ตอนที่ 88 ใครจะชนะ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 88 ใครจะชนะ
ต๭นที่ 88 ใครจะชนะ ทั่วทั้งสนามเงียบกริบ เมื่อเกิดเสียงดัง “ปั้ง!” เหลือเพียงลูกสาลี่ที่ระเบิดออกจากกัน สิ่งแปลกประหลาดที่เรียกว่าเข็มดอกแพร์ ชั่วพริบตาที่ปะทะเข้ากับลูกสาลี่ก็พลันระเบิดออก ที่พุ่งออกมาจากข้างในมีเพียงแค่ลวดเหล็กเส้นเดียว นึกไม่ถึงว่าจะแยกลูกสาลี่ออกเป็นชิ้นๆ เศษกระจุยกระจายของอดีตลูกสาลี่ลอยว่อนอยู่กลางอากาศ กระทั่งในอากาศกลิ่นหอมบางๆของสาลี่ก็กำลังลอยโชยอยู่ ฉากอันน่าตกตะลึงนี้ ทำให้หลายๆคนที่มุงดูอยู่อดไม่ได้ที่รูม่านตาจะหรี่ขดลง สิ่งที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่ว่าพลังทำลายนั้นกลับระเบิดออกในพริบตา ถ้าหากว่าโดนเข้ากับคน หรือแขนขาของคน แล้วผลหลังจากนั้นล่ะ….. หลังจากที่ผู้คนหวาดกลัวไปพักหนึ่ง ยามที่มองหลินซินเยียนอีกครั้ง ในดวงตาก็แฝงไว้ด้วยความตกตะลึงใจอย่างไม่สามารถปกปิดได้ สิ่งเล็กๆที่หน้าตาดูอัปลักษณ์ นึกไม่ถึงว่าจะมีอำนาจทำลายล้างยิ่งใหญ่เช่นนี้ ราวกับนักวิชาการซึ่งจู่ๆก็กลายเป็นผู้ก่อตั้ง อาณาจักรแม่ทัพที่ยับยั้งทัพทหารราบหนึ่งล้านนายไว้ได้ ด้วยพลานุภาพของหนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่าน ทำให้ผู้คนตกตะลึงแล้วตกตะลึงอีก คิ้วของอินฉีขมวดแน่น ราวกับไม่เชื่อฉากที่เห็นเบื้องหน้าสายตา เขารู้ว่านางนั้นแข็งแกร่งมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งได้ถึงจุดๆนี้! อู่ฉือลุกขึ้นยืนด้วยความสั่นคลอนเดินไปยังเบื้องหน้าหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว ราวกับต้องการจะไปดูสาลี่ที่ระเบิดเป็นซากแล้วให้แน่ชัด เศษที่อยู่เต็มพื้นได้พิสูจน์ความเป็นจริงของฉากเมื่อสักครู่นี้ หลังจากนั้นอยู่นาน เขาขยับกล่องเสียงเหมือนอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่กลับพบว่าตนเองนั่นไม่สามารถกล่าวอะไรได้เลย เทียนหยุนชิงที่กำลังส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าไม่เต็มใจที่จะยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ กลับเป็นเทียนหยุนจือที่ใบหน้าซีดขาวอมเขียว จนในที่สุดเขากลับเป็นคนแรกที่ได้สติกลับมา เขาเดินไปยังเบื้องหน้าหลินซินเยียน โค้งมือคารวะและกล่าวว่า "เจ้าชนะแล้ว" “ชนะ….ชนะแล้ว….” ในที่สุดอู่ฉือก็สามารถพูดออกมาได้ ที่แท้เขามีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาจึงลงเดิมพันชัยชนะข้างตนเองอย่างไม่ลังเล เขาไม่ได้อาศัยโชคแต่เป็นความแข็งแกร่ง ยุคที่เจริญรุ่งเรืองเช่นทุกวันนี้ แม้ในด้านสว่างจะมีอยู่เพียงไม่กี่คน แต่ทว่าสายตาลอบกัดกลับมีมากมายอย่างยิ่งในที่แห่งนี้ ยามที่ผลแพ้ชนะปรากฎแพ้ชนะออกมาในที่แห่งนี้ ภายในฝูงชนก็จะมีคนเร้นกายออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว คาดการณ์ได้ว่าในช่วงหลายวันนี้ ชื่อเสียงเรียงนามของเยว่อู๋เหินจะร่ำลือไปทั่วขุมกำลังหลักขนาดใหญ่ของเมืองเฟิ่งชี แต่ทว่าหลินซินเยียน นางกลับไม่ได้ถูกชัยชนะครอบงำจนเสียสติ นางเข้าใจถึงเหตุผลข้อนี้ดี คนไม่มีความผิด ผิดที่ครอบครองหยก แม้นางจะมีความสามารถมากกว่านี้ หากไม่มีความสามารถในการปกป้องตนเอง นางก็เป็นได้แค่เนื้อชั้นเลิศชิ้นหนึ่งที่ตกอยู่ในวังวนการแย่งชิงของขุมกำลังหลัก และไม่มีที่ว่างสำหรับการต่อต้านของตัวชิ้นเนื้อนั้น เมื่อวางแผนได้ไม่ดีในตอนจบก็จะตกเป็นผู้ที่ถูกเชือดเฉือน ดังนั้น ในยามที่ผู้คนทั้งหมดต่างรับรู้ว่าศาลาความลับแห่งสวรรค์ได้พ่ายแพ้แล้ว หลินซินเยียนกลับหัวเราะออกมาทันที นางยิ้มอย่างเจียมตัวพลันกล่าวกับเทียนหยุนจือว่า "แม้ท่านจะปรากฎตัวโดยการเป็นบ่าว แต่ข้าทราบดีว่าท่านย่อมเป็นผู้ลงมือหลักในการแข่งขันครั้งนี้ ข้าน้อยได้ชัยชนะ ทว่ากลับเป็นแค่ความโชคดี ที่จริงแล้วข้าน้อยมีคำขอที่อวดดี หวังว่าท่านจะช่วยสมปรารถนา” นางถ่อมตนอย่างสุภาพ ในยามที่กล่าวออกมาทั้งโค้งกายต่ำมาก ไม่ว่าใครก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ “คุณชายถ่อมตนไปแล้ว มีเรื่องอะไรก็เชิญกล่าวได้เลย” เทียนหยุนจือตอบกลับ “ที่จริงแล้ว ในครั้งนี้ข้าน้อยทำเกินกว่าเหตุ ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง ข้าน้อยทราบว่าศาลาความลับแห่งสวรรค์คือสถานที่ที่ช่างฝีมือทุกคนล้วนคาดหวังที่จะไปร่ำเรียน ฉะนั้นถ้าหากเป็นไปได้ ข้าน้อยเองก็ต้องการเข้าสู่พรรคของศาลาความลับแห่งสวรรค์” หลินซินเยียนประสานมือคารวะกล่าว เข้าพรรคศาลาความลับแห่งสวรรค์! เมื่อครู่เพิ่งจะกระทำการตีแสกหน้าไปหมาดๆ ตอนนี้กลับมาบอกว่าจะเข้าสู่พรรคศาลาความลับแห่งสวรรค์ เมื่อได้เห็นคำกล่าวเช่นนี้ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่เมื่อลองคิดดูให้ดี กลับรู้สึกว่าทำไมจึงจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ล่ะ? ช่างฝีมือผู้หนึ่งแหงนมองศาลาความลับแห่งสวรรค์มาเนิ่นนาน เพื่อที่จะได้เข้าศาลาความลับแห่งสวรรค์จึงเค้นสมองคิดหาหนทางที่ดูคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ เมื่อเขาชนะศาลาความลับแห่งสวรรค์ ตัวเขาก็ทำให้ศาลาความลับแห่งสวรรค์อับอายขายขี้หน้า แต่ถ้าหากเขาเข้าสู่พรรค เช่นนั้นผลลัพธ์ก็ย่อมแตกต่าง เท่ากับว่าใบหน้าที่เคยถูกเหยียบ เขากลับประคองเก็บขึ้นมาให้ด้วยสองมือ สำหรับศาลาความลับแห่งสวรรค์แล้วไม่เพียงไม่เสียหน้า แต่ยังไว้หน้าโดยการให้ทางลงที่ดีที่สุดอีกด้วย “เจ้า….”คำว่า “ฝันไปเถอะ” ของเทียนหยุนชิงยังไม่ทันมีโอกาสจะกล่าวออกมา ก็ได้ยินเทียนหยุนจือดักคำพูดของนางไว้ก่อน “ตกลง! แต่ทว่าความสามารถโดยส่วนตัวของคุณชายนั้นไร้ที่ติ เกรงว่าพวกเราไม่อาจจะเป็นอาจารย์ของท่านได้ เรื่องนี้ข้าจะกลับไปรายงานท่านประมุขพรรค เมื่อได้ฤกษ์งามยามดี จะให้ผู้อาวุโสของพรรคเป็นเจ้าภาพพิธีกราบไหว้ท่านอาจารย์ “ที่ท่านกล่าวว่าจะรับข้าน้อย เชื่อถือได้หรือไม่?” หลินซินเยียนยังคงไม่วางใจ เทียนหยุนจือหยิบแผ่นป้ายโลหะสีทองโยนเข้าอ้อมแขนนาง “คำพูดของข้า เชื่อถือได่” หลินซินเยียนพยักศีรษะ ข้างในใจมีความเชื่อมั่นกับตัวตนของบุคคลที่อยู่เบื้องอยู่หน้าหลายส่วน สามารถตัดสินใจเช่นนี้ได้ ตำแหน่งในศาลาความลับแห่งสวรรค์ย่อมไม่ต่ำต้อย มีการประกาศเชื้อเชิญของศาลาความลับแห่งสวรรค์ ซึ่งเท่ากับนางค้นพบผู้สนับสนุนแล้ว เกรงว่าขุมกำลังทั้งหลายเหล่านั้นที่ต้องการจะตะล่อมนางคงจะต้องคิดหนัก สำหรับการแข่งขัน ในที่สุดศาลาความลับแห่งสวรรค์ที่พ่ายแพ้สู่สายตาผู้คน กลับได้หน้าชนะปิดฉากในตอนสุดท้าย เรื่องเพียงหนึ่งเดียวที่หลายครอบครัวหลายสกุลมีความสุขคือการลงเดิมพันในบ่อนพนัน ยามที่ผู้คนส่วนใหญ่กลับไปเพราะพ่ายแพ้เงินตำลึงและเสียใจในการตัดสินตอนแรก เทียนหยุนจือเดินนำเทียนหยุนชิง เมื่อตัวเอกลาเวที ผู้คนก็ค่อยๆแยกย้ายกันไป เดิมทีหลินซินเยียนอยากจะติดรถม้าของอู่ฉือกลับเข้าเมือง แต่ทว่าอินฉีก็เชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร บอกว่าต้องการจะออกไปสังสรรค์เล็กน้อย ต่อหน้าอินฉีอู่ฉือก็ไม่กล้าที่จะออกความเห็นมากนัก ดังนั้นจึงหลบฉากไปก่อนอย่างรู้งาน/รู้กาลเทศะ ในดงต้นพลัม เหลืออยู่เพียงไม่กี่คน อินฉีไล่คนที่อยู่รอบๆกาย หลังจากนั้นจึงเดินมายังข้างกายของหลินซินเยียนหยิบลวดเหล็กที่เหลือขึ้นมาจากพื้น "คิดไม่ถึงว่าแม่นางจะสามารถประดิษฐ์อาวุธได้ ช่างทำให้ผู้คนแปลกหูแปลกตาเสียจริง" เขามองออกอย่างที่คาดไว้ “ทำให้ใต้เท้าอินต้องขบขันเสียแล้ว” ในเมื่อถูกเขารู้ทันเล่ห์เหลี่ยม หลินซินเยียนกลับไม่ปิดบังอีกต่อไป “อู่เซวียนอ๋อง ...ดีกับเจ้าหรือไม่?” อินฉีที่ดูเหมือนกำลังมองลวดเหล็กด้วยความตั้งใจโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา กลับเอ่ยคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างกระทันหันโดยไม่คาดคิด “เอ่อ…..” หลินซินเยียนรู้สึกว่าคำถามนี้ มันไม่ใช่ว่าความสัมพันธของพวกนางจะถามได้ เขาและนาง แม้แต่สหายก็ไม่สามารถเป็นได้ มิใช่หรือ? อินฉีกลับหัวเราะออกมาในทันที หลังจากที่วางลวดเหล็กนั้น ก็พลันเงยหน้าขึ้นมา “ข้าวู่วามไปเสียแล้ว เพียงแค่รู้สึกว่าอย่างแม่นางซินเยียน ไม่ควรจะเป็นเพียงแค่สาวใช้อุ่นเตียง” เป็นครั้งแรก ยามที่เขาเอ่ยถึงนางจากแม่นางหลินได้เปลี่ยนเป็นซินเยียน การเปลี่ยนคำเรียกขานได้แสดงถึงท่าทีในการพูดคุยของเขา “ในบางเรื่อง ไม่มีคำว่าควรหรือไม่ควร แท้จริงก็เป็นเช่นนี้ คำกล่าวที่ดูเหมือนจะไม่มีความหมาย” ในน้ำเสียงของหลินซินเยียนฟังดูเหมือนไม่ปรากฎถึงความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยวของนางไม่อาจจะให้ผู้อื่นพบเห็นได้โดยง่าย 
已经是最新一章了
加载中