ตอนที่ 60 มีเรื่องกับคนเลว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 60 มีเรื่องกับคนเลว
ต๭นที่ 60 มีเรื่องกับคนเลว โม่จื่อเฟิงขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นมาอยากจะตีให้เธอสลบ ในขณะที่ยกมือขึ้นมากลับหยุดชะงักเอาไว้ สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ “ช่างเถอะ พิษของยากำหนัด หากจะถอนก็ถอนได้ไม่ยาก แต่เจ้าเป็นสตรีของเปิ่นหวาง ครั้งนี้ เปิ่นหวางจะเป็นยาถอนพิษให้เจ้า” ภายในห้อง เกิดเหตุการณ์กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันขึ้นท่ามกลางความคลุมเครือ ไม่ว่าใครเห็นว่าม่านผืนใหญ่ได้คลุมรอบเตียงไปเมื่อใด ในช่วงเวลานั้น นัยน์ตาของหลินซีนเยียนได้สะท้อนเป็นเงาของภาพนั้นได้อย่างชัดเจน โชคดี โชคดี เธอได้ใช้เศษแก้วในมือสร้างความเจ็บปวดเพื่อทำให้ตนเองได้สติ จึงได้แสดงละครให้ โม่จื่อเฟิงเห็นแผนทรมานร่างกายตัวเองหนึ่งฉาก โชคดี โชคดี ที่เขามาทันเวลา เธอรู้ว่าอ๋องอู่เสวียนเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายมาก ย่อมไม่เชื่อใจใครง่ายๆ ในขณะที่เธอขาดสติการรับรู้ และใช้โอกาสนั้นในการสารภาพรักไปก็ยังไม่ทำให้ใจของชายผู้นี้ที่แข็งราวกับเหล็กกล้าอ่อนลงได้ แต่ทว่า…เธอไม่สน เดิมทีแล้วเธอก็ไม่ได้ทำเพื่อจะได้หัวใจของเขา ที่เธอต้องการมีสิ่งเดียวนั่นก็คือความเชื่อใจจากเขา ได้ความเชื่อใจก็ยังดูง่ายมากกว่าได้ความจริงใจจากเขา เหล่านักพรตหญิงในวัดลัทธิเต๋าที่ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เห็นเพียงบุรุษรูปร่างผู้หนึ่งใช้กระบี่ยาวบุกเข้ามา แต่ละคนจึงตกใจจนหน้าซีด เสียงร้องของพวกนางได้ปลุกคนที่กำลังพักผ่อนอยู่จนตื่นขึ้นมา ผ่านไปไม่ได้นาน ด้านในวัดก็มีเหล่าสตรีเดินหาวหวอดออกมายืนรวมตัวกัน พอเห็นศพเพื่อนของตนเองนอนตายอยู่กลางห้อง ทุกคนก็ตกใจจนความง่วงหายเป็นปริดทิ้ง “อ๊ากกกก!”พวกนางตกใจจนส่งเสียงร้องออกมา นักพรตหญิงแก่เดินฝ่าวงล้อมเข้ามากลางห้อง เห็นนักพรตหญิงคนหนึ่งถูกบีบคอจกหัก นางก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วชี้ไปยังบุรุษที่ถือกระบี่ยาวที่อยู่ตรงเดินทาง “มารนหาที่ตายหรืออย่างไร รู้หรือไม่ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นของผู้ใด?” “รนหาที่ตายรึ?”จินมู่แค่นเสียง ถือกระบี่ยาวในมือสูงขึ้น “เช่นนั้นแล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นคนของผู้ใด?” นักพรตหญิงน้อยคนก่อนหน้าที่เจอหลินซีนเยียนอยู่ที่หน้าประตูเห็นเช่นนั้น นางจึงดึงกระโปรงของนักพรตหญิงแก่แล้วเอ่ยขึ้น “คนผู้นี้เป็นพี่ใหญ่ของนางสตรีผู้นั้น คิดไม่ถึงว่าจะมีวรยุทธด้วย” “ข้าต้องสนด้วยหรือว่าเจ้าเป็นผู้ใด ในเมื่อกล้ามาทำลายที่นี่ของพวกเรา เจ้ากำลังรนหาที่ตาย! ”นักพรตหญิงแก่ยึดอกผึ่งผาย มองไปยังจินมู่ราวกับอยู่เหนือกว่า แล้วตะโกนนักพรตหญิงอยู่ยืนอยู่ด้านหลัง “พวกเจ้ายังไม่จัดการคนผู้นี้อีกรึ?” เมื่อตั้งใจมอง ที่แท้นักพรตหญิงเหล่านั้นก็ไม่เหมือนกับคนอื่น เหล่าสตรีของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปีกว่า แต่มีเพียงนักพรตหญิงเหล่านั้นที่มีอายุมากกว่า 30 ปี รูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกับคนอื่น ตอนนี้มองดูพวกนางราวกับเป็นมือสังหารในวัดลัทธิเต๋าแห่งนี้ จะเป็นแม่นางรับแขกทั่วไปได้ที่ไหนกัน พวกนางเดินมาล้อมตัวจินมู่ แต่น่าเสียดาย พวกนางยังไม่ได้ลงมือ เพียงได้ยินจินมู่ตะเบ็งเสียงร้องดังสนั่น แล้วถือกระบี่ยาวบุกเข้าไปหา พวกนางก็ตระหนักได้ว่า บุรุษผู้นี้ไม่ใช่คนที่พวกนางจะรับมือไหว ผ่านไปไม่นาน พวกนางก็ถูกฟาดฟันจนนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น แขนขาที่ถูกตัดขาดได้กระเด็นตกไปอยู่กึ่งกลางของเหล่านักพรตหญิง ทำให้คนหลายคนที่ขี้ขลาด เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจจนเป็นลมล้มพับไป จินมู่เป็นทหารที่เคยออกศึก ตัวของเขาเองก็กลิ่นอายของความกระหายเลือดอยู่ ภาพตรงหน้าทำให้เหล่านักพรตหญิงที่ยังรอดอยู่ก้มหน้าคุกเข่าร้องขอชีวิต นักพรตหญิงแก่ตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัว นางชี้ไปที่เขา “จะ เจ้า เจ้ากล้าฆ่าคนของพวกเรา นายท่านของข้าต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่! หากเจ้าไปซะตอนนี้ พะ พวกเราจะถือว่าแล้วกันไป…” “คุยโวโอ้อวด!ไม่ว่านายท่านของเจ้าจะเป็นผู้ใด กล้ามามีเรื่องกับคนของนายท่านข้าล้วนไม่ตายดี!”จินมู่ถ่มน้ำลายลงพื้น เอานายท่านมาข่มขู่? ใครกลัวใคร? ชื่อเสียงของอ๋องอู่เสวียน นอกจากท่านผู้นั้นที่อยู่ในวังหลวง ยังจะมีใครกล้ามาหาเรื่องอีกรึ? “ เจ้า นายท่านของเจ้าเป็นผู้ใด?”นักพรตหญิงแก่สุดอยากจะรู้ว่านายท่านของคนผู้นี้เป็นผู้ใด จินมู่แค่นเสียง เอ่ยขึ้นอย่างเสียงดังฟังชัด“อ๋องอู่เสวียน” เพียง 3 คำนี้ เกิดเป็นเสียงที่ดังก้องกังวานจนทำให้นักพรตหญิงแก่ตกใจจนเข่าอ่อนทรุดลงกองกับพื้น! ในวินาทีนั้น นางรู้ว่า ทุกอย่างของที่นี่ต้องจบเห่ จบเห่แน่ นางง้างมือตบหน้านักพรตหญิงน้อยที่อยู่ด้านข้างจนดังสนั่น “นางโง่ เจ้าก่อเรื่องไว้ได้ดีจริงๆ ไปหาเรื่องใครไม่หา ดันไปหาเรื่องท่านผู้นั้น!” “ขะ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร…”นักพรตหญิงน้อยรู้สึกผิดอย่างมาก นางคลานไปหาจินมู่เพื่อร้องขอชีวิต“พี่ชาย ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ พวกเราเพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น ไม่ได้ทำกันเอง พี่ชาย น้องสาวของเจ้าอยู่ในห้องนั้น ตอนนี้เจ้าเข้าไปช่วยนางได้ บางที อาจะยังทัน…” ถึงตอนนี้พวกนางก็ไม่รู้ว่า โม่จื่อเฟิงได้เข้าไปในห้องนั้นแล้ว น่าเสียดาย หากรอจนถึงตอนนี้ คงจะช่วยไม่ทันแน่ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่านางไม่ได้พูดปด ประตูห้องนั้นก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ โม่จื่อเฟิงกำลังอุ่มหลินซีนเยียนค่อยๆ ก้าวเดินออกจากห้อง เพียงเขาเดินก้าวเท้าออกมาจากประตูด้วยท่าทางองอาจก็ทำให้คนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว “จินมู่ ทำไมถึงช้าอย่างนี้ ก็แค่จัดการเศษขยะที่นี่ เจ้าถึงต้องเสียเวลาไปมากขนาดนี้”เมื่อ โม่จื่อเฟิงเอ่ยปากก็มองไปยังกองเลือดอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเพียงอุ้มหลินซีนเยียนที่หมดสติอยู่เดินออกไปข้างนอก การปรากฏตัวของเขา ทำให้คนที่ยังรอดชีวิตอยู่กลับตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังอย่างมาก บุรุษผู้นี้เห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลา เขาไม่ลังเลที่จะสังหารพวกนางทั้งหมดที่นี่ “ข้าน้อยไร้ความสามารถ!”จินมู่ก้มหน้ายอมรับผิด“ท่านอ๋อง พวกนางยังมีคนที่อยู่เบื้องหลัง ต้องเหลือไว้เป็นพยานปากหรือไม่ขอรับ?” โม่จื่อเฟิงแค่นเสียง “จะเหลือไว้ทำไม? เป็นเพียงแค่นักพรตหญิงสกปรก ทำไม คนของเปิ่นหวางไปสืบหาคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้เลยรึ?” “ท่านอ๋องกล่าวได้มีเหตุผล”เมื่อจินมู่ได้ยินดังนั้น ก็หมุนตัวเดินไปหานักพรตหญิงเหล่านั้น โม่จื่อเฟิงอุ้มหลินซีนเยียนเดินออกจากประตูหลังไป โดยไม่สนใจเสียงร้องอย่างเจ็บปวดที่ส่งมาจากด้านหลังอีกเลย ในค่ำคืนนั้น หลินซีนเยียนนอนหลับไม่สบายเท่าไร เธอฝันเห็นคนในวัดลัทธิเต๋าโดนฆ่าไม่เหลือเลยสักคน ทุกหนทุกแห่งมีแต่เลือดสดนองพื้น แขนขาที่ถูกตัดขาด และเสียงร้องอย่างเจ็บปวด… ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาก็เป็นยามเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นแล้ว เสียงเรียกปลุกที่ทำให้เธอตื่นขึ้นมา เธอลืมตาขึ้นแล้วกวาดตามองไปทั่วก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องที่ไม่คุ้น ก็ยังไม่รู้สึกอะไรเท่ากับห็นใบหน้าของอี้เซิงที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ “พี่!”เสียงของอี้เซิงบ่งบอกถึงความดีใจและความรัก พอเห็นเขา หลินซีนเยียนก็วางใจและโล่งอก “เด็กดี” “พี่…”อี้เซิงเหมือนจะพูดอะไร แต่กลับรู้สึกลังเล “มีอะไรรึ?”หลินซีนเยียนพยายามส่งยิ้มไปให้เขา อี้เซิงลังเลอยู่สักพัก ก็ชี้ไปทางปากประตู “ตาแก่หัวโล้นคนนั้นบอกว่าพี่เป็นตัวกาลกิณี!” ตาแก่หัวโล้นอะไร?ตัวกาลกิณีอะไร?หลินซีนเยียนไม่เข้าใจที่เขาพูด ในใจกลับรู้สึกสงสัยอย่างมาก 
已经是最新一章了
加载中