ตอนที่ 162 โง่งม หรือว่า ภักดี
1/
ตอนที่ 162 โง่งม หรือว่า ภักดี
ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 162 โง่งม หรือว่า ภักดี
ตนที่ 162 โง่งม หรือว่า ภักดี หลินซินเยียนเองก็คาดไม่ถึง สิ่งสำคัญที่เขาแยแสคือข้อนี้ นางพูดถึงประเด็นของแนซานไม่ใช่หรอกหรือ นางไม่ได้สนใจเรื่องที่เขาจะไปหยอกล้อกับผู้หญิงเลยสักนิด! “ข้า...” นางอยากจะแถลงข้อนี้ คำพูดยังเอ่ยไม่ทันจบ ก็เห็นว่าหมิงฉีบีบคางนางขึ้น จากนั้นก็บังคับให้นางสบตากับเขา เขาขยับกายไปข้างหน้า ดึงระยะห่างระหว่างให้ใกล้ขึ้น แม้กระทั่งเวลานี้ นางล้วนรับรู้ได้ถึงลมหายใจหนักแน่นของเขา “ผู้หญิง ข้าผู้นี้มีข้อแม้อยู่หนึ่งอย่าง หากมิใช่หญิงพรหมจรรย์ข้าไม่แตะ เข้าใจไหม” หมิงฉีเอ่ยประโยคนี้อย่างเย็นชา หลินซินเยียนกลับผ่อนลมหายใจหนึ่งเฮือก หากว่าเขามีความจุกจิกในเรื่องนี้ล่ะก็ นางรู้วึกปรีติเป็นอย่างมาก อย่างน้อยสำหรับนางแล้ว นับว่าปลอดภัย บางทีอาจจะมีศักยภาพ ความกล้าหาญของนางได้หวนกลับมาอีกครั้ง นางสลัดมืองของเขาออก เอ่ยอย่างมีพละกำลัง “ข้าไม่สนว่าท่านจะชอบผู้หญิงแบบไหน ข้าเพียงหวังว่าท่านจะปล่อนเฉินซานไป ส่วนเรื่องที่ท่านและผู้หญิงนางนั้นทำอะไรกัน หมิงฉี ข้าไม่อยากรู้จริงๆ และก็ไม่มีความสนใจใคร่รู้!” น้ำเสียงและท่าทางการพูดของนางดูไม่เหมือนล้อเล่น โดยเฉพาะสายของนาง ปราศจากความแยแสในเรื่องโดยสิ้นเชิง ก็ไม่รู้ว่าเหตุนี้จะทำลายศักดิ์ศรีสูงส่งของหมิงฉีลงหรือไม่ กล่าวคือ สีหน้าของเขานั้นแสนจะปั้นยาก ครู่ใหญ่ต่อมาเขาพลันหัวเราะชั่วร้ายขึ้น จากนั้นก็ดึงหลินซินเยียนเข้ามาในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว มือของเขาไล้บริเวณเอวบางของนาง “หรือไม่ เจ้าอยู่กับข้าสักหนึ่งคืน ข้าจะปล่อยเขา” ผู้ชาย ล้วนเป็นสัตว์ที่ใช้แต่อวัยวะส่วนล่างในการขบคิดหรืออย่างไร ไฉนยามที่ผู้ชายทุกคนพบเจอนาง ต่างก็ต้องการแต่เรือนร่างของนาง หลินซินเยียนรู้สึกขบขัน จึงหัวเราะออกมาจริงๆ เพียงแต่ยามที่รอยยิ้มนั้นฉีกกว้างจนกว้างกว่านี้มิได้ นางยกมือขึ้นตบเข้าที่ใบหน้าของหมิงฉี แรงตบนี้ทั้งรวดเร็วและหนักแน่น ทำให้หมิงฉีเรียกสติกลับมามิได้ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ผู้หญิงนางหนึ่งบังอาจตบหน้าเขา ไม่สิ...พูดให้ถูกคือ นางเป็น ‘คนแรก’ ที่กล้าตบหน้าเขา หมิงฉีกำลังเดือดดาล ทว่าได้ยินนางหัวเราะผิดวิสัย กล่าวอย่างนุ่มนวล “องค์ชายหมิง เกรงว่าต้องขออภัย ข้าไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ เดาว่าคงไม่สามารถปรนนิบัติท่านได้” เอ่ยประโยคนี้จบนางก็หมุนกายออกจากการเกาะกุมของเขาแล้วจากไปทันที หมิงฉีไม่ได้ตามออกมา และก็ไม่ได้โหวกเหวกโวยวาย ยิ่งมิได้คว้างปาทำลายสิ่งของ ภายในสวนเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่ลม “ไม่บริสุทธิ์...” สี่คำนี้ วนเวียนอยู่ในหัวของหมิงฉี แม้แต่เขายังไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าถอดสีของตน เช้ามืดของวันถัดมา หลินซินเยียนลุกขึ้นตื่นแต่เช้าตรู่ นางไปตรงดูเฉินซานที่ห้องของเขาก่อนเป็นอันดับแรก เฉินซานยังคงไม่ได้สติ ไม่มีวี่แววที่จะฟื้นโดยสิ้นเชิง ภายในห้องมีเพียงเด็กรับใช้ที่หลับผงกศีรษะโงนเงนนั่งเฝ้าเขา หลินซินเยียนปลุกให้เด็กรับใช้ตื่น หลังจากสอบถามจึงรู้ว่าคนของหมิงฉีให้เงินค่าห้องหนึ่งเดือนแก่เขาแทนเฉินซาน ระยะเวลาสั้นๆ นี้จึงให้เด็กรับใช้มาดูแลเขา พวกเขา...ที่แท้ก็วางแผนทิ้งเฉินซานไว้ที่นี่ให้เป็นไปตามยถากรรม หลินซินเยียนรู้สึกโกรธ กำหมัดแน่นอย่างห้ามไม่ได้ พวกเขาให้เวลาเฉินซานหนึ่งเดือน ถ้าหากว่าภายในเวลาหนึ่งเดือนเฉินซานยังไม่ฟื้นขึ้นมา เขาก็ต้องตายอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ พวกเขาไม่กังวลว่าเด็กรับใช้นี้จะทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่ จะป้อนข้าวเขาตรงเวลาหรือเปล่า จะป้อนยาเขาตรงเวลาหรือไม่เช่นนั้นหรือ ยิ่งไปกว่านั้นคือ หลังจากที่พวกเขาออกจากที่นี่ไปแล้วเขาจะทิ้งเฉินซานไว้ในเรือนพักแขกนี้หรือไม่ พวกเขาไม่กังวล เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการคนที่ไร้ประโยชน์ ผู้อ่อนแอย่อมเป็นหยื่อของผู้แข็งแกร่ง ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด นี่คือกฎเหล็กของพวกเขา ทว่าสำหรับหลินซินเยียนแล้วกลับเป็นประดุจอสูรกายก็ปาน “แม่นางหลัวเหยียน นายท่านให้ข้ามาตามท่าน พวกเราจัดเตรียมสัมภาะเตรียมออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว เอกสารผ่านเข้าเมืองก็ได้จัดเตรียมจนพร้อม สักครู่ก็สามารถผ่านจุดตรวจไปได้” คู่หูที่คอยเฝ้าเฉินซานเมื่อคืนวานเดินมายังหน้าประตู แต่กลับมิได้เข้ามาในห้อง ยิ่งมิได้เหลือบมองไปทางเฉินซานเลย ก็มิรู้ว่าเป็นเพราะหวาดเกรงหรือว่าทรมานกันใจแน่ แม้กระทั่งสายตาของเขายังมิได้เสมองไปทางเฉินซานแม้แต่น้อย หลินซินเยียนส่งเสียงเย็นเยียบ ชี้ไปยังเฉินซานที่อยู่บนเตียงพลางถาม “อะไร ไม่นำตัวพี่น้องที่พร้อมเป็นพร้อมตายกับเจ้าไปด้วยกันหรือ” ประโยคนี้ ทำให้ผู้ที่ยืนอยู่ตรงประตูหน้าแดงก่ำครู่หนึ่ง เขาขยับริมฝีปาก ทว่าสุดท้ายกลับไม่ได้อธิบายอันใด มีเพียงใบหน้าที่ขึ้นเลือด เอ่ยพร้อมกัดฟันกรอด “แม่นางหลัว นายท่านให้ข้ามาเรียกท่าน!” “ข้ากำลังถามเจ้าว่าเหตุใดจึงไม่นำตัวคู่หูที่พร้อมเป็นยอมตายกับเจ้าไปด้วย! ข้าคิดว่า พวกเจ้าจะต้องเคยสู้รบไปด้วยกัน จะต้องผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันเป็นแน่ ปัจจุบันเขาบาดเจ็บ พวกเจ้าก็ทอดทิ้งเขาไว้ที่นี่แล้ว นี่ก็คือความสัมพันธ์ฉันท์มิตรของพวกเจ้ารึ หากว่าเจ้าบาดเจ็บ คู่หูของเจ้าก็จะทอดทิ้งเจ้าเช่นนี้ใช่หรือไม่” หลินซินเยียนตันใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนางมีส่วนเกี่ยวพันเฉินซานจึงเสียแขนหนึ่งข้าง นางรู้สึกละอายแก่ใจ กลับยังต้องมาเห็นเขาถูกผู้คนทอดทิ้ง ดังนั้น นาง ยอมไม่ได้! อาจเพราะถูกหลินซินเยียนเอ่ยประโยคแทงใจดำเข้า ขอบตาของคนผู้นั้นมีแววของหยาดน้ำตารื้นขึ้นครู่หนึ่ง แต่ว่าท้ายที่สุดก็กลั้นเอาไว้ได้ เขากลืนน้ำลายลงคอพลางเอ่ย “หากข้าบาดเจ็บ พวกเขาก็จะทิ้งข้าเอาไว้แบบเดียวกันนี้ เนื่องจากชีวิตของพวกเราล้วนเทียบไม่ได้กับความปลอดภัยของนายท่านแม้สักนิด” หลังจากที่กล่าวจบ เขาหยุดชะงักเล็กน้อย อารมณ์เริ่มจะเย็นขึ้นมาบ้างแล้ว จึงเอ่ยถามซ้ำอีกรอบ “แม่นางหลัว นายท่านให้ข้ามาเรียกท่าน พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว” หลินซินเยียนถอนหายใจหนึ่งเฮือก นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกคนพวกนี้ว่าโง่งมหรือควรเรียกว่าพวกนี้ว่าภักดีกันแน่ บางที นางเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ปราศจากศรัทธา นางไม่เคยภักดีกับใครมาก่อน ฉะนั้นนางไม่มีทางเข้าใจความคิดที่มีใจจงรักภักดีต่อนายท่าน แม้แต่ชีวิตก็มอบให้ได้เช่นนั้น “พวกเจ้าไปกันเถิด นายท่านของพวกเจ้าไม่ใช่นายท่านของข้า ข้าไม่สามารถทำเพื่อความปลอดภัยของนายท่ายพวกเจ้าแล้วทอดทิ้งเขาไปได้หรอก” หลินซินเยียนกล่าวประโยคนี้ ก่อนจะหย่อนกายนั่งลงตรงขอบเตียง คนผู้นั้นได้ฟังประโยคเช่นนี้ของนาง มีความรู้สึกตกใจเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นน้ำตาที่รื้นขอบก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เขายกแขนเสื้อขึ้นเช็ดก่อนเอ่ยประโยคหนึ่งกับหลินซินเยียน “เช่นนั้นก็มอบเขาให้แก่ท่านแล้ว อีกอย่าง...ขอบคุณ!” หลังจากที่คนผู้นั้นออกไป หลินซินเยียนก็ให้เด็กรับใช้ในร้านนำน้ำร้อนเข้ามา หลินซินเยียนแช่ผ้าขนหนูในน้ำร้อน หลังจากบิดผ้าจนหมาดก็นำมาเช็ดหน้าให้เฉินซาน ซ้ำยังเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดบริเวณแขนข้างที่ยังเหลือของเขา นอกเรือนพักแขก ภายในรถม้าแสนโอ่อ่ากว้างขวาง ใบหน้าซีดเผือดของหมิงฉีหนุนแนบบนเบาะนุ่ม ในสมองยังคงนึกถึงประโยคนั้นของหลินซินเยียน “นางไม่ใช่สาวพรหมจรรย์” นาง...แล้วจริงๆ การตระหนักข้อนี้ทำให้เขาไม่สดชื่น ฉะนั้นยิ่งไม่มีความอดทนกับพวกบ่าว “ไปเรียกผู้หญิงคนเดียวเหตุใดจึงนานเช่นนี้ พวกเจ้าทำงานนับวันยังไม่ได้เรื่อง!” ไม่กี่คนที่อยู่นอกประตูไม่ได้ตอบรับ กระทั่งมองเห็นคนที่วิ่งออกมาจากเรือนพักแขกจึงผ่อนปรนลมหายใจหนึ่งเฮือก แต่น่าเสียดายที่คำพูดของคนผู้นั้นกลับทำให้พวกเขาวิตกกังวลขึ้นมาอีก “แม่นางหลัวบอกว่านางจะอยู่ดูแลเฉินซานที่นี่ ไม่ออกไปกับพวกเรา” รูม่านตาของหมิงฉีหรี่เรียวลงครู่หนึ่ง เขาชกหน้าต่างภายในรถม้าหนึ่งหมัด ชั่วขณะหน้าต่างบานนั้นก็กลายเป็นผุยผง “ดูแลเฉินซาน นางช่างมีเมตตาปราณียิ่งนัก!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 162 โง่งม หรือว่า ภักดี
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A