ตอนที่ 68 ตั้งใจหมั้นหมายให้   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 68 ตั้งใจหมั้นหมายให้
ต๭นที่ 68 ตั้งใจหมั้นหมายให้ "พอเถอะ เรื่องมาถึงขั้นนี้ เพียงต้องฝืนใจแข็งเท่านั้นจึงจะทำเรื่องนี้ต่อไปได้" เซียวเฉิงเหอโบกไม้โบกมือไล่ จนในที่สุดก็ถอนหายใจยืดยาว ความทะเยอทะยาน เซียวเฉิงเหอในฐานะที่เป็นบุรุษจะไม่มีได้อย่างไร? แต่เพราะว่าความละอายที่มากเกินไปจึงไม่กล้าที่จะตัดสินใจก็เท่านั้น ดังนั้นเซียวฉางเยว่จึงได้ทำการตัดสินใจแทนเขา ณ ประตูทางเข้าจวนอู่เซวียนอ๋อง ด้วยเพราะการมาถึงของริ้วขบวนประกาศพระราชโองการที่ครึกครื้นอย่างเห็นได้ชัด ถนนหน้าประตูทางเข้าอัดแน่นไปด้วยประชาชนที่มุงดู ขันทีผู้เฒ่าที่มาประกาศพระราชโองการลงจากม้าด้วยความช่วยเหลือของขันทีน้อย ประตูใหญ่จวนอ๋องเปิดอย่างรวดเร็ว และมีพ่อบ้านเข้ามาต้อนรับในทันที ขันทีผู้เฒ่าถูกนำทางไปยังห้องรับรองหลัก เมื่อเห็นบุรุษในชุดหรูหราสีดำขลิบด้ายทองที่อยู่บนแท่นพระที่นัง ก็รีบทำความเคารพทันที "ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋อง นี่เป็นข่าวดีสำหรับท่าน" “อื้ม” โม่จื่อเฟิงส่งเสียงตอบรับด้วยความเฉยเมย แล้วจังหันมาสั่งพ่อบ้าน “เตรียมชาและที่นั่ง” พ่อบ้านรีบจัดการอย่างรวดเร็ว ขันทีผู้เฒ่ายกพระราชโองการในมือของเขาขึ้นมาอ่านอย่างยินดี เขาเริ่มอ่านพระราชโองการ ทั้งบ่าวและองครักษ์ที่อยู่ในโถงหลักของจวนอ๋องล้วนคุกเข่า มีเพียงโม่จื่อเฟิงที่กำลังนั่งด้วยท่าทีที่เกียจคร้าน นี่เป็นสิทธิพิเศษที่ฝ่าบาทเคยให้เขาไว้ ทั่วใต้หล้ามีเพียงเขาที่ได้รับอนุญาตไม่ต้องคุกเข่าเพื่อรับพระราชโองการ ขันทีผู้เฒ่าได้ตรวจสอบก่อนอ่านอยู่สักครู่ "ไม่มีอะไรมากไปกว่าความกล้าหาญของอู่เซวียนอ๋อง ผู้ซึ่งเป็นเสาหลักของอาณาจักร ซึ่งได้ถึงวัยแต่งงาน จวนอู่เซวียนอ๋องไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากตำแหน่งหวางเฟย จึงมีรับสั่งถึงเซียวฉางเยว่ บุตรีแห่งสกุลเซียว ผู้ประกอบด้วยคุณธรรม ความสามารถ มารยาท ศีลธรรม รูปงามและสติปัญญา อีกทั้งฝ่าบาททรงได้แต่งตั้งเป็น จวิ้นจู่/ท่านหญิงขั้นหนึ่ง เป็นบุคคลที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งหวางเฟย ดังนั้นนี่จึงเป็นการหมั้นหมายพิเศษโดยเฉพาะ..” รอจนขันทีผู้เฒ่าอ่านจบ โม่จื่อเฟิงก็ทำท่าปิดปากหาวอย่างเกียจคร้าน จึงค่อยลุกขึ้นยืน ผายมือเข้าไปรับพระราชโองการแล้วส่งให้พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้าง พ่อบ้านได้ตระเตรียมตั๋วเงินไว้มอบแก่ขันทีผู้เฒ่าเป็นที่เรียบร้อย หลังจากขันทีผู้เฒ่ากล่าวประจบสอพลออยู่หลายประโยคจึงกล่าวอำลา ขณะที่รอคนในห้องโถงเดินหายไปเกือบหมด โม่จื่อเฟิงเหลือบสายตามองไปยังทางประตูหลักจึงได้ถามขึ้นว่า "จินมู่กลับมาหรือยัง?" “กระหม่อมมิทราบ กระหม่อมจะรีบไปดูที่ทางเข้าพะยะค่ะ” พ่อบ้านรีบตอบคำถาม หลังจากกล่าวเสร็จก็ไปที่ประตู ใครจะรู้ว่าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็เห็นจินมู่เดินนำหลินซินเยียนกับอี้เซิงเข้ามา “ท่านแม่ทัพจินมู่ ท่านอ๋องกลับมาได้สักพักแล้ว แล้วทำไมพวกท่านจึงเพิ่งมาถึง? ถ้าท่านยังไม่กลับมาท่านอ๋องคงเตรียมส่งคนไปตามหาท่านแล้ว” เมื่อได้ยินคำกล่าวของพ่อบ้าน จินมู่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย ตามหาเขาคงเรื่องเท็จ ถ้าตามหาหลินซินเยียนนี่สิท่าจะจริง? เขาเป็นบุรุษกำยำร่างใหญ่ หลายปีมานี้เมื่อไหร่กันที่ท่านอ๋องเคยห่วงใยว่าเขาจะกลับมาช้า? “นี่ไม่ใช่เพราะ…..” จินมู่กระแอมคอด้วยความยากลำบาก ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มกล่าวอย่างไร กลับเป็นหลินซินเยียนที่อยู่ด้านข้างกล่าวรับช่วงต่อ “อย่าได้โทษแม่ทัพจินมู่ ข้าเห็นว่าในจวนอ๋องกำลังรับรองแขกคนสำคัญ ดังนั้นจึงให้แม่ทัพจินมู่รอด้วยกันกับพวกเราที่นอกประตู รอให้แขกจากไปพวกเราจึงได้เข้ามา” หลินซินเยียนที่กำลังอธิบายแก่พ่อบ้าน กลับไม่เห็นโม่จื่อเฟิง โม่จื่อเฟิงเมื่อได้ยินก็ถึงกับเลิกคิ้ว กล่าวด้วยความรังเกียจ “ก็แค่ขันทีเฒ่า แขกสำคัญอะไรกัน” หลินซินเยียนไม่ได้กล่าวคำรับช่วงต่อจากเขา แต่กลับยอบกายทำความเคารพแก่เขาพลันกล่าวว่า “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันไปเที่ยวเล่นข้างนอกทั้งวัน สมควรแก่เวลาที่จะกลับไปทำงานต่อ หม่อมฉันมิอาจล่าช้า สิ่งที่ท่านอ๋องทรงต้องการจะทำให้เสร็จออกมาในเร็ววัน และในเร็ววันนี้จะทำให้ท่านอ๋องทรงสำราญพระทัยเพคะ” เมื่อกล่าวจบ นางจึงหันกายกลับไปสั่งกับอี้เซิง "อี้เซิง พี่สาวต้องไปจัดการธุระ สองสามวันนี้เจ้าต้องระมัดระวังในการทำหน้าที่ที่เรือนด้านหน้า มีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ไปเชิญแม่ทัพจินมู่มาสอน เข้าใจหรือไม่?" อี้เซิงพยักหน้าด้วยความเฉลียวฉลาด รั้งแขนเสื้อของนางไว้ด้วยความอาวรณ์ หลินซินเยียนหัวเราะ “พี่สาวทำธุระเสร็จไว้จะมาเยีย่มเจ้า ดีหรือไม่?” “ตกลงขอรับ!” อี้เซิงจึงค่อยปล่อยแขนเสื้อของนาง หลินซินเยียนลูบศีรษะของเขา จึงหันกายกลับไปยังเรือนเล็กของตนโดยไม่แลไปมองโม่จื่อเฟิง แผ่นหลังของนางเหยียดตรง ทุกย่างก้าวเดินอย่างมั่นคง ดูเหมือนว่าไม่มีอารมณ์แปรปรวนใดๆ ราวกับว่างานสมรสที่ถูกพระราชทานก่อนหน้านี้ สำหรับนางแล้วเป็นบุคคลหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันจริงๆ “ท่านอ๋อง แม่นางหลินหึงหวงแน่นอน นางจึงมีสีหน้าเช่นนั้นให้ท่านเห็น” จินมู่กลัวว่าหลินซินเยียนจะยั่วยุโม่จื่อเฟิง จึงอธิบายแทนนาง “หึงหวง?” โม่จื่อเฟิงพึมพำสองคำนี้อยู่นานโดยที่ไม่เอ่ยอะไรออกมาและก็ไม่รู้ว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ หลังจากวันนั้น เหมือนกับว่าทุกอย่างกลับมาสู่ความสงบ จวนอ๋องไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ราวกับว่าพระราชโองการฉบับนั้นไม่ได้สร้างผลกระทบกับจวนอ๋องแต่อย่างใด หลินซินเยียนขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นเวลาหลายวัน คร่ำเคร่งในการสรรค์สร้างอาวุธหน้าไม้ทั้งวันทั้งคืน เพราะว่ามีแบบร่างเพียงบางส่วน ดังนั้นการที่จะผลิตอาวุธหน้าไม้สักชิ้นออกมา บางทีต่อให้เป็นอัจฉริยะในด้านการออกแบบอาวุธอย่างนางยังนับว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก ทั่วทั้งใต้หล้านี้ ผู้ที่สามารถใช้แบบร่างธรรมดาสร้างอาวุธหน้าไม้ออกมาได้ เกรงว่าจะมีแค่นางเพียงผู้เดียว อีกทั้งอาวุธหน้าไม้ที่นางทำออกมาแน่นอนว่าแตกต่างจากต้นแบบ แต่ถ้าพูดถึงในด้านประสิทธิภาพ นางกลับมีความเชื่อมั่นในตนเอง ซึ่งก็แค่...มีอำนาจทำลายล้างที่รุนแรงกว่าและซับซ้อนมากกว่าต้นฉบับ หลายวันมานี้ โม่จื่อเฟิงยังได้เรียกนางให้เข้าไปปรนนิบัติอยู่หลายครั้ง เขาไม่ให้คนส่งน้ำแกงคุมกำเนิดให้แก่นาง ทว่าหลินซินเยียนกลับไม่สามารถลืมความผิดพลาดของตนที่เคยทำผิดไว้ในแบบเดียวกัน หลังจากเสร็จกิจทุกครั้งนางจะให้คนไปบอกกุ้ยหมัวมัวว่าท่านอ๋องต้องการนางอย่างลับๆ หลังจากนานนางไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก กุ้ยหมัวมัวจะให้คนมาส่งน้ำแกงคุมกำเนิดเอง อีกทั้งยังให้คนเฝ้าดูนางดื่มลงไปจนหมด สำหรับเรื่องนี้ นางและกุ้ยหมัวมัวกลับบรรลุข้อตกลงร่วมกันอย่างหาได้ยาก ไม่มีใครที่จะยอมให้เรื่องนี้เข้าไปถึงหูของโม่จื่อเฟิง หลังจากหิมะตกหลายวันติดต่อกัน บรรยากาศภายในเมืองเฟิ่งชีไม่เพียงแต่ไม่เงียบเหงาเพราะฤดูหนาวที่มาเยือน แต่กลับมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เพราะว่าหลังจากผ่านฤดูหนาวนี้ไป อีกไม่นานก็จะเข้าปีใหม่ ในช่วงท้ายปีมีผู้คนภายนอกที่เดินทางรอนแรมมาเป็นเวลานานกำลังรอคอยมื้อค่ำในวันสั่งท้ายปีเก่านี้ อีกครึ่งเดือนก็จะขึ้นปีใหม่แล้ว และวันนี้ในที่สุดหลินซินเยียนก็เปิดประตูห้องเดินออกมา แสงดวงอาทิตย์อันอบอุ่นที่หายากส่องกระทบลงบนใบแก้มของนาง ทำให้ผิวของนางดูซีดเซียวขึ้นหลายส่วน นางใช้ผ้าสีดำห่ออาวุธหน้าไม้แล้วมุ่งตรงไปที่เรือนหลักของจวนอ๋อง นางแค่คาดหวังว่าโม่จื่อเฟิงจะรักษาคำพูด ถ้าหากนางสามารถสร้างอาวุธหน้าไม้ได้สำเร็จอย่างที่กล่าวก็จะปล่อยนางกับอี้เซิงออกไปจากจวน เพียงในใจของนางอดไม่ได้ที่จะกระสับกระส่าย โม่จื่อเฟิงจะปล่อยให้นางไปอย่างง่ายดายขนาดนี้หรือ? “แม่นางหลินมาหาท่านอ๋องหรือ?” จินมู่ที่กำลังจะออกไปพอดีเห็นนางเดินมาจึงส่งเสียงถาม หลินซินเยียนพยักศรีษะ “อื้ม ของทำเสร็จแล้ว อยากจะให้ท่านอ๋องเชยชม” “ทำสำเร็จแล้ว?” จินมู่มองสิ่งของที่นางกำลังกอดไว้ในอ้อมแขนด้วยความเหลือเชื่อ พูดอะไรไม่ออกด้วยความตกตะลึง เจ้าสิ่งนี้ กองกำลังหลายฝ่ายแย่งชิงมาหลายปีล้วนไม่ได้รับในสิ่งนี้ คิดไม่ถึงว่าจะทำสำเร็จภายใต้สถานการณ์ที่แบบร่างไม่สมบูรณ์ “ใช่แล้ว ทำสำเร็จแล้ว ดังนั้นข้าจึงแทบรอไม่ไหวที่จะให้ท่านอ๋องทรงทอดพระเนตร” หลินซินเยียนยิ้มตอบ
已经是最新一章了
加载中