ตอนที่156ยื่นมือช่วย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่156ยื่นมือช่วย
ต๭นที่156ยื่นมือช่วย นายพรานพยักหน้า“ใช่แล้วบางแผลนี่ต้องได้รับการรักษาแต่บนภูเขานี้ไม่มีหมอหากบาดแผลธรรมดาข้ายังฝืนรักษาให้ได้แต่บาดแผลที่ร้ายแรงขนาดนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะลงมือรักษาอย่างไร” หญิงชรารู้สึกหวาดกลัวแต่กลับมีจิตใจดี“เช่นนั้นพวกเรารีบส่งไปในหมู่บ้านแต่จากที่นี่ไปหมู่บ้านต้องใช้เวลา2ชั่วยามไม่รู้ว่าเขาจะสามารถทนไหวหรือไม่” “อื้มข้าว่าทำได้เพียงแค่นี้ข้าจำได้ตอนที่บุตรชายของข้าได้รับบาดเจ็บครั้งก่อนได้ยาจินชวงที่ซื้อกลับมายังมีเหลืออยู่ข้าจะไปเอามาใส่บาดแผลให้เขาพวกเรารีบล้างเนื้อล้างตัวให้เขาก่อนจากนั้นข้าจะรีบพาเขาไปในหมู่บ้าน”นายพรานมีนัยต์ตาดุร้ายปากพูดว่าเป็นคนใจดีไม่ว่าจะเป็นใครไม่ว่าบาดแผลของเขาจะเป็นอย่างไรแต่ชีวิตของคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาไม่มีทางที่เขาจะนั่งดูเฉยๆโดยที่ไม่ยื่นมือไปช่วย นายพรานไปหยิบยาจินชวงมาส่วนหญิงชราก็ถือผ้าสะอาดมาแต่บาดแผลของคนผู้นี้ดูเหวอะหวะน่าหวาดกลัวจนเกินไปหญิงชรารู้สึกกลัวไม่กล้าทำความสะอาดให้หลินซีนเยียนจึงรับผ้าขาวในมือของนางมาแล้วไปเช็ดบาดแผลให้กับคนผู้นั้น นิ้วมือของนางเพิ่งจะสัมผัสโดนแขนของคนผู้นั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจนลืมตาขึ้นมาจ้องถมึงทึงไปที่หลินซีนเยียนแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา“ข้าทนได้ไม่ถึง2ชั่วยาม!ก็ทำแผลให้ข้าตรงนี้!” ที่แท้เขาก็ได้ยินที่พวกเธอวางแผนกัน “ข้าทำแผลไม่เป็นพวกเขาก็ไม่เป็น”หลินซีนเยียนขมวดคิ้วมือของคนผู้นี้แรงเยอะมากภายใต้สถานการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บยังสามารถจับข้อมือของเธอจนรู้สึกเจ็บปวดได้ขนาดนี้ คนผู้นั้นหายใจหอบอย่างรุนแรงอยู่หลายครั้งราวกับว่ารู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผล“ข้าจะบอกให้เจ้าทำเอง!” หลินซีนเยียนเห็นเขายืนกรานมาขนาดนี้ในสายตาของเขาคล้ายกับไม่มีความหวาดกลัวใดๆอยากจะรู้นักหากไม่มียาชาเมื่อทำแผลไปทั้งอย่างนี้คงจะเจ็บปวดอย่างมากโดยเฉพาะบาดแผลของเขาที่น่ากลัวขนาดนี้ด้วยแล้วมันคงจะเจ็บยันกระดูกอย่างแน่นอน แต่ว่าเขายืนกรานจะให้ทำบาดแผลทันที หลินซีนเยียนพลันเข้าใจนี่คงเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าเพื่อจะมีชีวิตอยู่รอดของเขาเขาถึงเลือกวิธีที่ทรมานที่สุดงั้นเธอควรจะเคารพในการตัดสินใจของเขา “ได้”หลังจากที่หลินซีนเยียนขาบรับเขาก็ปล่อยมือเธอทันที นายพรานรีบไปหยิบยาจินชวงมาให้ยาจินชวงนั่นห่ออยู่ในกระดาษเมื่อเขาเปิดออกมายาที่อยู่ข้างในมีก้อนเล็กๆยาจินชวงแค่นี้ไปโปะอยู่บนแผลที่เหวอะหวะเช่นนี้มันจะไปได้ผลได้อย่างไรกัน นายพรานกำลังจะเอายาไปโปะบนบาดแผลแต่คนผู้นั้นกลับส่ายหน้า“อย่าเพิ่ง!ทำแผลเสร็จก่อนค่อยใส่ยา” “ทำแผลหรือ?”เมื่อนายพรานได้ยินก็ตกใจจนตาของเขาเบิกโพลง หลินซีนเยียนเอาคำขอร้องของคนผู้นั้นบอกแกนายพรานเมื่อเขาได้ยินก็โบกมือปัด“ไม่อยากอยู่แล้วหรือไงบาดแผลใหญ่ขนาดนี้จะไปทำแผลได้อย่างไรให้ข้าฆ่าแกะฆ่าเสือยังดีกว่าให้ทำแผลนี่หรือข้าไม่กล้าลงมือเลยจริงๆ” ที่นี่มีผู้ชายเพียงคนเดียวก็คือนายพรานแต่เขาไม่กล้าลงมือสายตาของคนผู้นั้นเคลื่อนมาหาหลินซีนเยียน มุมปากหลินซีนเยียนกระตุกขึ้นเห็นว่าเธอดูใจเย็นหรือไง?ดังนั้นถึงกล้า‘เชื่อใจ’เธอขนาดนี้? “เจ้าทำแล้วกัน!”คนผู้นั้นเอ่ยอย่างไม่ลังเล หลินซีนเยียนมองไปนายพรานที่กำลังหลบสายตาหนีแล้วมองไปยังหญิงชราที่ตกใจจนไม่กล้าแม้จะลืมตาขึ้นมาเธอถอนหายใจแล้วพยักหน้า“ได้ข้าทำเองแต่ข้าไม่ชำนาญนักหากทำแผลให้เจ้าไม่ดีแล้วทำให้เจ้าตายเจ้าอย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน” คนผู้นั้นไม่ได้พูดอะไรเพียงพยักหน้าลงอย่างเบาๆ คนผู้นั้นสั่งให้นายพรานไปหยิบเหล้าและหามีดเล็กและแหลมคมมาหนึ่งเล่มหญิงชราก็ไปต้มน้ำร้อนในห้องครัว เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมเสร็จแล้วคนผู้นั้นก็สั่งให้หลินซีนเยียนจุดไฟใส่เหล้าแล้วใช้มีดเล็กไปแช่ไฟจากนั้นก็นำมีดเล็กกรีดลงบาดแผลที่แขนของคนผู้นั้นเธอตั้งใจทำอย่างมากนิ้วมือเร็วยาวขาวผ่องและบาดแผลที่เหวอะหวะก่อให้เกิดการเปรียบเทียบอย่างชัดเจน ประหนึ่งหญิงงามกับสัตว์ป่าดุร้ายภาพรวมทั้งหมดล้วนเป็นการตัดกันด้วยโทนสีในรูปแบบหนึ่งมันเผยให้เห็นถึงความสวยงามพราวไปด้วยเสน่ห์ “เอามาออก”ชายผู้นั้นใช้มือข้างหนึ่งหยิบกิ่งไม้ขึ้นมากัดเอาไว้ในปาก เมื่อหลินซีนเยียนมองเห็นฟันอันแหลมคมที่ฝังอยู่ในกระดูกของเขาก็รู้สึกหน้าชาไปทันทีแต่ก็ยังยื่นมือไปเพื่อหยิบฟันอันแหลมคมนั้นที่ฝังอยู่ในเนื้อของเขาเลือดสดแดงฉานที่ไหลออกจากบาดแผลของเขาได้เปรอะเปื้อนไปทั่วนิ้วมือของเธอความรู้สึกที่ได้สัมผัสเองแบบนี้ทำให้ตัวสั่นไปทั้งตัว แต่หลินซีนเยียนกัดฟันแน่นแล้วดึงออกมาอย่างแรง! เลือดสดแดงฉานสาดกระเด็นไปที่ใบหน้าขาวผ่องของเธอมีหยดหนึ่งที่กระเด็นไปอยู่หว่างคิ้วของธอสีแดงฉานนั้นราวกับเป็นดอกไม้สวยสดที่บานสะพรั่งเดิมใบหน้าของเธอนั้นงามล่มเมืองอยู่แล้วเมื่อได้แต้มเติมเข้าไปกลับยิ่งสวยงดงามพราวเสน่ห์ แม้จะผ่านไปหลายปีต่อจากนี้เขาก็ยังคงจดจำฉากที่งดงามแบบนี้ได้ “เอาออกมาแล้ว”หลินซีนเยียนถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกเพียงแต่ในใจรู้สึกหวาดกลัวแต่โชคดีเธอรู้ว่าในเวลานี้ความหวาดกลัวใดๆล้วนเป็นเรื่องเกินกว่าเหตุดังนั้นมือของเธอก็ไม่สั่นเลยสักนิด ชายผู้นั้นเจ็บจนเหงื่อโชกไปทั้งตัวกิ่งไม้ที่เขากัดอยู่ในปากก็หักออกเป็น2ท่อนแล้วเขาพยักหน้าลงอ่อนแรงสักพักก็เอ่ยอีกว่า“ตอนนี้ช่วยข้าทำพันแผลจากนั้นก็นำยาจินชวงมาใส่” “พันแผลเลยหรือ?”หลินซีนเยียนแม้จะไม่ใช่หมอแต่พอมีความรู้ทั่วไปอยู่บาดแผลแบบนี้ต้องเย็บก่อนถึงจะพันแผลได้ใช้เพียงยาจินชวงอันน้อยนิดนั่นก็สามารถทำให้เลือดหยุดไหลได้ยังไง? คนผู้นั้นจ้องเขม็งไปที่เธอ“ทำไมเจ้ามีความเห็นหรือ?” “ข้าว่ามันต้องเย็บแผลก่อนถึงจะพันแผลได้”สายตาดุดันของเขาหลินซีนเยียนเห็นแล้วไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิดแม้แต่เย็นชาที่น่าหวาดกลัวผิดมนุษย์มนาแบบโม่จื่อเฟิงเธอก็เคยเห็นมาแล้วยังจะมีสายตาที่น่ากลัวจนทำให้เธอตัวสั่นได้อีกเหรอ? คนผู้นั้นขมวดคิ้วพลันพยักหน้าลงทันที“ได้เอาตามที่เจ้าว่าก็แล้วกัน” แค่นี้เหรอ? หลินซีนเยียนคิดไม่ถึงว่าคนๆนี้จะว่าง่ายขนาดนี้เหมือนกับทั้งสองคนกำลังถกเถียงปัญหาที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเขาเข้าใจความหมายของการเย็บแผลหรือเปล่าเนี่ย?ไม่มียาชาจะให้เย็บแผลได้ยังไงความเจ็บปวดขนาดนี้ไม่มีคนธรรมดาที่ไหนเขาทนกันได้หรอกแต่พอเธอคิดย้อนกลับไปแม้แต่เอาฟันแหลมคมที่ฝังในกระดูกของเขาออกมาเขาก็ยังทนได้เลยแค่เย็บแผลเขาก็น่าจะทนได้เหมือนกัน แต่ว่าเขาเชื่อใจเธอมากขนาดนี้ทำให้ในใจของเธอรู้สึกชื่นชม เมื่อได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของร่างแล้วหลินซีนเยียนก็ให้หญิงชราไปเตรียมเข็มกับด้ายมานางยังไม่เข้าใจว่าเธออยากจะทำอะไรกันแน่แต่ตอนที่เห็นเธอหยิบเข็มไปเย็บบนบาดแผลที่เหวอะหวะนั้นหญิงชราก็ตกใจร้องออกมาแล้วเอามือปิดตาทันที หลินซีนเยียนเย็บแผลให้อย่างตั้งใจทุกครั้งที่ลงเข็มล้วนระมัดระวังอย่างมากชายผู้นั้นจ้องใบหน้าของเธอตลอดไม่เห็นถึงความผิดพลาดเลยสักนิด หลังจากที่รู้ว่าเธอเย็บแผลเสร็จแล้วชายผู้นั้นถึงจะถอนสายตาของตนเองกลับ “เสร็จแล้วโดยปกติแล้วข้าไม่เก่งเรื่องงานเย็บปักถักร้อยดังนั้นรอยเย็บบาดแผลอาจจะดูน่าเกลียดไปหน่อยหวังว่าเจ้าจะไม่ถือสาอะไร”หลินซีนเยียนมองไปที่รอยเย็บที่คดเคี้ยวไปมาแม้ว่าจะเย็บแผลให้ติดกันแล้วแต่พอมองไปกลับน่าเกลียดอย่างมากแม้แต่เธอเองยังไม่กล้ามองไปตรงๆ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่”ชายผู้นั้นเอ่ยอย่างราบเรียบ หลินซีนเยียนพยักหน้าแล้วหยิบยาจินชวงใส่ลงบนแผลของเขาเพียงแค่สุขลักษณะของที่นี่จะดูเรียบง่ายจนเกินไปแม้ว่าบาดแผลจะรักษาเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ถ้าไม่ส่งถือมือหมอได้ทันเวลาหลังจากที่ติดเชื้อขึ้นมาเขาก็คงไม่รอดแน่ “หมิงฉี”จู่ๆชายผู้นั้นก็เอ่ยขึ้นมา2พยางค์ หลินซีนเยียนไม่เข้าใจเพียงจ้องไปที่เขาอย่างรู้สึกประหลาดใจ เขาเอ่ยอีกครั้ง“หมิงฉีชื่อของข้า” “อ๋อ....”หลินซีนเยียนยังคงไม่เข้าใจบทสนทนาที่จู่ๆเขาก็เอ่ยออกมา“ข้าชื่อหลัวเหยียน” “หลัวเหยียน....”ชายผู้นั้นพึมพำเอ่ย2คำนี้มุมปากปรากฏรอยยิ้มที่ไม่มีใครดูออก หลินซีนเยียนไม่เข้าใจรอยยิ้มที่แปลกประหลาดของเขาเธอกลับหันเอ่ยกับนายพรานที่อยู่ข้างๆ“ท่านลุงแม้บาดแผลจะรักษาดีแล้วแต่เขายังต้องพบหมอข้ารบกวนท่านพาเขาไปส่งที่หมู่บ้าน.....” “ไม่ต้อง!”จู่ๆหมิงฉีก็พูดตัดบทหลินซีนเยียนกลับหยิบหยกที่อยู่ในเสื้อออกมาแล้วส่งให้นายพรานคนนั้น“คนของข้าน่าจะออกตามหาข้าอยู่ท่านลุงเพียงถือหยกนี่แล้วไปยืนบนถนนคนของข้าย่อมตามท่านมาเมื่อคนของข้ามาแล้วก็จะมีคนมารักษาแผลให้ข้า” หยกนั่นเป็นสีเขียวมรกตมองดูก็รู้สึกว่ามันประมาณค่ามิได้แต่เขากลับมอบให้นายพรานไปอย่างนั้นเห็นได้ชัดว่าคนเชื่อใจนายพรานอย่างมาก นายพรานคนนั้นดูหยกไม่เป็นแต่ก็รู้ว่ามันแพงมากเขาเพียงรับหยกมาแล้วเดินลงเขาไป หญิงชรากับหลินซีนเยียนช่วยกันพยุงหมิงฉีเข้าไปพักผ่อนในบ้าน เมื่อผ่านช่วงความทรมานไปก็ใกล้จะเย็นแล้วหลินซีนเยียนมองดูท้องฟ้าแล้วถอนหายใจออกมาทันทีท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วหากตอนนี้เธอลงเขาไปด้วยแรงขาของเธอแล้วคงจะเดินไปไม่ถึงหมู่บ้านถัดไปได้แน่จะว่าไปหากทิ้งให้หญิงชราดูแลหมิงฉีอยู่คนเดียวก็เกรงว่าจะยุ่งยากจนทำอะไรไม่ถูกดูเหมือนว่าต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกคืนแน่ ตามที่หมิงฉีบอกนายพรานได้ลงเขาแล้วยืนบนถนนผ่านไปไม่นานก็มีคนมาหาเขายังถามหาถึงที่มาของหยกนายพรายก็รีบบอกเรื่องที่หมิงฉีได้รับบาดเจ็บทันที เมื่อรอนายพรานกลับมาด้านหลังของเขาก็มีชายฉกรรจ์ในชุดเครื่องแบบอีก7-8คนตามมาด้วยชายฉกรรจ์เหล่านั้นพอเห็นหมิงฉีที่นอนอยู่บนเตียงต่างก็มีใบหน้าตื่นตระหนกพวกเขาก็นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเตียงพร้อมเพรียงกัน “ข้าน้อยมาช้าไปนายท่านโปรดให้อภัยด้วย!” มุมปากของหลินซีนเยียนกระตุกขึ้นในสังคมศักดินามักจะได้ยินบนพูดของข้าน้อยที่เอ่ยยอมรับผิดแบบนี้ตลอด หมิงฉีโบกมือปัดแล้วเอ่ยขึ้น“ช่างเถอะไม่ต้องกล่าวให้มากความตอนนี้จะมัวเสียเวลาไม่ได้รีบพยุงข้าขึ้นพวกเราต้องไปกลับไปเมืองลั่วเฉิงภายในครึ่งเดือนนี้” “ขอรับ!”เหล่าชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบก็ขานรับทันทีมีคนที่อยู่หน้าสุดไปพยุงหมิงฉีอย่างระมัดระวัง จู่ๆสายตาของหลินซีนเยียนก็สว่างขึ้นมาทันทีไม่รอช้าที่เอ่ยปากถาม“พวกเจ้าจะไปเมืองลั่วเฉิงหรือ?” หมิงฉีมองไปที่เธอแล้วถามกลับ“ทำไมหรือ?” “เอ่อ...พวกเจ้ามีรถม้าหรือไม่?”เมืองลั่วเฉิงเป็นเมืองหลวงอาณาจักรเป่ยหมิงในระยะทางที่ยาวไกลเธอเดินทางคนเดียวคงไม่ปลอดภัยนักแต่เหล่าพวกนี้ก็ดูไม่ธรรมดาแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือถ้าหากมีรถม้าล่ะก็เธอจะขอติดรถไปด้วย 
已经是最新一章了
加载中