ตอนที่ 74 ไม่ต้องพูดตามคนอื่น
1/
ตอนที่ 74 ไม่ต้องพูดตามคนอื่น
evil spirit นายปีศาจบอกให้รัก
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 74 ไม่ต้องพูดตามคนอื่น
ตนที่ 74 ไม่ต้องพูดตามคนอื่น ขณะที่กำลังมึนงงอยู่ ก็ถูกปล่อยตัวในทันใด นีรชาลืมตาขึ้นมา พบว่าภัสกรณ์ได้ถอยห่างจากตัวเธอแล้ว ดวงตาที่สลัวทั้งคู่ มองเธออย่างใกล้ชิด “ นีรชา ดูเหมือนคุณจะมีความสุขนะ ” ภัสกรณ์หยอกล้อเล่น นีรชาโกรธจนหารูมุดเข้าไป โกรธจนแดงไปทั้งหน้า หน้าอกขยับขึ้นๆลงๆ “ พอแล้ว ไม่ต้องเขินหรอก กลับไปตอนเย็นผมจะทำให้คุณพอใจ ” ภัสกรณ์รู้สึกตัวว่าเขาเริ่มชอบหยอกล้อนีรชามากขึ้นทุกวัน แทะโลมเธอ ดูเธอโมโห เขินอาย เป็นอะไรที่มีความสุขจริงๆ นีรชาหันหน้าหนี ไม่สนใจภัสกรณ์ ทะเลาะกันเมื่อไร เธอไม่เคยถือไพ่เหนือกว่าเลย นีรชาสวมชุดราตรีแขนกุด อากาศบนรถเย็นนิดหน่อย นีรชาค่อยๆหุบไหล่ แขนที่ขาวเนียนก็มีขนลุกซู่ขึ้นมา “ สวมเข้าไป ” ภัสกรณ์ถอดเสื้อคลุมที่สวมอยู่ส่งให้นีรชา อย่างออกคำสั่ง นีรชารับเสื้อคลุมมาแล้วคลุมตัวเอง กลิ่นของภัสกรณ์ตลบอบอวลอยู่ปลายจมูกเธอ กลิ่นที่ติดตัวของภัสกรณ์คือกลิ่นความเยือกเย็น แทรกซึมด้วยกลิ่นโคโลญบางๆ เหมือนเขาที่ดูเย่อหยิ่ง นีรชาก็นึกถึงกลิ่นมิ้นท์อ่อนๆบนตัวพี่สมภพ รู้สึกอึดอัดใจ และถอนหายใจ “ ถอนหายใจอะไร ? ” สายตาภัสกรณ์มองไปบนถนน หน้านิ่วคิ้วขมวดถามออกมา “ ไม่มีอะไร ” นีรชาหลับตาแกล้งทำเป็นหลับ เธอก็ไม่ได้โง่ จะบอกความในใจกับภัสกรณ์ได้ยังไง ภัสกรณ์เอ่ยเสียงเย็นชาขึ้น : “ คู่หมั้นของธวัลชื่อว่าอะไรนะ ? ” นีรชารู้สึกตกใจ แม้ว่าจะหลับตาอยู่ แต่ขนตายาวๆยังคงกระพิบ ถูกสายตาจากหางตาของภัสกรณ์ดูออกอย่างชัดเจน “ ทำไมถามถึงเรื่องนี้ ? ” นีรชาพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภัสกรณ์หันหน้ามามองนีรชา ดวงตาที่ลึกลับแผ่รังสีความเย็นเฉียบ “ คุณรู้จักเขาเหรอ ? ” นีรชาตกใจจนดีดตัวขึ้นมาจากเบาะนั่ง : “ ไม่รู้จักไม่รู้จัก ฉันจะรู้จักเขาได้ยังไง ? ” สายตาภัสกรณ์เยือกเย็นกว่าเดิม เสียงเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด : “ นีรชา คุณซื้อสัตย์หน่อยสิ ” นีรชาบ่นพึมพำออกมาคำหนึ่ง : “ ทำไมถึงดุแบบนี้ ? ” หดตัวกลับมาหลบอยู่ในเสื้อคลุมของภัสกรณ์ พูดเสียงเบาๆ : “ เขากับฉันทั้งเป็นคนเมืองA เคยเจอกันมาก่อน “ แค่เจอกันแค่นั้นเหรอ ? ” สายตาโมโหของภัสกรณ์ยิ่งดุเดือด นีรชา คุณคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ ? สายตาของผู้ชายคนนั้นที่มองนีรชามันไม่ธรรมดา รู้ว่าจะหลอกภัสกรณ์นั้นไม่ง่าย นีรชาเลยได้แต่พูดความจริงครึ่งหนึ่งไปแบบตรงๆ : “ เขา แต่ก่อนเขาเป็นเพื่อนบ้านฉัน ” ภัสกรณ์ใช้มือข้างเดียวบิดคางนีรชาหันมา สายตาเฉียบคมดั่งนกอินทรีจ้องมองดวงตาเธอ ดูเหมือนว่ากำลังสำรวจเธอว่าพูดโกหกหรือเปล่า นีรชาพยายามทำให้สายตาของตัวเองดูใสซื่อไร้เดียงสา ครึ่งเสียง ภัสกรณ์ก็ปล่อยมือ เสียงเยือกเย็นไร้ความรู้สึก : “ กฎของคนรักข้อที่ 5 ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผม ห้ามพูดกับผู้ชายอื่นเด็ดขาด ” “ คุณบ้าไปแล้ว ” นีรชาสาบานกับพระเจ้า เธอไม่อยากทำให้ภัสกรณ์โมโหเลยจริงๆ แต่ว่า ภัสกรณ์ทำเกินไปหรือเปล่า “ ฉันรู้ ฉันเป็นแค่ผู้หญิงของเขา แต่ว่าฉันไม่ใช่คนเหรอ ? แม้แต่เสรีภาพขั้นพื้นฐานของคนก็ไม่มีแล้ว ? ฉันพูดกับผู้ชายอื่น ก็ถือว่าเป็นการสวมเขาให้คุณเหรอ ? ” “ เคยสวมเขาให้ผมหรือไม่คุณเองก็รู้อยู่แก่ใจ ” ภัสกรณ์ชายตามองท้องของนีรชา สีหน้าไม่น่าดูเลย “ คุณ ” นีรชาถึงกับไม่มีอะไรจะพูด เจ็บแปล๊บอยู่ในใจ นี่คือแผลเป็นและความเจ็บปวดที่ใหญ่ที่สุดของเธอ และยังถูกภัสกรณ์กีดซ้ำอีกแบบนี้ ดึงเสื้อคลุมของภัสกรณ์ออกแล้วโยนไปที่ตัวเขา : “ คืนให้คุณ ” ภัสกรณ์เหยียบเบรคอย่างรุนแรง ยางรถกระทบกับพื้นทำให้เกิดเสียงแรงเสียดทานที่แสบแก้วหู “ นีรชา อย่าทำให้ผมโกรธ ” ดวงตาของภัสกรณ์เย็นเฉียบราวกับใบมีด นีรชาเบิกตามองสีหน้าของภัสกรณ์ ในใจก็กลัวนิดๆ หลับตาลงด้วยความเกลียดชัง แกล้งหลับต่อไป และไม่ให้ตัวเองมองเห็นหน้าตาหน้าเกลียดนั่นของภัสกรณ์อีก ภายในรถอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก รถอยู่บนถนนที่มีร่มไม้สองฝั่งขับอย่างรวดเร็ว นีรชาหลับไปอย่างรวดเร็วในสภาพที่รถกระแทกขึ้นลงเล็กน้อย ภัสกรณ์ใช้สายตากวาดมองนีรชา พบว่าสาวน้อยนั้นหลับไปแล้ว ในใจยังมีไฟแค้น ผู้หญิงคนนี้ใจร้ายจริงๆ เมื่อครู่ทะเลาะกันยังไม่หายข้องใจเลย หันมาอีกที เธอก็หลับไปแล้ว นิ้วเรียวยาวยื่นออกมา อยากจิ้มหน้าของนีรชา เรียกให้เธอตื่น แต่ก็หยุดชะงักกลางอากาศ นีรชาหลับอย่างสบาย ในรถค่อนข้างเย็น เธอกอดแขนตัวเองอย่างแน่น หดตัวเล็กลง บนหน้าเล็กๆขาวๆเนียนๆ มีเงาขนตายาวๆที่น่ามอง ปากแดงๆอ้าเล็กน้อย ทำให้ท่าทางการนอนหลับของเธอเหมือนทารกที่ไร้เดียงสา ภัสกรณ์จ้องนีรชา สายตาโกรธนั้นดูอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น สุดท้ายกลายมาเป็นสายตาที่เอ็นดู เอาเสื้อคลุมที่นีรชาคืนให้นั้นคลุมให้เธอใหม่ ดูสาวน้อยท่าทางพอใจถึงกับเอาคางไปซุกอยู่ในเสื้อคลุม ภัสกรณ์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังฉีกยิ้มออกมา ถึงสถานที่จัดงานเลี้ยงแล้ว มีรถหรูมากมายในลานจอดรถ ผู้หญิงและผู้ชายแต่งตัวดีเดินไปมา เพิ่มสีสันให้กับงานเลี้ยงสุดหรูนี้ไม่น้อย นีรชายังหลับอยู่ ภัสกรณ์จอดรถอย่างนุ่มนวล ดับเครื่องยนต์ ปรับเบาะเอนลง ลองมือประคองศีรษะ จ้องมองนีรชานอนอย่างเงียบๆ สายตาเฉียบคมและดื้อรั้นหายไป วินาทีนี้ ไม่ว่าใครเห็นฉากนี้ในรถ จะต้องนึกว่าเป็นคู่รักที่น่ารักคู่หนึ่ง ตอนที่เด็กคนนี้เชื่อฟัง ก็น่ารักดีนะ สายตาเจ้าเล่ห์ของภัสกรณ์มองไปที่มือขาวเรียวๆเนียนๆของนีรชาที่วางอยู่บนเสื้อคลุม บนนิ้ว หัวใจแห่งมหาสมุทรวงนั้นส่องแสงแวววาวระยิบระยับ ทันใดนั้นก็นึกถึงประโยคที่นีรชาพูดขึ้น : “ คุณรู้ความหมายของแหวนหรือเปล่า ? ” ยิ้มเล็กๆมุมปาก สาวน้อยคนนี้ กำลังบังคับให้แต่งงานเหรอ ? ดูเหมือนจะรู้สึกว่าภัสกรณ์จ้องอยู่ นีรชาที่กำลังนอนฝันอยู่ก็รู้สึกเย็นไปทั้งตัว ลุกลี้ลุกลนตื่นขึ้นมา ลืมตาขึ้น พบว่ามีหน้าคนประจันหน้าอยู่ “ อ๊าก ” เสียงร้องแหลมๆ ทำให้ผู้ชายที่แอบมองเธอยู่ตรงหน้านั้นขยับตัวออกไป หลังจากตั้งสติได้ ก็เอามือเขกไปที่หัวของนีรชา : “ ร้องโวยวายอะไร ? ” ภัสกรณ์กลบเกลื่อนความอ่อนโยนในสายตา และเปลี่ยนกลับมาเป็นสายตาที่เยือกเย็น “ ทำไมต้องแอบดูฉันนอน น่ากลัวมากๆ ” นีรชาตบหน้าอกเบาๆ หัวใจยังสั่นตุ๊บๆ “ อะไรคือแอบดู ? ผมยังต้องแอบดูคุณเหรอ ? ทั้งตัวคุณ มีตรงไหนที่ผมยังไม่ได้ดู ? ” ภัสกรณ์พูดอย่างจริงจัง “ คุณ ” หน้าเล็กๆของนีรชาแดงมาก ผู้ชายคนนี้มีความสามารถทางนี้ พูดเรื่องสกปรกได้โดยที่หน้าไม่แดงแม้แต่นิดเดียว “ รีบเช็ดน้ำลายของคุณซะ สักพักเข้าไปในงานเลี้ยงอย่าทำให้ผมขายหน้า ” ภัสกรณ์ทำหน้ารังเกียจมองนีรชา “ ห๊ะ ? ” นีรชาเขินมาก นึกว่าตัวเองนอนหลับน้ำลายไหลจริงๆ รีบดึงเสื้อมาเช็ดตรงมุมปาก “ นีรชา ยัยทึ่ม ” สุดท้ายภัสกรณ์ก็บ้าคลั่ง เสื้อที่นีรชาใช้เช็ดปาดนั้นเป็นเสื้อคลุมของเขา ถึงแม้จะไม่ได้เช็ดน้ำลายก็จริงอยู่ แต่การกระทำแบบนี้ทำให้ดูน่ารังเกียจมาก ภัสกรณ์เขาเป็นคนรักษาความสะอาด “ ฮ่าๆ คุณบอกให้ฉันเช็ดเองนะ ” ในที่สุดก็พลิกเกมส์ได้ ทำให้ภัสกรณ์บ้าคลั่งแล้ว นีรชาอารมณ์ดีมาก ตั้งใจเอาเสื้อคลุมที่เช็ดปากนั้นส่งไปต่อหน้าภัสกรณ์ : “ กลิ่นไม่เลวนะ คุณลองดมดู เปรี้ยวๆหวานๆ มีคุณค่าทางอาหาร หอมดีนะ ” ขณะที่ภัสกรณ์ยังไม่โมโห นีรชารีบกระโดดออกนอกรถ แสงตอนพลบค่ำและแสงไฟบนหน้าเธอสะท้อนเงาที่ดูอ่อนโยน สาวน้อยที่กำลังยิ้มหวาน มีความสุขเหมือนเด็กใสซื่อบริสุทธิ์ ภัสกรณ์ก็อมยิ้ม ล็อครถแล้วเดินไปด้านนอก ดึงมือของนีรชา : “ ไปเถอะ แม่สาวแสนซน ” แสงไฟสว่างไสวในห้องโถงใหญ่สีทองระยิบระยับ หนุ่มสาวแต่งตัวสวยงามเดินไปเดินมาเต็มไปหมด นีรชาประคองหน้าผาก เวียนหัวจริงๆ เธอเกลียดที่สุดคือการใส่หน้ากากเข้าหากัน ใบหน้ายิ้มแบบเสแสร้ง ทำเหมือนว่าสนใจมากกับหัวข้อสนทนาของคนอื่น เป็นเรื่องน่าเบื่อที่สุดในโลก “ เป็นอะไร ? ” ภัสกรณ์เหลือบมองเธอ “ เกลียดการใส่หน้ากาก ฉันบอกแล้วว่าอยากจะนอนอยู่บ้าน คุณก็ยังจะให้ฉันมา ” นีรชาทำปากมุ่ยๆต่อว่าต่อขาน “ ไม่ต้องใส่หน้ากาก คุณอยากจะพูดอะไรก็พูด ไม่อยากจะพูดก็ไม่ต้องพูด ไม่มีใครกล้าทำอะไรคุณ ” ภัสกรณ์รูปร่างสูงสง่าพูดด้วยท่าทางที่ดูไม่เกรงกลัว ตอบนีรชาอย่างไม่เห็นด้วย ในพจนานุกรมของเขา ไม่เคยมีคำว่าใส่หน้ากากคำนี้ การกระทำของเขา ล้วนไม่สนใจสายตาของคนอื่น เป็นความเชื่อที่เขาเป็นมาแต่ไหนแต่ไร ก็ตั้งแต่เล็กจนโต คนรอบตัวเขาล้วนภักดีต่อเขา ดูแลเขาเหมือนกับเจ้าชาย ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ เขาจะต้องทำตามคนอื่นทำไม ใบหน้าต้องเสแสร้งยิ้มเหรอ ? นีรชาถอนหายใจ คนที่มีชีวิตหรูหราตั้งแต่เด็ก เกิดมาบนกองเงินกองทอง ตายบนกองเงินกองทองแบบนี้ แน่นอนไม่เข้าใจถึงความทรมานในการใส่หน้ากาก เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนอื่นที่ใส่หน้ากากเข้าหาเขา เขาแค่ทำตามใจตัวเองก็พอแล้ว “ เดี๋ยวก่อน ” ภัสกรณ์ที่จูงมือเธอเตรียมตัวเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ก็หยุดกะทันหัน สายตาจ้องมองบนหัวของเธอ คิ้วขมวดเล็กน้อย “ ทำอะไร ? ” นีรชาถามด้วยความไม่เข้าใจ จะก่อเรื่องอะไรอีก ? ภัสกรณ์ไม่สนใจที่นีรชาถาม สายตามองไปรอบๆ แล้วไปหยุดมองในสวนดอกไม้ด้านข้าง “ รอผมตรงนี้ ” ภัสกรณ์ตอบกลับนีรชาไป แล้วเดินไปทางสวนดอกไม้
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 74 ไม่ต้องพูดตามคนอื่น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A