ตอนที่ 55 ตั้งใจเอาใจเขา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 55 ตั้งใจเอาใจเขา
ต๭นที่ 55 ตั้งใจเอาใจเขา หลินซีนเยียนมององครักษ์เงาคนนั้นลอยหายไปกับตา ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมาทันที แล้วชูนิ้วหัวแม่มือขึ้นให้กับ โม่จื่อเฟิง “วรยุทธของท่านอ๋องยอดเยี่ยมยิ่งนัก” “เจ้าไม่ต้องเอ่ยปากชมวรยุทธของข้าเลย” โม่จื่อเฟิงพูดอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้โกรธเคืองอะไร หลินซีนเยียนยักไหล่ขึ้นอย่างไม่สนใจ “เช่นนั้นท่านอยากให้ข้าเอ่ยปากชมท่านเรื่องอะไรรึ?ท่านก็บอกมาสิเพคะ ต่อไปข้าจะได้ปรับปรุง ” โม่จื่อเฟิงมองเธออย่างรู้สึกสนใจ ทันใดนั้นก็ยื่นหน้าเข้าใกล้ตรงข้างหูของเธอ มีเพียงแค่คนสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “บุรุษผู้หนึ่งชื่นชอบให้สตรีมากที่สุด ไม่ใช่ความสามารถแบบนั้นรึ?” “เออ…”หลินซีนเยียนตกใจจนตาเบิกโพลง นี่เธอโดนพูดจาแทะโลมใส่เหรอ?ตอนที่รอเธอเรียกสติกลับมา โม่จื่อเฟิงก็เดินออกไปก่อนแล้ว เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นรอยยิ้มบนหน้าก็หายไป และเธอก้าวเท้าเดินตาม โม่จื่อเฟิงอย่างไปรวดเร็ว “ท่านอ๋อง! ”หลินซีนเยียนเร่งเท้าก้าวเดินไปอยู่ข้างๆ เขา แล้วดึงแขนของเขาไว้ “ท่านอ๋อง น้องชายของข้าโตมาขนาดนี้แล้วยังไม่เคยไปเที่ยวงานวัดเลย จะเป็นได้ไปไหม…” “ไม่ได้!” โม่จื่อเฟิงขมวดคิ้ว “สตรี เอาใจเข้าหน่อยกลับได้คืบจะเอาศอก” หลินซีนเยียนไม่สนใจที่เขาปฏิเสธ เธอเขย่งปลายเท้าขึ้นยื่นหน้าไปที่ข้างหูของเขา พูดเสียงเบาเหมือนเมื่อครู่นี้“หากท่านพาน้องชายของข้าไปด้วย คืนนี้…ข้าจะเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ให้กับท่านดีหรือไม่? ” ตอนที่เธอพูดไม่รู้สึกหน้าร้อนผ่าวหรือหัวใจเต้นเลย เพียงแต่แสร้งทำเป็นเขินอายอย่างพอเหมาะ แต่วิธีนี้ทำให้ โม่จื่อเฟิงหรี่ตามองราวกับตอบตกลง ผู้ชายไม่ปฏิเสธการยั่วแบบนี้หรอก ผลลัพธ์ที่ได้กลับง่ายกว่าคิดไว้ งานวัดบนภูเขานอกเมืองเฟิ่งซี บนภูเขาลูกนั้นมีวัดศาสนาพุทธอยู่หลายวัด ชายหญิงที่เลื่อมใสในศาสนาพุทธต่างพากันมาเดินเที่ยวงานวัด เนื่องจากมีคนเยอะ ทำให้มีร้านขายของมาตั้งเป็นจำนวนมาก ร้านขายของเหล่านี้ก็ได้ดึงดูดให้ชายหญิงมาเดินซื้อของ ดังนั้นจึงทำให้สถานที่แห่งนี้มีคนมารวมกันตัวมากยิ่งขึ้น จึงกลายเป็นงานวัดแบบนี้ หลายปีมานี้ งานวัดจะครึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะว่าวัดเยว่หรงที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเป็นวัดที่ฮ่องเต้ได้ประทานให้เป็นวัดประจำแคว้น เมื่อไต้ซือหงหรูเป็นเจ้าอาวาสของวัดเยว่หรงก็ยิ่งได้รับความเลื่อมใสจากฮ่องเต้มากขึ้น ดังนั้นงานวัดของที่นี่จึงครึกครื้นมากขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา ในรถม้า ข้างกายของหลินซีนเยียนมีอี้เซิงที่นั่งอยู่ติดราวกับถูกล่ามโซ่เอาไว้ บางครั้งก็แอบมอง โม่จื่อเฟิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง พอทุกครั้งที่ โม่จื่อเฟิงเงยหน้าขึ้นมามอง เขาก็ตกใจจนก้มหน้าลงไปทันที โม่จื่อเฟิงแค่นเสียงแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงมองไปที่หลินซีนเยียนด้วยสายตาเย็นชา แสดงถึงความไม่พอใจอี้เซิงแล้วไปโทษที่ตัวเธอ รถม้าจอดตรงตีนเขา เนื่องจากมีฝูงคนมากมาย รถม้าไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ ทำให้ต้องลงจากรถม้าแล้วเดินขึ้นไป เพื่อไม่ทำตัวให้โดดเด่น วันนี้ โม่จื่อเฟิงได้สวมเสื้อผ้าธรรมดาสีดำทั้งตัว แล้วก็มีจินมู่ที่แต่งตัวเป็นคนใช้ข้างกายที่ติดตามมา ส่วนหลินซีนเยียน แม้จะสวมเสื้อผ้าธรรมดา แต่รูปร่างหน้าตาของเธอกลับดูโดดเด่น ตอนที่เธอปรากฏตัวขึ้นได้ดึงดูดสายตาคนที่อยู่ล้อมๆ โดยเฉพาะสายตาที่เร่าร้อนของพวกผู้ชาย “ ดึงดูดเพศตรงข้ามได้จริงๆด้วย” โม่จื่อเฟิงเดินมาข้างกายของหลินซีนเยียน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง หลินซีนเยียนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฉีกยิ้มอย่างอ่อนหวาน แล้วเดินไปควงแขนของ โม่จื่อเฟิงต่อหน้าฝูงคนอย่างสง่าผ่าเผย ต่อหน้าคน โม่จื่อเฟิงเป็นอ๋องอู่เสวียนที่สูงศักดิ์ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครมาควงแขนอย่างสนิทชิดเชื้อมากขนาดนี้ เขาจึงชักมือกลับโดยสัญชาตญาณ “ อย่าดื้อสิ สามี…” หลินซีนเยียนเอ่ยคำว่า’สามี’ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ทำให้คนที่ได้ยินกลับตัวแข็งทื่อ โม่จื่อเฟิงตกละลึงไปชั่วขณะ จึงลืมผละมือของเธอออก ผ่านไปสักพัก เขาก็โดนเธอดึงแขนแล้วเดินไปข้างหน้า คนที่อยู่ล้อมๆ ได้ยินที่เธอพูด ไม่ว่าชายหรือหญิงต่างก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนมาก ด้วยรูปร่างหน้าตาของ โม่จื่อเฟิงราวกับเทพลงมาจุติ เมื่อพวกผู้หญิงเห็นแล้วต่างก็ก้าวเท้าไม่ออก พอได้ยินหลินซีนเยียนเรียกเขาว่า สามี นั่นเขามีภรรยาแล้วรึ? จะไม่ทำให้พวกนางอิจฉาได้อย่างไรกัน? ส่วนพวกผู้ชายก็เป็นเหมือนกัน รู้สึกเสียดายที่หลินซีนเยียนได้ออกเรือนไปแล้ว พอมองไปที่ โม่จื่อเฟิงราวกับอยากจะจับผิด ผู้ชายอะไรดูดีขนาดนี้ นี่มันไม่ใช่ไอ้ไก่อ่อนรึ? ไม่ว่าคนล้อมข้างจะคิดยังไง แต่หลินซีนเยียนก็จูงมือของ โม่จื่อเฟิงไปที่ร้านขายเครื่องประดับ เธอเลือกอย่างตั้งใจ แต่ยังไม่ลืมที่หันหน้าไปถาม “ สามี คิดว่าอันนี้ดูดีหรือไม่?” โม่จื่อเฟิงขมวดคิ้วติดกันแล้วทำหน้าเข้ม “ สามีนี่เจ้าเรียกได้รึ? หึ เขาคงคิดว่าผู้หญิงต่ำต้อยแบบนี้จะมาคู่ควรกับว่าที่ภรรยาของเขาได้อย่างไรสินะ? เมื่อหลินซีนเยียนคิดแบบนี้ ทันใดนั้นสายตาของเธอก็ดูมัวหมองลงอย่างรู้สึกเศร้าใจ “ ขอแค่วันเดียวก็ไม่ได้รึ? ข้ารู้ว่าข้าไม่คู่ควร แต่แต่วันเดียวเท่านั้น ได้หรือไม่? เธอพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้า เธอทำท่าทางน่าสงสารจนทำให้คนเห็นใจไปด้วย เธอรู้ว่าผู้ชายแบบ โม่จื่อเฟิงคิดอะไรอยู่ เคยคุ้นชินกับตำแหน่งขุนนางอันสูงส่ง หากใช้ไม้แข็งคงไม่เกิดผลอะไรแน่ ดังนั้นเธอจึงงัดไม้อ่อนมาใช้ สุดท้าย โม่จื่อเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรและก็ไม่ได้ปฏิเสธด้วย หลินซีนเยียนถือโอกาสนี้ รีบหยิบแหวนเงินสำหรับบุรุษส่งให้เขาดู “สามี ชอบหรือไม่? หากชอบ ข้าจะซื้อให้เจ้า” ยึดตามธรรมเนียมไว้ ผู้คนล้วนไม่ตำหนิ แม้ว่าของขวัญจะไร้คุณค่า แต่ถึงอย่างไรก็คงยังไม่เบื่อหน่ายกัน โม่จื่อเฟิงแค่นเสียง จ้องมองไปที่แหวนวงนั้นราวกับว่ามันเป็นของสกปรกราคาถูก จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินจากไป หลินซีนเยียนพยักไหย่อย่างไม่สนใจ แต่ก็ควักเงินออกมาแล้วซื้อแหวนวงนั้นไป แล้วก็หันมาถามอี้เซิงที่อยู่ข้างๆ “ อี้เซิง เจ้าเห็นอะไรแล้วชอบหรือไม่ พี่จะซื้อให้เจ้าเอง” อี่เซิงไม่ได้มองของในร้านนั้น แต่สายตากลับมองไปที่ โม่จื่อเฟิงที่เดินออกไปไกลแล้ว เขาดึงแขนของหลินซีนเยียน “ พี่ ทำไมต้องเอาใจบุรุษผู้นั้นด้วย? ” หลินซีนเยียนตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าอี้เซิงอายุเพียง 6-7 ขวบจะรู้ว่าเธอกำลังเอาใจ โม่จื่อเฟิงอยู่ เธอลูบหัวของเขา “ พี่ชอบเขาน่ะสิ เขาเป็นของพี่ยังไงล่ะ” ตอนที่พูดอยู่ สายตาของหลินซีนเยียนมองไปยังแผ่นหลังของ โม่จื่อเฟิง ด้วยวรยุทธของเขา ระยะห่างแค่นี้เขาต้องได้ยินทั้งสองคนพูดอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอไม่อาจพูดความจริงกับอี้เซิงได้ แต่กลับใช้จังหวะนี้แกล้งแสดงความรู้สึกภายในใจออกไป โม่จื่อเฟิงที่เดินไปข้างแล้ว เมื่อได้ยินที่เธอพูด เขาก็เริ่มลดจังหวะการเดินคล้ายจะหยุด ในช่วงเวลานั้น เขารู้สึกไม่อยากจะก้าวเดินไปข้างหน้าอีก เพียงเดินไป 2-3 ก้าว จู่ๆ เขาก็หันหน้ามา “ มัวทำอะไรอยู่ตรงนั้น? เจ้าจะมาเดินงานวัด หรือจะมาเดินซื้อของที่ตีนเขานี่? “อือ กำลังไป!” หลินซีนเยียนแอบยิ้มที่มุมปาก เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้ เธอรู้ว่าเขาได้ยินจริงๆ 
已经是最新一章了
加载中