ตอนที่ 161 ลำแขน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 161 ลำแขน
ต๭นที่ 161 ลำแขน หลินซินเยียนยิ้มเหยเก ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดึงระยะห่างระหว่างคนสองคนให้อยู่ในช่วงปลอดภัย เนื่องจากการวิ่งที่หนักหน่วง นาทีนี้สีหน้าของนางค่อนข้างซีดเผือด ท้องไส้ก็เจ็บแปลบปั่นป่วน ทว่าหากเปรียบกับของเหล่านี้ นางเป็นกังวลว่าจะสามารถช่วนชีวิตเฉินซานได้หรือไม่มากยิ่งกว่า “ไปเถิด พวกเราไปดูอาการเฉินซานกัน” หมิงฉีเห็นแวววิตกบนใบหน้าของนาง จ้ำเท้าก้าวออกไปยังข้างนอก ย่างก้าวของหลินซินเยียนกลับไม่ขยับเขยื้อน “องค์ชายหมิง โปรดประทานอภัย ร่างกายข้าไม่สู้ดีนัก เมื่อครู่วิ่งกระหอบกลับมา ครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ไม่น้อย หากว่าท่านอนุญาต ข้าอยากกลับไปพักผ่อนที่เรือน” หมิงฉีจ้องดวงหน้านางด้วยสายตาลึกซึ้งมีเลศนัย และไม่รู้ว่านางกำลังขบคิดอะไรอยู่ ครู่ใหญ่ให้หลังยังไม่เอ่ยปาก ทำเพียงแค่พยักศีรษะเบาๆ หลินซินเยียนย่อกายไปทางเขา ซ้ำยังส่งยิ้มแห้งเหือดให้ผู้หญิงที่อย่างข้างหลังเขา ก่อนจะหมุนกายเดินออกไป ทันใดนั้น หมิงชิงเพิ่งจะระลึกขึ้นได้ว่าภายในห้องนี้ยังมีหญฺงสาวที่แต่งองค์ทรงเครื่องน่าหลงใหลชวนมองอยู่หนึ่งนาง พอเห็นว่าหลิฯซินเยียนหมุนกายออกไป เขาจึงเรียกนางไว้อย่างเหนือความคาดหมาย “นี่! ข้ากับนางไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ” หลินซินเยียนชะงักฝีเท้าครู่หนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างเอื่อยเฉื่อย “เรื่องรักใคร่ชายหญิงเท่านั้น องค์ชายหมิงไม่จำเป็นต้องอธิบาย ข้าพอเข้าใจได้ และอีกอย่างข้าจะไม่หัวเราะเยาะท่าน” หลังจากเอ่ยจบ หลินซินเยียนก็หมุนกายกลับเข้าเรือนของตน ทิ้งให้หมิงฉีมีสีหน้าพะอืดพะอมประหนึ่งกินแมลงวันเข้าไปก็ไม่ปาน “ยังไม่ไปอีก” หมิงฉีจ้องหญิงสาวน่าหลงใหลนางนั้นด้วยแววเย็นเยียบ เอาความเพลิงโทสะกลางใจแสดงออกไปยังเรือนร่างของนาง หญิงสาวนางนั้นย่อกายคำนับเสร็จก็รีบถอนตัวไป หลินซินเยียนกลับถึงภายในเรือนพัก รีบรุดหน้าไปยังหลังฉากกั้นถอดกางเกงออกตรวจสอบ เห็นว่าบนกางเกงไม่มีรอยตกเลือดที่ชัดเจน หัวใจจึงสงบลง นางกระวีกระวาดกลับไปเอนกายพักผ่อนบนเตียง นางลูบท้องตนเองแผ่วเบา พึมพำอย่างอดไม่ได้ “ดูแล้วเจ้าก็เป็นเด็กที่แข็งแรงคนหนึ่ง รู้ว่าแม่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เจ้ารู้ความอย่างที่ไม่สร้างความวุ่นวายให้แม่ รอเจ้าคลอดแล้ว จะต้องเป็นทูตสวรรค์น้อยๆ ของแม่เป็นแน่” สำหรับเฉินซาน เกรงว่านางตามคนกู้ภัยเหล่านั้นไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้แม้สักนิด ตอนนี้ นางทำได้เพียงภาวนาให้เขาอย่างเงียบๆ แต่ว่าที่โชคดีก็คือ เฉินซานยังคงมีชีวิตรอด ประมาณครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น คนที่ออกไปช่วยชีวิตเฉินซานกลับมาแล้ว เพียงแต่ว่า เฉินซานที่ถูกนำตัวกลับมาได้เสียแขนไปแล้วหนึ่งข้าง เขาอยู่ในภาวะหมดสติ แพทย์มัดห้ามเลือดให้เขาเสร็จแล้วก็ถอนตัวทันที มีคู่หูของเขาที่นั่งเฝ้าหน้าเตียงอยู่ตลอดเวลา ยามที่หลินซินเยียนได้ยินก็รุดมายังห้องของเขา เห็นเฉินซานที่นอนอยู่บนเตียงเสียแขนไปข้างหนึ่ง ชั่วขณะนั้น ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานได้ถาโถมสู่ต่อความรู้สึกของนาง คนเป็นๆ ที่ยังมีชีวิต กลับถูกตัดลำแขน เช่นนี้ต่อไปคงเป็นได้เพียงคนทุพพลภาพ มิหนำซ้ำทั้งหมดนี้ล้วนเพราะนางเป็นตัวต้นเหตุ ในลำคอของนางมีก้อนสะอึก เดินไปหยุดบริเวฯด้านหน้าเตียงของเฉินซานโค้งคำนับหนึ่งที โดยไม่สนว่าเขาจะมองเห็นหรือไม่ นางเอ่ยพลางสะอื้น “ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ...” ชายที่เฝ้าอยู่บริเวณหน้าเตียงของเฉินซานเห็นนางมีปฏิกิริยาเช่นนี้ กลับไม่มีสีหน้าเป็นมิตรให้นาง “เจ้าสมควรขอโทษ แขนของเขาขาดไปแล้ว ยังได้รับโทษจากนายท่านอีก นายท่านจะไว้ชีวิตเขาหรือไม่ยังไม่อาจบอกได้ หากว่าเขาตายไปล้วนเป็นเพราะเจ้า เจ้าอยู่ที่เรือนพักดีๆ ไม่ได้หรือ เหตุใดต้องตามเขาออกไป รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่อาณาจักรเป่ยหมิง ไม่ใช่แดนอาคมของพวกเรา เจ้ายังต้องการให้เขาพาเจ้าออกไป แต่ไหนแต่ไรเขาเป็นคนที่พละอ่อน...” เขากล่าวประโยคนี้ ภายในใจของหลินซินเยียนสำนึกผิดเหลือคณาจนฟังไม่ค่อยถนัด เพียงแต่ประโยคที่เขาพูดว่านายท่านยังจะลงโทษเฉินซานนั้น นางได้ยินแล้ว “เจ้าพูดว่านายท่านเรือนเจ้ายังจะลงโทษเขา เพราะเหตุใดกัน” “พวกเรามาแคว้นหนานเยว่แบบเงียบๆ ทุกอย่างล้วนแต่เป็นความลับ ขณะนี้มีเรื่องอึกทึกครึกโครมบนท้องตลาด ไม่ใช่ว่าทำให้สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่พวกเรารึ นี่ก็คือความผิด หากนายท่านมีอันเป็นไปเพราะเหตุครั้งนี้ ต่อให้ตายสักหมื่นครั้งก็ยังไม่สาสม” หลินซินเยียนแทบจะรับไม่ได้กับความจริงข้อนี้ แรกเริ่มนางคิดว่าเรื่องนั้นแสนจะธรรมดา แต่ผลกลับปลายบานร้ายแรงถึงเพียงนี้ นางอึดอัดหัวใจเล็กน้อย ทว่าก็รู้ ไม่สามารถให้เฉินซานได้รับโทษเพราะเหตุครั้งนี้โดยเด็ดขาด นอกจากที่พักของเฉินซานแล้ว นางยังตรงไปตำหนักของหมิงฉี นางเคาะประตู ข้างในไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ นางยืนบริเวณหน้าประตู ตะโกนเสียงดังลั่น “หมิงฉี ข้ารู้ว่าท่านยังไม่หลับ ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน!” รออยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดประตูห้องก็ถูกเปิดออก หมิงฉีสวมชุดบรรทมดึงประตูให้เปิดออก ยามที่เห็นหลินซินเยียนก็ยิ้มรอยยิ้มชั่วร้าย หลินซินเยียนไม่ได้ให้ความสนใจกับรอยยิ้มของเขา และไม่มีความเขินอายยามที่เห็นชายชาตรีสวมชุดนอนเฉกเช่นหญิงสาวคนอื่น ชุดนอนสมัยก่อนนี้ แต่ว่าล้วนปกปิดอะไรต่อมิอะไรมิดชิด ล้วนไม่มีอะไรให้ใจระส่ำหน้าแดงก่ำทั้งสิ้น “ดึกดื่นค่อนคืนขนาดนี้ เจ้าเป็นสาวเป็นนางวิ่งกระหอบมายังห้องข้าบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับข้า...” รอยยิ้มของหมิงฉียิ่งดูชั่วร้ายเข้าไปอีก จากนั้นจึงถอยไปด้านข้างหนึ่งก้าว ส่งสายตาให้นาง ความหมายมันแสนจะชัดเจน นั่นก็คือให้นางเข้าไปข้างใน ผู้หญิงเถรตรงคนหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงยามค่ำคืน กลางวันก็มิอาจย่ำกรายเข้ามาในห้องของชายชาตรี ยิ่งมิต้องกล่าวถึงสถานการณ์ที่คนสองคนซึ่งอยู่กันโดยลำพัง เขานึกไม่ถึงว่าหลินซินเยียนจะเดินเจ้าไปโดยปราศจากความขวนเขินแม้แต่น้อย ชั่วขณะนั้น รอยยิ้มของเขาเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แต่ว่าไม่นานนัก็กลับมาเป็นปกติเฉกเช่นเดิม “หมิงฉี ข้าเคยช่วยชีวิตท่านครั้งหนึ่ง ข้าหวังว่าท่านจะรู้จักการตอบแทนบุญคุณ” พอหมิงฉีได้ฟังก็เอียงคอหัวร่ออยู่ครู่ “ข้าว่านะหลัวเหยียน อ้อ...ไม่สิ บางทีหลัวเหยียนก็คงไม่ใช่นามที่แท้จริงของเจ้า แต่ว่าข้าไม่สนใจหรอก เจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าให้เจ้าขึ้นรถมาด้วยโดยง่ายเพราะว่าประสงค์ดี ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่ากำลังหลบหนีอันใดอยู่ ทว่า ผู้หญิงตัวคนเดียวเช่นเจ้าหนีจากบ้านเกิดเมืองนอนจะต้องมีจุดประสงค์อะไรเป็นแน่ และยิ่งไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายอะไรขึ้นต่อไป ข้าให้การดูแลเจ้า ซ้ำยังคุ้มกันเจ้าไปส่งยังเมืองลั่ว เช่นนี้ยังไม่นับว่าเป็นการแทนคุณอีกรึ หากว่าไม่ใช่เพราะเจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถขึ้นรถม้าของข้าได้อย่างนั้นหรือ” “เช่นนั้นนับแต่พรุ่งนี้ไป ข้าจะไม่เดินทางไปกับพวกท่าน ขอเพียงแค่ท่านยินยอมรับปากกับข้าหนึ่งข้อ” หลินซินเยียนขบคิด กัดฟันเอื้อนเอ่ย หมิงฉีเงียบขรึมลงครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการสิ่งใด” “สิ่งที่ข้าต้องการนั้นง่ายยิ่งนัก สำหรับท่านแล้วนับว่าง่าย ขอเพียงแค่ท่านไม่ทำให้เฉินซานลำบาก” หลินซินเยียนรีบเอ่ยสิ่งที่ตนคิดออกมา “เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง ไม่เกี่ยวกับเฉินซาน ยิ่งกว่านั้นท้ายที่สุดแล้วปัญหาก็ล้วนแต่เกิดจากท่านทั้งสิ้น” หมิงฉีชี้เข้าที่ใบหน้าของตน พลางหัวเราะอย่างงงงวย “เรื่องนี้เกี่ยวกับข้าอย่างไร” “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าข้างห้องของพวกเรายังมีนางโลม เหตุไฉนข้าต้องวิ่งหนีด้วยความกระดากอายเช่นนั้นด้วย” กล่าวถึงข้อนี้ หลินซินเยียนก็รู้สึกบันดาลโทสะ หากไม่ใช่เพราะเขาถือวิสาสะเข้ามา ทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ในที่สุดหมิงชี้ก็ไร้คำจะเอ่ย โทโสสียจนต้องข่มอารมณ์เอาไว้ เขากัดฟันกรอดพลางเอ่ยเสียงต่ำกึกก้อง “ข้าเคยบอกแล้ว ข้ากับผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ข้าไม่ได้เลวทรามอย่างที่เจ้าคิด อีกอย่าง เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร ข้าจะต้องการเรือนร่างสกปรกของพวกผู้หญิงในซ่องพวกนั้นรึ น่าขัน!”
已经是最新一章了
加载中