ตอนที่ 104 อยากไปเอง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 104 อยากไปเอง
ต๭นที่ 104 อยากไปเอง “เจ้าสาวใช้คนนี้เป็นพวกนักต้มตุ๋นใช่หรือไม่ รถม้าของพวกเราวิ่งมาตรงตามถนนแล้ว อยู่ดีๆเจ้าก็โผล่มากะทันหันเช่นนี้ ข้าไม่ผิด เจ้าทำให้ม้าของข้าตกใจดังนั้นเจ้าผิด เจ้าคนชั่วยังจะมากล่าวหาก่อนอีกหรือ” คนขับรถม้ายังคงโกรธมาก เขายกแซ่ม้าขึ้นหมายจะตีเอ่อร์ยา “แล้วกันไปเถอะ” เสียงดังก้องอย่างมีอำนาจดังออกมาจากในรถม้า “พวกเราเพิ่งจะมาถึงเมืองเฟิ่งซี อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่สิ อีกอย่าง เราไม่มีเวลามากพอจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่นะ” เมื่อคนรถได้ยินเช่นนั้น ถึงจะวางแซ่ม้าลงอย่างแค้นใจ “ถือว่าเจ้าสาวใช้นี่โชคดีบังเอิญว่านายท่านของข้ามีจิตใจเมตตา ถ้าเป็นเวลาปกติเจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานแล้ว” คนรถรีบบังคับรถม้าไปด้านหน้า หลังจากนั้นก็มีรถม้าหลายคันค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านเอ่อร์ยาไป เอ่อร์ยายังคงโกรธอยู่ เมื่อหันสายตาไปกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินซินเยียน ก็ร้อนใจ ท้ายที่สุดก็เห็นหลินซินเยียนเดินออกมาจากหลังฝูงชน แต่สายตาของนางยังคงทอดยาวไปถึงรถม้าที่วิ่งไปไกลแล้ว “แม่นาง ท่านรู้จักคนพวกนั้นหรือ” เอ่อร์ยารู้สึกว่าแววตาของนางมีบางอย่างแปลกๆเลยอดไม่ได้ที่จะถาม หลินซินเยียนยิ้มบางแล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก” จะไม่รู้จักได้อย่างไร ผู้อาวุโสคนนั้นที่อยู่ในรถครั้งหนึ่งเคยไม่ดูแคลนนาง เพียงแต่ หลินโสงฉีถูกย้ายกลับมาเมืองหลวงแล้วหรือ โชคชะตาที่เป็นแบบนี้ที่แท้ทำให้มีความคาดหวังของหลินซินเยียนในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไปมาก ในที่สุด นางเป็นคนอาฆาตคนหนึ่ง ตนเองและเสี่ยวอวี่เกือบจะตายในมือของฮูหยินนายพล ความแค้นครั้งนี้ถ้ามีโอกาสจะต้องชำระให้ได้ถึงจะพอใจ ทั้งสองคนเช่ารถม้าที่อยู่หน้าประตูเมืองสองคัน ล้อรถหมุน รถม้าก็ค่อยๆออกจากเมืองเฟิ่งซีไกลขึ้นเรื่อยๆ ในรถม้า หลินซินเยียนทนไม่ไหวต้องเปิดหน้าต่างของรถม้าแล้วหันหลังกลับไปมอง เมืองเฟิ่งซีที่เจริญรุ่งเรือง หลังจากครึ่งปีที่นางจะกลับมา จะเปลี่ยนแปลงสภาพไปเป็นอย่างไรบ้างนะ ในจวนอู่เซวียนอ๋อง มีคนส่งเสือขาวมา เสือขาวถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก สายตามองคนที่อยู่รอบๆอย่างโหดร้าย ในมือโม่จื่อเฟิงมีเนื้อที่มีเลือดสดอยู่ชิ้นหนึ่งที่ได้รับมาจากผู้ติดตามข้างกาย หลังจากนั้นก็โยนเนื้อชิ้นนั้นเข้าไปในกรง เสือตัวนั้นงับเนื้อสดชิ้นนั้นเอาไว้แล้วกินเนื้อชิ้นนั้นเต็มปากเต็มคำ “ท่านอ๋อง แม่นางหลินออกจากเมืองหลวงไปแล้ว” จินมู่เดินเข้ามาจากด้านนอกห้อง มองเห็นเสือขาวตัวนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย โม่จื่อเฟิงเค้นเสียงเย็น “นางอดใจรอที่จะไปไม่ไหวแล้ว” “แม่นางหลินไปแค่ครึ่งปีเท่านั้น ไม่นานก็กลับมาแล้ว” จินมู่เลียนแบบจากที่โม่จื่อเฟิงทำเขานำเนื้อสดโยนเข้าไปในกรงเหล็ก แต่คาดไม่ถึงว่าเสือขาวตัวนั้นไม่ได้มอง กลับเดินตรงไปทางอีกฝั่งหนึ่งของกรง “ ย๊า เจ้าสัตว์ตัวนี้นี่มันมีสติปัญญาดีรึไม่” “ธรรมชาตินะ ไม่เช่นนั้นข้าจะรับมันมาหรือ” โม่จื่อเฟิงสั่งคนให้เก็บกวาดเนื้อที่เสือไม่กินชิ้นนั้น แล้วนำผ้าดิบมาเช็ดมือ “ครึ่งปีค่อยกลับมาหรือ เจ้าคิดว่าข้าจะรอถึงครึ่งปีได้ไหม” “เช่นนั้นท่านอ๋องให้แม่นางหลินไปนั้นหมายถึงอะไร” จินมู่สงสัยมากยิ่งขึ้นแล้ว โม่จื่อเฟิงเช็ดมือจนสะอาดแล้วถึงเดินไปทางห้องหนังสือ “พวกเราตามหามาตั้งนานยังหาซ่องโจรของศาลาความลับแห่งสวรรค์ไม่พบ เจ้าว่า ถ้าตามหลินซินเยียนไปก็จะหาเจอได้ง่ายยิ่งขึ้นใช่หรือไม่” เท้าของจินมู่ชะงักกึก รู้สึกทึ่งขณะมองไปที่ด้านหลังของเจ้านายตนเอง ที่แท้เจ้านายทำทุกอย่างไปก็เพื่อเหตุนี้นะหรือ เขารีบเดินตามไปแล้วถามอีก “เช่นนั้นเจ้านายก็สั่งให้คนตามนางไปแล้วหรือ” “มีคนตามไปแล้ว แต่เมื่อใกล้ถึงศาลาความลับแห่งสวรรค์ คนเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นแล้วละ เล่ากันว่าระบบคุ้มกันรอบๆของศาลาความลับแห่งสวรรค์แน่นหนามาก เจ้าคิดว่าคนเหล่านั้นจะตามเข้าไปได้ไหม” รอยยิ้มของโม่จื่อเฟิงเย็นชา เดินไปข้างๆชั้นวางหนังสือ เขากดแผงควบคุม ชั้นวางหนังสือก็แยกเป็นสองฝั่ง ปรากฏให้เห็นช่องมืดๆ เขาหยิบกล่องๆหนึ่งออกมาจากในช่องมืดๆนั้น เมื่อเปิดกล่องแล้ว ในนั้นมีหน้ากากหนังมนุษย์ เขาหยิบมาชิ้นหนึ่ง หน้ากากเบาเหมือนปีกจักจั่น ทำขึ้นมาอย่างละเอียดประณีต จินมู่มองเขาอย่างงงงวย หลังจากนั้นก็ได้สติกลับมา ถามอย่างตกใจว่า “ท่านอ๋องวางแผนจะไปด้วยตนเองหรือ” “ความลับของศาลาความลับแห่งสวรรค์นั้นสมควรที่จะถูกเปิดเผยให้ทั้งใต้หล้าได้รับรู้ ข้าเคยบอกแล้ว ถ้าหากอะไรที่ข้าใช้นั้นจะต้องดีที่สุด ถ้าหากข้าไม่สามารถใช้ได้ เช่นนั้นก็ข้าจะไม่เหลือโอกาสให้กับศัตรูเลย” โม่จื่อเฟิงสวมหน้ากากหนังมนุษย์ไปบนหน้าของตัวเอง หน้ากากหนังมนุษย์นั้นเหมือนยืดหยุ่นโดยอัตโนมัติอย่างไรอย่างนั้น แปะแนบชิ้นส่วนบนใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏใบหน้าของคนแปลกหน้าขึ้นมา “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยที่สุดการไปศาลาความลับแห่งสวรรค์ครั้งนี้ยังสามารถมีหญิงงามไปไหนมาไหนด้วยกัน” จินมู่ไม่ได้พูดอะไร ไปไหนมาไหนกับหญิงงาม หญิงงามคนนั้นจะต้องเป็นแม่นางหลินแน่นอน เปลี่ยนคนที่อยู่ข้างกายแล้ว ท่านอ๋องยังสนุกสนานขนาดนี้เลยหรือ แค่ประโยคนี้ที่จินมู่ไม่กล้าพูดออกมา เรื่องบางเรื่อง เวลาที่ตัวเขาเองก็ยังไม่ยอมรับ ยิ่งคนอื่นพูดออกมาก็กลับยิ่งเพิ่มความวุ่นวายให้กลับตัวเองมากกว่าเดิม ที่ตั้งของศาลาความลับแห่งสวรรค์อยู่ห่างจากเมืองเฟิ่งซีแปดร้อยกว่าลี้ เมืองที่อยู่ใกล้ศาลาความลับแห่งสวรรค์ชื่อว่าเมืองหยู่ เมืองหยู่ไม่นับว่าเป็นเมืองที่เจริญ ถือว่าเป็นเมืองด้านในธรรมดาทั่วไป มีแม่น้ำใหญ่ไหลผ่านกลางเมือง เมืองถูกล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสี่ด้าน มียอดเขาที่งามพริ้งมีทิวทัศน์ที่สวยงามรามกับภาพวาด ดังนั้นเมืองหยู่จึงเป็นเมืองหนึ่งที่ปัญญาชนชอบไป รถม้าวิ่งไปห้าหกวันถึงจะเดินทางไปถึงเมืองหยู่ หลินซินเยียนกะว่าจะพักกับเอ่อร์ยาที่นี่หนึ่งคืน วันที่สองค่อยเดินทางไปศาลาความลับแห่งสวรรค์ต่อ ถึงอย่างไรก็ถึงเมืองหยู่แล้วศาลาความลับแห่งสวรรค์ก็อยู่ไม่ไกลแล้ว ภายในหนึ่งวันก็น่าจะถึง พวกนางไปที่โรงเตี๊ยมหลายแห่ง โรงเตี๊ยมทั้งหมดบอกว่าที่พักเต็มแล้ว ทำให้หลินซินเยียนประหลาดใจ โรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ใช่โรงเตี๊ยมที่มีชื่อเสียงอะไรมากจู่ๆก็เต็มขึ้นมา หรือว่าในเมืองจะมีงานอะไรหรือเปล่า กว่าจะหาโรงเตี๊ยมที่มีห้องว่างให้พักได้นั้นไม่ง่ายเลย หลินซินเยียนและเอ่อร์ยาเหนื่อยจนแทบจะหลับ ระหว่างที่พวกเขารอเสี่ยวเอ่อร์นำน้ำร้อนมาส่ง หลินซินเยียนก็ถือโอกาสถามคำถามที่อยู่ในใจออกมา “พี่ชาย วันนี้ในเมืองมีงานอะไรหรือไม่ เหตุใดเกือบทุกโรงเตี๊ยมห้องพักจึงได้เต็ม” เสี่ยวเอ่อร์นำน้ำร้อนวางลง ยิ้มแป้นแล้วตอบ “ดูแล้วแม่นางสองคนคงมาไม่เคยมาที่เหมืองหยู่แห่งนี้ แต่ว่าพวกท่านเคยได้ยินเรื่องของศาลาความลับแห่งสวรรค์บ้างหรือไม่ นั่นก็คือศาลาความลับแห่งสวรรค์ที่มีชื่อเสียงเรื่องการออกแบบเล่ห์กลและผลิตอาวุธอย่างไรเล่า” “ศาลาความลับแห่งสวรรค์หรือ แน่นอนว่าเคยได้ยินมาก่อน ทำไมหรือ งานนี้เกี่ยวกับศาลาความลับแห่งสวรรค์หรือ” หลินซินเยียนถามอีกครั้งอย่างไม่มีชีวิตชีวา “ไม่ใช่หรอก ทุกๆสามปีศาลาความลับแห่งสวรรค์จะรับลูกศิษย์จากข้างนอก อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ศาลาความลับแห่งสวรรค์เปิดรับลูกศิษย์แล้ว ดังนั้นคนจากทั่วทุกสารทิศจำนวนมากก็จะเดินทางมาเข้าร่วมเป็นธรรมดา ช่างฝีมือที่มาจากศาลาความลับแห่งสวรรค์นั้น ถ้าหากว่าข้าอยากเป็นช่างฝีมือละก็ข้าก็จะไปลองดู วันนี้ศาลาความลับแห่งสวรรค์กำลังรุ่งโรจน์ เช่นนั้นก็คงอยู่ห่างจากการควบอาชาทะยานฟ้าไม่ไกลหรอก ” ใบหน้าของเสี่ยวเอ่อร์เต็มไปด้วยความอิจฉา แล้วก็ส่ายหัว “น่าเสียดาย เรื่องแบบนี้สำหรับข้าแล้วเป็นเรื่องที่ไม่เชี่ยวชาญเอาเสียเลย และยังไม่รู้ว่าปีนี้จะมีผู้โชคดีพวกนั้นได้เข้าไปในศาลาความลับแห่งสวรรค์” เสี่ยวเอ่อร์ส่ายหัวแล้วเดินออกไป เอ่อร์ยาเทน้ำร้อนลงไปในอ่างเพื่อเตรียมปรนนิบัติหลินซินเยียนให้ล้างหน้าบ้วนปาก แล้วก็หันไปเป็นหลินซินเยียนกำลังสติล่องลอย “แม่นาง ท่านคิดอะไรอยู่หรือ” 
已经是最新一章了
加载中