใจ องครักษ์อีกนายเมื่อได้เห็นจึงตบฝ่ามือบนไหล่ของเขา “เป็นเรื่องที่ยากจะพูดสำหรับเหล่าบุรุษ ข้าจะบอกให้เจ้าเด็กน้อย ในยามนี้เนี่ยนะ พี่สาวของเจ้ากำลังได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่ก็ไม่พบคนหรอก” "โปรดปราน...." อี้เซิงทบทวนสองคำนี้ด้วยดวงตาอันเบิกกว้างพลันถามว่า "นั่นเป็นสิ่งที่ขุนนางนอกทำเนียบมักจะกระทำกับภรรยาน้อยใช่หรือไม่ขอรับ?" เขาเคยเห็นในยามที่เขาเคยถูกขายให้กับครอบครัวมีฐานะ ขุนนางฯโรคจิตผู้นั้นมักจะให้เขายืนดูอยู่ด้านข้าง ให้เขาเรียนรู้ พูดว่าจะต้องปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ ยามนั้นเขาตกใจจนสลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาร่างที่เต็มไปด้วยเลือดถูกทิ้งไว้ที่เนินป่าช้า จากที่น้าชายคนนั้นบอกนั่นเป็นเพราะว่าเขาได้ปะทะกับขุนนางผู้นั้น ยังทำให้แท่งสืบพันธุ์ของขุนนางผู้นั้นบาดเจ็บ ดังนั้นจงถูกทุบตีจนตายแล้วทิ้งไว้ที่เนินป่าช้า แต่เขาดวงแข็ง นึกไม่ถึงว่ายังไม่ตาย และยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเขาจึงทราบว่า เรื่องที่ขุนนาทำกับภรรยาน้อยนั้นไม่ใช่เรื่องดี! "เจ้าดูสิเด็กคนนี้เพิ่งจะอายุเท่าไหร่กัน นึกไม่ถึงว่าเรื่องเช่นนั้นก็ยังรู้ โตแล้วนี่ ยังเป็นคนตรงไปตรงมาอีกด้วย" ในขณะที่องครักษ์สองนายกำลังหัวเราะกันยกใหญ่พลันเห็นอี้เซิงได้ปล่อยมือออกจากขากางเกงของพวกเขาโดยฉับพลันแล้วตรงเข้าไปยังภายในลานของจวน ทั้งสองตกใจจึงรีบตามไป "เจ้าเด็กหน้าเหม็นหยุดเดี๋ยวนี้! เจ้าหาเรื่องตายอย่าได้มาเกี่ยวกับพวกข้า!" อี้เซิงสืบเชื้อสายจากชนเผ่ามาหมานครึ่งหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ได้อ่อนแอเช่นเด็กทั่วไป เขาวิ่งได้อย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวมีความยืดหยุ่นอยู่มาก เวลาเพียงชั่วครู่นึกไม่ถึงว่าจะหลีกเลี่ยงการไล่ล่าขององครักษ์สองนายนั้นมาได้ ผ่านประตูลานนี้ไปอีกชั้นก็จะเป็นลานห้องทรงอักษรแล้ว ดวงตาเขาแดงก่ำด้วยความโกรธอยากจะวิ่งพุ่งเข้าไปข้างใน ปากก็ร้องตะโกนเสียงดัง “พี่สาว! พี่สาว! พี่สาว!” เขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นมาทำเรื่องเช่นนั้นกับนาง พี่สาว….เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนดีคนหนึ่ง ดังนั้นเขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นมาทำเรื่องเช่นนั้นกับพี่สาว….. ไม่ต้องการ…
已经是最新一章了
加载中