ตอนที่ 82 รนหาความตาย
1/
ตอนที่ 82 รนหาความตาย
ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 82 รนหาความตาย
ตนที่ 82 รนหาความตาย ใบแก้มของนางเย็นเฉียบ ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนี้มานานเท่าไร อี้เซิงทดสอบลมหายใจ เห็นว่านางไม่ตอบสนอง จึงเริ่มร้องไห้ด้วยความกังวลขึ้นมาอีก แต่ทว่าในยามที่น้ำตาเข้าใกล้จะร่วงหล่น หลินซินเยียนกลับรู้สึกตัวและปาดน้ำตาใสๆที่หางตาของเขาแทน "อื้ม ข้าไม่เป็นไร ข้าเพียงแต่กำลังใช้ความคิด ว่าต้องทำอย่างไรตนเองจึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่พอข้าได้คิดตลอดทั้งคืน จึงรู้สึกว่านอกจากความสามารถในการสร้างอาวุธของตัวข้าแล้ว ในด้านอื่นๆก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เรื่องเลย โชคดี..ที่ตอนนี้หลายๆอาณาจักรมีท่าทีสงบสุข แต่เบื้องลึกกลับเป็นกระแสน้ำเชี่ยว ขอเพียงแค่ข้าได้โอกาส ข้าก็อาจจะกลายเป็นบุคคลที่ไม่สามารถขาดแคลนได้/ข้าก็จะกลายเป็นบุคคลที่ต้องการ" น้ำเสียงของนางฟังดูเหมือนสงบ ไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งจากผ่านประสบการณ์อันดำมืดในค่ำคืนที่ผ่านมา ในบางที ขอเพียงเป็นคนหัวใจแกร่ง ก็จะสามารถเผชิญความหวาดกลัวได้ทุกอย่าง อี้เซิงยังเด็กจึงยังไม่เข้าใจความหมายของนางมากนัก แต่กลับมีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคำว่าการสร้างอาวุธ “พี่สาว ท่านบอกว่าท่านสามารถสร้างอาวุธได้?” “ใช่ ข้ายังเชี่ยวชาญอีกด้วย” หลินซินเยียนลูบศีรษะของอี้เซิง ทำให้หัวใจของอี้เฺซิงพลันอบอุ่นขึ้น “พี่ ท่านแตกต่างจากหญิงสาวที่สร้างภาพจิตใจดีเหล่านั้นอย่างที่คาดไว้” อี้เซิงกล่าวอย่างตะกุกตะกัก “พี่สาว ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะไปหาคนที่จะสนับสนุนท่านทำอาวุธได้อย่างไร?” หลินซินเยียนหัวเราะพลางกล่าวว่า “ภูเขาไม่มาหาเรา เราก็ไปหาภูเขา” ประโยคที่นางกล่าวมีความหมายแสนลึกล้ำ นางกลับไปที่ห้อง และด้วยความพยายามชั่วครู่ก็เดินออกมาในรูปลักษณ์ของลูกผู้ดีที่หล่อเหลา เอ้อร์ยาที่เพิ่งจะเดินออกมาจากหัวครัว เมื่อเห็นคนแปลกหน้าจึงร้องตะโกนเสียงดัง “คุณชายสุดหล่อ” พลันตกใจจนน้ำแกงรดหกใส่มือ แต่สักพักนางก็กรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมา “พี่...พี่สาวววว” หลินซินเยียนแต่งกายเปลี่ยนเป็นบุรุษ เค้าโครงบนใบหน้าก็ใช้วิชาแต่งหน้าต่อเติมเสริมแต่ง นอกเสียจากเป็นคนที่คุ้นเคยแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่จะพบความจริงว่านางเป็นสตรี อีกทั้งบังเอิญโชคดี ในตอนที่นางย้ายมาที่เรือนหลังนี้ก็ได้เตรียมเสื้อผ้าบุรุษไว้หลายชุด เพราะมันคงไม่สะดวกเท่าไหร่สำหรับสตรีที่จะออกไปเที่ยวเป็นครั้งคราว การใส่เสื้อผ้าบุรุษช่วยลดปัญหาไปได้เยอะ นางพบเสื้อคลุมสีดำตัวหนึ่ง หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยก็ออกไปข้างนอก และได้สั่งให้เอ้อร์ยาดูแลอี้เซิงให้ดี แต่เพราะว่าเอ้อร์ยาและอี้เซิงรู้สึกกังวลจึงอยากจะตามไปแต่ทว่านางปฏิเสธ มีธุระบางอย่างที่นางต้องไปจัดการคนเดียว หากพาเด็กไปด้วยอีกสองคนรังแต่จะไม่สะดวก เอ้อร์ยาและอี้เซิงไม่อาจเปลี่ยนใจนาง จึงได้แต่ยอมปล่อยให้ไป เมืองเฟิ่งชีในยามกลางวันนั้นคึกคักอย่างมาก หลังจากที่ทำความคุ้นเคยอยู่หลายวัน นางก็มีความคุ้นเคยเมืองโบราณนี้บ้างแล้ว แม้ว่าเมืองยุคโบราญจะเจิรญรุ่งเรือง แต่ในแง่ของขนาดและถนนหนทางกลับยังห่างไกลกับเมืองในยุคปัจจุบันอย่างเทียบไม่ติด ด้วยสติปัญญาของนาง การจดจำถนนแต่ละสายกลับไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร ทางทิศตะวันออกของเมืองเฟิ่งชี มีทั้งคนดีคนเลวปะปนกันมากที่สุด/มีผู้คนอาศัยอยู่ปะปนรวมกันมากที่สุดและก็ยังครึกครื้นมากที่สุด อีกทั้งเป็นสถานที่ที่เส้นทางข่าวสารแพร่ลือได้อย่างรวดเร็วที่สุด หลินซินเยียนมาถึงตลาดแห่งหนึ่งที่ฝั่งทิศตะวันออก ในตลาดมี(ไผฟาง)ซุ้มประตูหนึ่ง บนซุ้มประตูนั้นมักจะมีครอบครัวสกุลใหญ่มาติดประกาศต่างๆ มีทั้งการจ้างวานหมอเทวดา จ้างวานอาจารย์วิทยายุทธ์ การซื้อ-ขายข้อมูลข่าวสาร เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดว่าสามารถจะทำได้ ก็อาจจะเห็นประกาศที่ติดอยู่บนนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ นางยืนมองอยู่หน้าป้ายประกาศ มีการประกาศตามหาช่างฝีมืออย่างที่คิด แต่ทว่าในวันนี้นางไม่ได้มาเพื่อหางาน ดังนั้นนางจึงได้หยิบประกาศใบหนึ่งที่ได้เตรียมมา หลังจากนั้นจึงแปะลงไปอย่างไม่ลังเล “สาส์นท้าประลอง?” บุรุษผู้มีลักษณะปัญญาชนคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ อ่านตัวหนังสือบนประกาศของนาง สายตาฉายแววความประหลาดใจในทันที “น้องชายตัวน้อย นึกไม่ถึงว่าจะส่งสาส์นท้าประลองศาลาความลับแห่งสวรรค์ด้วย?” “ศาลาความลับแห่งสวรรค์คือสถานที่แบบใด ที่นั่นน่ะเป็นดั่งศาลาเทพเซียนในสรวงสวรรค์ของเหล่าช่างฝีมือเชียวนะ น้องชายตัวน้อย ไม่ใช่ว่าสมองเจ้ามีปัญหาหรือ?” “อาจจะใช่ เจ้าเห็นสาส์นท้าประลองที่เขาเขียนไหม ยังกล่าวอีกว่าต้องการท้าทายฝีมือทุกคนในศาลาความลับแห่งสวรรค์! บ้าไปแล้ว สมองน่าจะมีปัญหาไม่เบา ท่าทางก็ดูเหมือนปกติดีนะ แล้วทำไมจึงโง่เง่าเช่นนี้เล่า?” “แต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่มีบางคนกล้าจะส่งสาส์นท้าประลองศาลาความลับแห่งสวรรค์เชีวยนะ เจ้าว่าคนจากศาลาความลับแห่งสวรรค์จะออกมาไหม?" “พูดยาก เจ้าดูสิบนสาส์นท้าประลองยังกล่าวอีกว่า ถ้าหากคนของศาลาความลับของสววรค์ไม่ออกมาตอบรับการประลอง ก็นับว่าเป็นคนขี้ขลาดไร้ความสามารถ” “ใช้วิธีการล่วงเกินรุนแรงไปก็เท่านั้น ช่างฝีมือของศาลาความลับแห่งสวรรค์เองก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะติดกับดักง่ายดายขนาดนี้" ผู้คนโดยรอบพูดคุยถกเถียงกัน มีเพียงใบหน้าของหลินซินเยียนผู้เดียวที่กำลังยิ้มบางๆ หลังจากที่นางติดประกาศก็หันกายจากไป อีกทั้งไม่สนใจที่จะโต้เถียงและอธิบายกับกลุ่มคนเหล่านั้นที่กำลังถกเถียงกันอยู่ หลังจากสามวันนัดประลองที่ศาลาเฟิงอี ศาลาเฟิ่งอีเป็นสถานที่ที่เหล่านักวิชาการ หรือนักศึกษานิยมไปกัน นางเลือกสถานที่ดังกล่าวเพื่อตั้งใจจะสร้างแรงกดดันให้กับศาลาความลับแห่งสวรรค์ ท้ายที่สุดแล้วการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยทั้งวาจาและพู่กันหมึกของเหล่านักวิชาการและนักศึกษา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถรับได้ นางเองก็รู้ว่าวิธีการเช่นนี้เป็นการยกย่องอีกฝ่ายเกินจริง และนางก็รู้ว่าเหล่าบุคคลสำคัญในศาลาความลับแห่งสวรรค์ไม่สามารถมาเผชิญหน้าประลองกับนางได้แค่เพียงเพราะการแจ้งประกาศอย่างไม่เป็นทางการ แต่ทว่าศาลาความลับแห่งสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่มาก คนภายในก็มากมาย และในที่ที่ผู้คนมากก็ยิ่งมีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่มักจะมีผู้เยาว์อารมณ์ร้อนสักคนสองคนอดทนกับคนที่ยั่วยุไม่ไหวและปรากฎตัวมาทำห้าวกับนาง เพียงไม่นาน ข่าวที่มีคนส่งสานส์นท้าประลองถึงศาลาความลับแห่งสวรรค์ก็ร่ำลือไปทั่วถนนทุกตรอกซอกซอยของเมืองเฟิ่งชี ภายในศาลาเฟิงอี บัณฑิตผู้หนึ่งสั่นหัวส่ายศีรษะไปมาในขณะที่ได้ยินไต้ซือรูปหนึ่งกำลังสนทนากับเสนาบดีฝ่ายซ้าย ไต้ซือรูปนั้นก็คือหลวงจีนเฒ่า**ที่ออกจาริกมาถึงเมืองเฟิ่งชี แม้ว่าจะไร้ชื่อเสียง แต่ยังได้รับการเคารพจากใต้เท้าฝ่ายซ้าย ซึ่งพระพุทธศาสนาและวรรณกรรมดั้งเดิมมีจุดร่วมเดียวกันอยู่มาก ดังนั้นในยามที่สองคนสนทนาจึงดึงดูดผู้ฟังหลายชีวิตได้อย่างรวดเร็ว มีคนลือมาว่าศาลาความลับแห่งสวรรค์ถูกคนท้าประลอง ไต้ซือพลันตกใจ พยักหน้าหัวเราะกล่าวว่า "สมกับที่เป็นเมืองหลวงของเยว่หนาน ผู้มีความสามารถปรากฎตัวขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย" "เป็นผู้มีความสามารถจริงหรือไม่จริงกลับยังไม่รู้แน่ชัด แต่ในส่วนของความกล้าหาญนั้นทำให้ผู้คนประทับใจมาก" หยินฉีเองก็กล่าวชื่นชม "อีกทั้งผู้ท้ายังเลือกทำการประลองที่ศาลาเฟิงอี เดิมทีข้าและท่านไต้ซือได้สนทนากันไว้ว่าน่าจะหลังจากนี้ประมานสามวัน ถ้าเป็นเช่นนั้น นับว่าพวกเรามีเรื่องสนุกให้ดู" ไต้ซือพยักศีรษะ “หลวงจีนเฒ่าอย่างข้าแม้จะไม่สนใจในด้านการสร้างอาวุธ แต่สรรพชีวิตกลับอาจประสงค์/ต้องการ ได้ยินทั้งสองคนกล่าวเช่นนี้ เหล่านักศึกษาหลายคนที่อยุ่รอบๆก็คึกคักขึ้นมาทันที แสดงท่าทีว่าสามวันหลังจากนี้ต้องการมารวมตัวกันที่ศาลาเฟิงอีอีกครั้งอย่างแน่นอน ภายในจวนอู่เซวียนอ๋อง โม่จื่อเฟิงในชุดหรูหราปักลายงูเหลือมสีดำกำลังอ่านจดหมายจากนกพิราบสื่อสาร จินมู่ประสานมือคารวะและเข้ามาด้วยความลังเล ได้กราบทูลกับเขาว่า "ท่านอ๋อง ตอนเช้าของวันนี้แม่นางหลินแต่งกายเป็นบุรุษไปติดประกาศฉบับหนึ่งที่ตลาดทิศตะวันออก นาง...นางต้องการท้าประลองกับช่างฝีมือศาลาความลับแห่งสวรรค์ เรียนนายท่าน พวกเราต้องยับยั้งนางหรือไม่พะยะค่ะ?" โม่จื่อเฟิงเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองจินมู่โดยไม่กระพริบ แม้แต่การแสดงออกบนใบหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นชั่วครู่เขาพลันแค่นเสียงเย็น "ตัวเองรนหาที่ตาย ไยจะต้องไปขัดขวางกันเล่า? ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ตนเองมีความสามารถไม่เท่าไหร่ก็คิดว่ายอดเยี่ยมมากนักหรือ? ความสามารถที่แท้จริงบนโลกใบนี้ จะมีสักกี่คนที่รอดมาได้?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 82 รนหาความตาย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A