ตอนที่ 81 ให้เจ้ามีชีวิตที่ดีแน่
1/
ตอนที่ 81 ให้เจ้ามีชีวิตที่ดีแน่
ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 81 ให้เจ้ามีชีวิตที่ดีแน่
ตนที่ 81 ให้เจ้ามีชีวิตที่ดีแน่ (ฟีนิกซ์ได้รับการฟื้นฟูจากความทุกข์ทรมานของไฟและความทุกข์ทรมานและได้รับการยกระดับในการเกิดใหม่เรียกว่านกฟีนิกซ์นิพพานซึ่งหมายถึงจิตวิญญาณของความเพียรที่ไม่กลัวความเจ็บปวดไม่กลับไม่กลัวที่จะแสวงหาอย่างต่อเนื่องและส่งเสริมตนเอง) ท้องฟ้าเป็นสีเทาหม่น แม้แต้แสงส่องจากดวงตะวันก็มองไม่เห็น ท้ายตรอกลึกเล็กๆแห่งหนึ่ง มีรถม้าคันหรูจอดอยู่ ทั้งสองข้างของรถม้ายังมีองครักครักษ์อีกหลายสิบนาย ถ้าหากเป็นในช่วงเวลาปกติคงสามารถดึงดูดผู้ที่อยู่อาศัยในตรอกซอยออกมาดูได้ในทันที เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่ารถม้าลักษณะนี้เป็นของครอบครัวใหญ่สกุลใด แล้วทำไมจึงได้มาอยู่ในตรอกที่ห่างไกลเช่นนี้ แต่ทว่าวันนี้มีการแข่งขันเรือมังกร ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่มาอยู่ที่ริมแม่น้ำ หลายครอบครัวในตรอกซอยก็มาตามๆกัน ฉะนั้นแม้ว่ารถม้าและองครักษ์จะอยู่ที่นั่น แต่กลับไม่มีใครพบเห็นเลยแม้แต่ผู้เดียว เมื่อหลินซินเยียนถูกโม่จื่อเฟิงโยนลงไปบนเตียงอย่างหยาบคาย ภายในเรือนเงียบสงัดไร้สำเนียง มีเพียงแมลงเรไรที่ส่งเสียงร้องเป็นครั้งคราว ที่ยังคงพิสูจน์ได้ว่ากาลเวลายังคงดำเนินอยู่ “เปิ่นหวางกลับดูแคลนเจ้าไป แม้แต่เสนาบดีซ้ายอินฉีเจ้าก็ยังสามารถติดต่อได้” น้ำเสียงของโม่จื่อเฟิงฟังดูสงบอย่างมาก เพียงแต่ความโหดร้ายที่หลั่งไหลออกมาจากนัยย์ตาคู่นั้นที่ทำให้คนรู้ว่าเขากำลังโกรธอยู่จริงๆ หลินซินเยียนทราบดี ยิ่งในสังคมที่บุรุษเป็นใหญ่เช่นนี้ พวกบุรุษเอาแต่สนใจความจงรักภักดีของสตรีที่อยู่รอบกาย บางทีนี่อาจจะไม่ใช่ความรัก เป็นความปรารถนาในการครอบครองล้วนๆ "ทำไมจึงไม่พูด? ไม่แก้ตัวหน่อยหรือ?" โม่จื่อเฟิงเห็นนางเงียบมิส่งเสียง จึงโน้มตัวไปด้านหน้าและกระฉากเสื้อผ้าของนางออก "อย่างไร เปิ่นหวางไม่สนองความพอใจแก่เจ้าหรือ? ถึงทำให้เจ้ายังคิดไปสานสัมพันธ์กับบุรุษอื่น!” นางจะสามารถพูดอะไรได้? ถ้าหากคำอธิบายมันมีประโยชน์ ก็คงไม่มีเรื่องใหญ่ถึงเช่นนี้หรอก นางทราบว่าในยามนี้ นางจะพูดอะไรไปล้วนไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ จำเป็นจะต้องพูดด้วยหรือ? นางนอนนิ่งไม่ไหวติง ปล่อยให้โม่จื่อเฟิงกระชากสายคาดเอวมัดนางไว้อย่างหยาบคาย “ยังไม่พูดอีกรึ?” ในที่สุดน้ำเสียงของโม่จื่อเฟิงพลันมีโทสะเจืออยู่ หลินซินเยียนกลับจ้องเขาอย่างตรงๆพลันส่ายศีรษะ “ผู้บริสุทธิ์ไม่จำเป็นต้องแก้ตัว/มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้าง ไม่จำเป็นจะต้องกล่าวสิ่งใด” “ผู้บริสุทธิ์ไม่จำเป็นต้องแก้ตัว/มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้างงั้นเรอะ!” โม่จื่อเฟิงกัดเข้าที่ลำคอของนาง เลือดอุ่นๆสีแดงสดไหลย้อมลำคอนางในฉับพลัน นางเจ็บปวดจนคิ้วขมวดชนเข้าหากัน แต่กลับมิเอ่ยปากขอร้องความเมตตา ภายในเรือน มีเพียงจินมู่และมู่เหอที่ยืนอยู่ตรงมุมซึ่งไกลที่สุดจากห้อง พวกเขาทั้งสองไม่มีใครกล่าวอะไรออกมา ราวกับมู่หยู่วว์/ปลาไม้ที่เหม่อลอย ไร้ความคิด ไร้สำเนียง (木鱼ไม้ที่พระจีนเคาะไปด้วยเวลาสวดมนต์) ภายในห้อง เสียงความเจ็บปวดที่อดกลั้นไว้ดังแว่วออกมาเป็นระยะ เสียงไม่ได้ดังมากนัก แต่กลับมีพลังทะลุทะลวงอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้ผู้ที่ได้ยินความเจ็บปวดทรมานนี้ รับรู้ถึงความเจ็บปวดร่วมกันอย่างง่ายดาย ในที่สุดมู่เหอก็ทนไม่ไหวจนต้องใช้สองมือปิดหูของตนเอง และกล่าวกับจินมู่ “ท่านแม่ทัพจินมู่ ท่านพูดอะไรหน่อยสิขอรับ” “ไม่มีอารมณ์” จินมู่ตอบกลับเพียงไม่กี่คำ ก็หันกลับไปยกมือกอดอกต่อด้วยความนิ่งเฉย มู่เหอที่กำลังเอามือป้องหูไม่กล้าเหลือบมองไปทางห้องนั้น ผ่านไปเพียงไม่นาน เขาพลันลดมือลงและถอนหายใจออกมาอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงไปรั้งแขนของจินมู่ “ท่านแม่ทัพจินมู่ ท่านอยู่กับท่านอ๋องมานานที่สุด ท่านอ๋อง...ทำเรื่องเช่นนี้กับสตรีทุกคนหรือไม่?” จินมู่คาดไม่ถึงว่ามู่เหอจะถามคำถามเช่นนี้ออกมา เขาสูดมุมปากพลันตอบว่า “เรื่องของนายท่าน เป็นการดีกว่าที่เจ้าจะไม่รู้” “ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าแม่นางหลินนั้นช่างน่าเสียสงสารเสียเหลือเกิน” มู่เหอก้มศีรษะลง นึกถึงสตรีที่มักจะสุภาพกับผู้คนอยู่เสมอ ในยามนี้ที่ปลดปล่อยเสียงครวญครางเจ็บปวดออกมา จนที่สุดแล้วนางคงทนไม่ไหว จินมู่ส่ายศีรษะ ตบลงบนบ่าของมู่เหอราวกับน้องชาย “นายท่านผิดหวังกับสตรีตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน ดังนั้น….” “ยี่สิบปีก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?” เมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นมู่เหอเพิ่งจะเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบ เรื่องสำคัญที่จำไม่ได้นั้นมีมากเกินไป อีกทั้งในตอนนั้นโม่จื่อเฟิงยังอายุพ้นวัยสิบปีมาไม่เท่าไหร่ เด็กอายุสิบปีกว่าคนหนึ่งจะสิ้นหวังกับสตรีได้อย่างไรกัน? จินมู่ถอนภายใจตอบ “ท่านอ๋องไม่ได้ไร้หัวใจอย่างที่เจ้าคิด” หลังจากที่กล่าวประโยคนั้น ไม่ว่ามู่เหอจะดื้อรั้นถามอย่างไร จินมู่ก็ไม่สนใจที่จะกล่าวไปมากกว่านี้ เมื่อเอ้อร์ยาพาอี้เซิงกับหู่เอ๋อร์กลับมา ขณะที่ถึงปากซอยก็เห็นองครักษ์หลายสิบนายยืนอยู่ทางเข้าประตูเรือน หู่เอ๋อร์หวาดกลัวอยู่บ้างจึงรีบวิ่งหนีเข้าบ้านตัวเองไป ทว่าทันทีที่อี้เซิงเห็นคนเหล่านั้นก็รีบพุ่งกายเข้าไปในเรือน องครักษ์หน้าประตูย่อมไม่อนุญาตให้อี้เซิงเข้าไป ดังนั้นจึงมีองครักษ์เข้ามาทำให้เขาสงบลงอย่างรวดเร็ว เอ้อร์ยาและอี้เซิงถูกกันไว้อยู่ด้านนอกประตู หลังจากที่ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม ก็เห็นประตูเรือนถูกเปิดออกมา โม่จื่อเฟิงในชุดที่เรียบร้อยเดินออกมาอย่างใจเย็น เขาเหลือบมองอี้เซิงและเอ้อร์ยาที่อยู่ด้านข้าง เรียวคิ้วขมวดมุ่น กลับขึ้นรถม้าไปโดยที่ไม่ได้กล่าวอะไร หลังจากที่จินมู่กับมู่เหอตามออกมา กลุ่มริ้วขบวนสิบกว่าคนนั้นก็จากไป เมื่อพวกเขาจากไป อี้เซิงก็วิ่งพุ่งเข้าไปข้างในเป็นคนแรก เขาตรงเข้าไปหาหลินซินเยียนแล้วผลักประตูเข้าไปทันที แต่ทว่าเมื่อเข้าไปยังไม่ทันไรเขาก็ถอยกลับออกมา เมื่อยามที่เอ้อร์ยารีบตามเข้ามา เขากลับปิดประตูอย่างแน่นหนา ขวางอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องของหลินซินเยียน “พี่สาวเป็นอย่างไรบ้าง?” เอ้อร์ยาถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไร! เจ้าไปทำอาหารเถิด” อี้เซิงขวางประตูทางเข้า กัดฟันคำรามตอบ เอ้อร์ยาเห็นเขาเกิดโทสะเช่นนี้ ทำได้เพียงแค่รีบมุ่งไปยังห้องครัวด้วยความตกใจ เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาเหลือบมอง ด้วยความบังเอิญทำให้นางเห็นอี้เซิงคุกเข่าร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนพื้น ในใจของนางเกิดความเจ็บปวด ทันใดนั้นในดวงตาพลันมีน้ำใสๆไหลออกมา แม้ว่านางจะไม่ทราบว่าเหตุการณ์ภายในห้องนั้นเป็นเช่นไร แต่สามารถทำให้เด็กแข็งแกร่งอย่างอี้เซิงขัดขวางนาง กลับเลือกที่จะคุกเข่าร้องไห้ ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องดี และเป็นภาพที่รุนแรงอย่างมาก เอ้อร์ยาปาดน้ำตา เชิดหน้าวิ่งเข้าไปยังห้องครัว นางจำได้ว่าในห้องครัวยังมีไก่อยู่ นางต้องเชือดไก่ ต้มน้ำแกงบำรุงร่างกายให้พี่สาว อี้เซิงคุกเข่าฟูมฟายอยู่หน้าห้องประตูหลินซินเยียนอยู่นาน แต่กลับไม่กล้าที่จะส่งเสียงดัง เพียงแค่ร้องไห้อย่างอดกลั้นอยู่เงียบๆ จนกระทั่งสายตาของเขาพร่าเลือนเพราะตาบวมแดง เขาจึงกัดฟันแน่นและลุกยืนขึ้นมา เขายืนที่หน้าประตูอยู่สักพัก จึงตะโกนบอกกับคนในห้อง “พี่! ท่านรอให้ข้าเติบใหญ่เสียก่อน! ข้าจะทำให้ท่านใช้ชีวิตอย่างมีความสุข!” เสียงอันอ่อนโยน ที่ออกมาจากปากของเด็กอายุหกเจ็ดขวบ แต่กลับไม่ได้รู้สึกว่าเพียงเป็นคำพูดไร้สาระของเด็กคนหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าคนในห้องนั้นได้ยินหรือไม่… ในค่ำวันนั้นเอ้อร์ยาทำอาหารมาเต็มโต๊ะ ทว่าหลินซินเยียนไม่ได้ออกมาทาน ตกดึกคืนนั้นอี้เซิงนอนไม่หลับ เอ้อร์ยาเองก็นอนไม่หลับ แต่ทว่าทั้งสองคนไม่ได้ออกมาจากห้องราวกับได้นัดไว้ และไม่มีใครไปรบกวนกับโลกส่วนตัวของอีกคน เช้าวันถัดมาในขณะที่ท้องฟ้าเพิ่งจะมีแสงรำไร อี้เซิงตื่นขึ้นมาฝึกท่านั่งม้า ทันใดนั้นก็หันไปเห็นหลินซินเยียนที่นั่งอยู่ในเรือน สีหน้าของนางซีดขาว ในดวงตาหลงเหลือเพียงความสับสน นางนั่งเหม่อในเรือนอยู่นาน แม้แต่นกร่วงหล่นอยู่ข้างไหล่นาง ก็ไม่ได้รู้สึกตัว อี้เซิงเจ็บปวดอยู่ภายในใจ เดินเข้าไปกุมใบหน้าของนางด้วยเนื้อบนฝ่ามือ “พี่ ท่านช่วยข้าไว้ไม่ให้ยอมแพ้ที่จะมีความหวัง ตอนนี้ท่านเองก็อย่าได้ยอมแพ้ ตกลงไหม?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 81 ให้เจ้ามีชีวิตที่ดีแน่
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A