ตอนที่ 103 ไม่อยากมองเห็น
1/
ตอนที่ 103 ไม่อยากมองเห็น
ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 103 ไม่อยากมองเห็น
ตนที่ 103 ไม่อยากมองเห็น ฟังคำอธิบายของทั้งสองคนเสร็จ หลินซินเยียนก็ตะลึง สรรพคุณของยาที่โม่จื่อเฟิงมอบให้นั้นถือว่าไม่ธรรมดา ด้วยเวลาที่สั้นเช่นนี้ก็มีผลลัพธ์ที่ดีเช่นนี้ นางนำขวดกระเบื้องที่อยู่ในอกเสื้อออกมา และนำยาที่เหลือมอบให้เอ่อร์ยา “นี่เป็นยาที่โม่จื่อเฟิงให้ เจ้าเอาไปทาเถิด ผู้หญิงมีร่องรอยอยู่บนหน้าดูไม่ดีเลย ในอนาคตเอ่อร์ยาของพวกเราก็จะต้องแต่งงานให้กับครอบครัวที่ดีนี่นา” รอยยิ้มของหลินซินเยียนสว่างโชดช่วงเป็นดวงๆเหมือนเปลวเทียน ถึงแม้ว่าเอ่อร์ยาจะไม่รู้ว่ายาขวดนี้แท้จริงมีราคาเท่าไหร่ แต่ว่ามองเห็นผลลัพธ์ของยาขวดนี้แล้วรู้ว่ามาจากโม่จื่อเฟิง นางก็รู้ได้เลยว่ายานี้จะต้องไม่ใช่ยาที่คนธรรมดาจะใช้ได้ “ข้า ข้าเป็นแค่สาวใช้ เป็นคนไม่มีการศึกษาชีวิตต้อยต่ำ ยานี้ล้ำค่ามากเกินไป ข้าไม่สามารถใช้ได้” เอ่อร์ยาโบกมือปฏิเสธ มือของหลินซินเยียนหยุดแข็งอยู่กลางอากาศ ทั้งตัวของนางถูกคำสี่คำที่ว่า “ไม่มีการศึกษาชีวิตต้อยต่ำ”ทิ่มแทง “เหลวไหล! ยาแพงยิ่งกว่านี้ก็สำคัญมากกว่าคนงั้นรึ เอาไป ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธจริงๆด้วย” เอ่อร์ยามองหลินซินเยียนอย่างขี้ขลาด ไม่กล้าพูดอะไรไปสักพัก จนแน่ใจว่าหลินซินเยียนไม่ได้พูดเล่น นางถึงได้รับยามา “นี่สิถึงจะเรียกว่าเชื่อฟัง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคนหรอก เอาละ รีบกินข้าวกัน ใช่แล้ว อี้เซิงเล่า” หลินซินเยียนมองรอบหนึ่งก็ไม่เห็นอี้เซิงเลยอดไม่ได้ที่จะถามหา เอ่อร์ยาถึงจะได้สติกลับมา “เดี๋ยวข้าไปเรียกให้ เขาอยู่ในห้อง” “เขานอนอยู่ในห้องทั้งวันหรือ นิสัยแปลกๆแบบนี้ของเขาต้องได้รับการแก้ไขนะ เด็กผู้ชายต้องร่าเริงสิถึงจะดี” หลินซินเยียนพูดไปก็เรียกให้หลี่หลงนั่งกินข้าวด้วยกัน หลี่หลงถือชามข้าวไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ความต้องการที่จะพูดก็หยุดลง ในที่สุดก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ก้มหน้าก้มตากินข้าว ก่อนหน้านี้ เอ่อร์ยาเคยบอกเขาว่าอี้เซิงกลัวเวลาได้ยินเสียงตอนนางถูกรังแก ดังนั้นทุกครั้งที่นางถูกรังแก อี้เซิงจะไปนอนอยู่ในห้อง หลี่หลงขบคิดอยู่พักหนึ่งว่าเรื่องนี้ไม่ต้องให้หลินซินเยียนรู้ก็น่าจะดี ไม่นานเอ่อร์ยาก็พาอี้เซิงมา เริ่มต้นกินข้าวเย็นอย่างเป็นทางการ เพียงแค่พวกเขาเงียบไม่พูดไม่จา นอกจากหลินซินเยียนที่ตั้งใจทำตัวสบายๆพูดเรื่องตลกบ้างเป็นบางครั้ง คนอื่นก็มีเสียงหัวเราะไปด้วยแล้ว แต่ว่าไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร เวลาผ่านไปเนิ่นนานราวกับหนึ่งปี ณ ริมหาดที่มีคลื่นซัด ในช่วงที่แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า อี้เซิงนั่งบนหาดทรายถือโอกาสพูดกับหลินซินเยียนที่พันผ้าพันแผลอยู่ข้างๆเขา ทุกครั้งหลังจากที่นางถูกรังแก เขาอยากจะบอกนางว่าถ้าไม่อยากยิ้มก็ไม่ต้องยิ้มออกมา เมื่อเห็นนางยิ้มเขารู้สึกทรมานมากกว่าเห็นนางร้องไห้ หลินซินเยียนใช้เวลาอย่างสุดความสามารถ นางใช้ตัวเองช่วงชิงเวลาครึ่งปีนี้มา ดังนั้นเช้าวันที่สอง หลินซินเยียนก็ให้เอ่อร์ยาเริ่มเก็บข้าวของ รีบเตรียมจดหมายแนะนำตัวไปศาลาความลับแห่งสวรรค์ ก่อนไป หลินซินเยียนยังมีธุระอีกหนึ่งเรื่องยังไม่ได้จัดการก็คือเรื่องให้อี้เซิงไปคารวะอาจารย์ นางกำลังคิดว่าออกไปจะไปตามหาจินมู่ อยากจะถามความคืบหน้าของเขา เดิมทีอี้เซิงก็ไม่ได้คิดจะบอกนาง เห็นนางจะออกไปหาจินมู่ เขาเลยต้องบอกเรื่องที่จินมู่พูดกับเขาเมื่อวานให้นางฟัง “เช่นนั้นข้าก็ไม่อยากไปคารวะอาจารย์แล้ว” อี้เซิงก้มหน้างุด มือเล็กกำแขนเสื้อของหลินซินเยียนแน่น พูดอย่างตรงไปตรงมาเลย เมื่อหลินซินเยียนได้ยินเงื่อนไขที่จินมู่พูดเมื่อวานก็รู้สึกตกใจ แต่ว่าไม่นานนางก็รู้สึกราวกับว่านี่เป็นเหตุผลและน้ำใจอย่างหนึ่ง ที่จริงแล้วอี้เซิงก็เป็นเด็กคนหนึ่ง ในวิธีคิดของเขาทำให้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนทะลุปรุโปร่งโดยง่าย นางยกมือขึ้นลูบหัวของอี้เซิง “อี้เซิง ต่อให้เจ้าเรียนแล้วกลับมา ข้าก็ไม่เคยคิดจะให้เจ้ากลับมาทำร้ายโม่จื่อเฟิง” “เอ๋” อี้เซิงไม่ค่อยเข้าใจ หลินซินเยียนจูงอี้เซิงมานั่งบนรั้วไม้ “ข้าไม่อยากให้เจ้าชีวิตบนความเกลียดแค้น เจ้าลืมแล้วหรือว่าข้าตั้งชื่อเจ้าว่าอี้เซิงเพราะข้าอยากให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง ดังนั้น เจ้าไม่ต้องทำอะไรให้ข้า ไม่ต้องทำร้ายโม่จื่อเฟิงเพื่อข้า เจ้าไปคารวะอาจารย์ศึกษาวิชานั้นควรจะเป็นเพื่อที่จะให้เจ้ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น เข้าใจหรือไม่” อี้เซิงส่ายหัว เหมือนจะเข้าใจและก็ไม่เข้าใจ หลินซินเยียนถอนหายใจแล้วพูดว่า “สรุปคือ ข้าหวังว่าเจ้าจะตอบรับเงื่อนไขของจินมู่ แล้วไปคารวะอาจารย์เพื่อเล่าเรียน สำหรับอนาคตนั้น ถ้าหากว่าข้าดูแลตัวเองไม่ได้แล้ว ข้าจะมีหน้าใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร เจ้าเชื่อข้านะ แล้วก็เชื่อในตัวเองด้วย ดีไหม” “ถ้าหากพี่สาวต้องการให้ข้าไป ข้าก็จะไป” เขาไม่จำเป็นจะต้องเข้าใจคำถามของนางทั้งหมด เขาเพียงแค่เชื่อนางอย่างหมดหัวใจก็เท่านั้น หลินซินเยียนพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี หลังจากที่ข้าจากไป เจ้าต้องไปหาผู้บัญชาจินมู่ ตามเขาไปคารวะอาจารย์เถิด” “ได้ ข้าจะเชื่อฟังสิ่งที่พี่สาวพูด” อี้เซิงจับมือนางกลับอย่างน่าเอ็นดู พูดอย่างอาลัยว่า “พวกท่าน.....จะไปกันวันนี้แล้วหรือ” หลินซินเยียนรู้ว่าเขาไม่สามารถละทิ้งพวกนางได้ ไหนเลยนางจะปล่อยวางได้ “อืม โม่จื่อเฟิงให้เวลาข้าแค่ครึ่งปี ดังนั้นข้าจะเสียเวลาไม่ได้ อีกทั้ง ถ้าข้าไม่รีบไปข้าคงจะต้องเห็นการเตรียมงานแต่งชายาของเขาหรือ” ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้รักเขา แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นผู้ชายคนแรกของชีวิตนี้ แล้วถูกเขาละทิ้งเช่นนี้ หัวใจของนางก็ยังมีบางอย่างที่ไม่ใช่รสชาติของชีวิต “ไปแล้วก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเห็น” อี้เซิงพูดประโยคนี้ออกมาอย่างยากลำบาก หลินซินเยียนรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย แต่ก็ยังลูบหัวของเขาอย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “เจ้าเด็กน้อยคนนี้ พูดตรงตลอดเลย” อี้เซิงไม่ได้พูดอะไร เขาทำแค่มองหน้านางอย่างงงๆ เขาแค่อยากจะจำรอยยิ้มของนางเอาไว้ในที่ที่ลึกที่สุดของหัวใจ แต่เดิมข้าวของของหลินซินเยียนก็ไม่ได้ถือว่าเยอะ ดังนั้นตอนเก็บของก็เลยเสร็จเร็ว นางไม่ได้ให้หลี่หลงไปด้วย ตอนนี้หลี่หลงเป็นเสาหลักของบ้านตระกูลหลี่ ถ้าหากว่าเขาไปด้วย หลินซินเยียนก็เกรงว่าสะใภ้เหล่าหลี่จะรับไม่ได้ ดังนั้นนางจึงขอหลี่หลงอย่างชัดเจนว่าให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ หลี่หลงไม่สามารถเปลี่ยนใจของหลินซินเยียนได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่พาสะใภ้เหล่าหลี่และหู่เอ๋อเดินไปส่งนางที่ประตูเมืองเท่านั้น “แม่นางหลิน ท่านจะกลับมาเร็วหน่อยก็ได้หนา รอท่านกลับมา พี่จะทำกับข้าวให้ท่านกิน” สะใภ้เหล่าหลี่เองก็ยังทำใจปล่อยนางไปไม่ได้เช่นกัน นางปาดน้ำตาอย่างอดไม่ได้ หลินซินเยียนพยักหน้า แล้วกำชับกับหลี่หลงอีกที “ดูแลแม่ของเจ้าดีดี ข้านำเงินซ่อนไว้ใต้ต้นมะเดื่อใหญ่ในบ้านข้า กลับไปเอาเถิด นำเงินไปจ้างครูมาสอนหนังสือให้เจ้ากับหู่เอ๋อนะ” “แม่นาง...” หลี่หลงเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ ไม่คิดเลยว่านางจะคิดอย่างละเอียดรอบคอบขนาดนี้ รู้ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้ารับเงินของนางไว้หรอก นางจึงใช้วิธีนี้ทำให้เขายอมรับเงินของนาง “ไม่ต้องพูดแล้ว สีของท้องฟ้าไม่เช้าแล้ว พวกข้าไปก่อนนะ” หลินซินเยียนยิ้มบางๆ บอกให้สะใภ้เหล่าหลี่ดูแลตัวเองแล้วนางก็หันตัวเดินไป เอ่อร์ยาก็โบกมือลาแล้วเดินตามไปด้วย ตอนที่นางหันตัวเดินไปรีบมากไปหน่อย เท้าของนางจึงไปสะดุดชนกับรถม้าที่กำลังมาข้างหน้า “สาวใช้ที่ไหนเนี่ย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วรึ ไสหัวไปซะ” ผู้เฒ่าที่มีขาวครึ่งหัวอยู่บนรถม้าดึงเชือกบังเหียนแล้วด่าเอ่อร์ยา “เป็นท่านที่เกือบจะชนคน ท่านสนใจอะไรบ้างไหม” เอ่อร์ยาไม่ยอมแพ้แถมยังตะคอกกลับไป หลินซินเยียนที่กำลังเดินนำไป ทันใดนั้นก็เห็นชายชราที่อยู่บนรถม้าอย่างชัดเจน หัวคิวของนางย่น ถอยหลังมาหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว แล้วแฝงตัวอยู่หลังฝูงชน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 103 ไม่อยากมองเห็น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A