ตอนที่ 42 อุปสรรค
1/
ตอนที่ 42 อุปสรรค
ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 42 อุปสรรค
ตนที่ 42 อุปสรรค ความสงสัยของเหล่าหมอหลวงไม่ได้ทำให้โล่หวินหลานท้อถอย นางกลับยิ้มแล้วพูดว่า “ที่พวกท่านไม่เคยได้ยินเพราะไม่เคยมีใครทำ ถึงแม้ฝีดาษจะเป็นโรคติดต่อ แต่ว่าหากใช้ยาให้ถูกต้อง ก็สามารถป้องกันได้ แล้วก็รักษาให้หายได้ด้วย” หมอหลวงส่ายหน้า เขาไม่ได้สนใจ “คำพูดไม่มีหลักการ” ของโล่หวินหลาน เขาแค่รู้สึกว่านางแค่พูดจาเหลวไหล “พระสนมกุ้ยเฟย เพื่อรักษาพระวรกาย ท่านออกไปก่อนจะดีกว่า อย่าเข้าไปในห้องนอนของท่านอ๋องอีกเลย ขอแค่ท่านอ๋องกินยาตามเวลาเท่านั้นก็พอแล้ว ท่านอ๋องจะหายหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านอ๋องแล้ว” หมอหลวงพูด พวกเขาคิดว่าพวกเขาเก่ง ยังไงก็ควบคุมได้ ต้วนชิวเยนไม่มีทางยอมแน่นอน นางไม่มีทางปล่อยให้โม่ฉีมู่อยู่ในห้องคนเดียว แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมาคนที่เป็นฝีดาษก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น นางมองไปที่โล่หวินหลาน หมอห่วย ทำได้แค่พูดสองคำนี้มาบรรยายให้กับพวกหมอหลวงเหล่านี้ ความรู้การแพทย์ไม่สูงยังจะมาโอ้อวดอีก คิดว่าตัวเองเก่งกาจไร้เทียมทาน “อะไรคือขึ้นอยู่กับตัวท่านอ๋องเอง? พวกท่านไม่เคยพลิกแพลงการรักษาเลย พวกท่านไม่เคยแม้แต่จะพยายาม เคยลองหรือยัง เอะอะก็ปล่อยให้เป็นไปตามดวง? พวกท่านยังเรียกตัวเองว่าหมออีกหรอ?” โล่หวินหลานรู้สึกโมโหมาก “พระชายา ......” หมอหลวงเองก็โมโหมากเช่นกัน คิดอยากจะพูดอะไรแต่ก็ติดอยู่ที่ปากพูดไม่ออก พูดกับหมอพวกนี้มันเหนื่อยมากจริงๆ โล่หวินหลานนวดไปที่ขมับ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก นางเดินไปที่ข้างเตียงของโม่ฉีมู่แล้วใช้ผ้าอุ่นๆวางไปที่หน้าผากของเขา เหล่าหมอหลวงเห็นนางไม่สนใจคำเตือนของพวกเขา ยังเดินเข้าไปใกล้กับโม่ฉีมู่อีก ก็จ้องอย่างไม่กระพริบตา แล้วก็ซุบซิบกันกับหมอหลวงคนอื่น ต้วนชิวเยนสีหน้าอ่อนเพลีย สายตาของนางไม่มีประกาย นางก้มหน้ามองพื้น ไม่ว่าจะหมอหลวง หรือว่าโล่หวินหลานก็ตามที ขอแค่รักษาโม่ฉีมู่ให้หายได้เป็นสำคัญที่สุด “หมอหลวงหลี่ ท่านอาวุโสที่สุดในหมู่หมอหลวงอย่างเรา ท่านว่ารักษาฝีดาษแบบนี้จะเกิดปัญหาไหม?” หมอหลวงคนหนึ่งพูดขึ้นมาเสียงเบาๆ พอพูดออกมา หมอหลวงคนอื่นเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของเขา “ก็นั่นน่ะสิ แต่ว่าพระชายาหมิงอ๋องเองก็รักษาโรครัชทายาทจนหายนะ เราควรจะเชื่อหรือว่าไม่เชื่อดีล่ะ?” หมอหลวงเฒ่าลูกเคราขาวๆของเขา แล้วจ้องไปที่โล่หวินหลาน “มีปัญหาหรอ? ยังไงก็ต้องมีปัญหาอยู่แล้ว? เด็กสาวที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งจะรักษาฝีดาษได้ยังไง? ที่นางรักษารัชทายาทจนหายมันก็แค่บังเอิญเท่านั้น เรารอดูไปเถอะ เดี๋ยววพอเกิดปัญหาขึ้นมา เราก็ต้องมาช่วยเก็บกวาดให้อยู่ดี” คำพูดของเหล่าหมอหลวงลอยมาเข้าหูของโล่หวินหลาน นางหยุดมือ แล้วเหลือบไปมองเหล่าหมอหลวง ดูท่านางไม่ควรใจดีมาช่วยรักษาอาการให้โม่ฉีมู่เลย ให้เขาตายๆไปซะดีกว่า รักษาโรคง่ายๆยังต้องมาทนฟังคำพูดแบบนี้อีก นางเช็ดหน้าผากให้โม่ฉีมู่ต่อ แล้วพูดว่า “พวกท่านหมอหลวง น่าจะรู้ดีว่าคนป่วยต้องการพักผ่อน หากพวกท่านต้องการคุยกัน ก็เชิญออกไปข้างนอก” เสียงใสๆของนางลอยเข้าหูของทุกคน เสียงอันอ่อนโยนของผู้หญิงชัดๆ แต่พอเข้าหูของเหล่าหมอหลวงกับเป็นคำสั่งที่เด็ดขาด ทำให้รู้สึกหนาวไปถึงกระดูก โล่หวินหลานไม่ได้มีเวลามากพอมาสนใจพวกเขา สาวน้อยที่ไปต้มยาเมื่อกี้ยกยาเดินเข้ามา ตอนที่เดินผ่านหน้าหมอหลวงหลี่ เขาก็อดไม่ได้ที่มองว่ามันเป็นยาอะไร เขาหยิบช้อนตักยาขึ้นมาชิม หลังจากชิมแล้วก็ขมวดคิ้ว “ไป๋หลี่เซียง หยางกันเฉ่า ผู่ถีฮว๋า ......สมุนไพรสามอย่างนี้มันยาลดไข้ธรรมดาทั่วไป หากกินตามนี้ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะหาย” โล่หวินหลานได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม แล้วก็พูดว่า “หมอหลวงอย่างพวกท่านยังไม่รู้สินะว่า สภาพร่างกายของหลินอ๋องเป็นธาตุเย็นมาตั้งแต่เกิด หากใช้ยาแรงเกรงว่าจะมีผลตรงข้ามกัน ยาพวกนี้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของหลินอ๋อง” หมอหลวงหลี่ถึงกลับอึ้งไป เขานั่งลงแบบทำอะไรไม่ถูก สาวใช้ยกยามาให้โล่หวินหลาน ตอนที่สาวใช้กำลังจะออกไป ก็ถามว่า “พระชายา แล้วสาลี่จะให้ทำยังไงดี?” โล่หวินหลานไม่ได้มองนางเลยแล้วพูดว่า “เอาสาลี่พวกนั้นไปให้เหล่าหมอหลวงกินเถอะ จะได้ลดความร้อนลงมาบ้าง” สาวใช้อดหัวเราะไม่ได้ นางรับคำ แล้วก็ถอยออกไป เหล่าหมอหลวงลูบเคราแล้วจ้องไปที่สาลี่ ในใจก็รู้สึกร้อนรน หากเป็นอย่างนี้ต่อไป จะต้องถูกพระชายาหมิงอ๋องหักหน้าอีกแน่ เขานั่งเฉยๆไม่พูดอะไรอีก ได้แต่หวังว่าอาการของหลินอ๋องจะแย่ลง พวกเขาจะได้แสดงฝีมือบ้าง โล่หวินหลานป้อนยาให้โม่ฉีมู่อย่างระมัดระวัง ยาที่อ้วกออกมามีไม่มาก ที่กินเข้าไปมากอยู่ นางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากให้เขา แล้ววางถ้วยยาลง จากนั้นก็มองไปที่ตุ่มหนองที่แขน มันไม่มีอาการเลวร้ายลง หากจะรอตุ่มหนองพวกนี้แห้งแล้วตกสะเก็ด อย่างน้อยต้องใช้เวลาเป็นเดือน ในเวลานี้ เขาห้ามมีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่นมากกว่า ไม่งั้นเขาทนไม่ได้ถึงเดือนแน่นอน “พระสนม วันนี้หลินอ๋องไม่เป็นอะไรมากแล้ว ทุกคนก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักกันได้แล้วล่ะ แต่ว่าจำเอาไว้ให้ดีต้องเอาของที่หลินอ๋องใช้เก็บให้ดี อย่าเอามาปนกับของอย่างอื่น” โล่หวินหลานเดินออกมาจากหลังฉากบังลม แล้วพูดใส่คนที่นั่งอยู่ “ได้ ได้ เราจะออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่กวนมู่เอ๋อพักผ่อน” ต้วนชิวเยนไหนเลยจะกล้าปฏิเสธคำของโล่หวินหลาน นางรีบนำสาวใช้กับเหล่าหมอหลวงออกไป เหล่าหมอหลวงเหมือนอยากจะออกจากห้องโม่ฉีมู่อยู่แล้ว เห็นต้วนชิวเยนพูด ก็รีบออกจากห้องไปเหมือนม้าเลย แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล ยืนรออยู่หน้าห้อง เมื่อออกจากห้องนอนของโม่ฉีมู่ นางก็ถอดชุดต้านเชื้อออก เมื่อกี้เห็นพวกหมอหลวงเดินตามต้วนชิวเยนไปที่เรือนตะวันออก จะต้องไปคุยเรื่องอาการของโม่ฉีมู่แน่นอน จะได้ไปเอาหน้ากับโม่ฉีสิงได้ง่าย เย่หวินจ้องไปที่พวกเขา แล้วหันมาพูดกับโล่หวินหลานว่า “พระชายา จะให้ข้าไปจัดการพวกเขาเลยไหม?” โล่หวินหลานตบไหล่นาง ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง เรากลับกันเถอะ” หมอหลวงพวกนั้นคิดว่าตัวเองมีประสบการณ์และเป็นหมอมานาน แล้วก็อยากได้ผลงาน แต่ไม่มีทางทำเรื่องใหญ่อะไรสำเร็จได้หรอก เมื่อทั้งสองออกมาถึงหน้าประตูจวนหลินอ๋อง ก็มีรถม้าคันหนึ่งจอดรออยู่ เมื่อเห็นทั้งคู่ออกมา พ่อบ้านของจวนหมิงอ๋องก็ลงจากรถม้า ทำความเคารพ “พระชายา ท่านอ๋องให้ข้าน้อยมารับท่านกลับจวน” “ได้ ลำบากเจ้าแล้วนะ” โล่หวินหลานพูดจบ ก็เหยียบบันไดเล็กขึ้นรถม้าไป พอนั่งลงแล้ว พ่อบ้านก็พูดขึ้นว่า “พระชายา ไม่ต้องใช้คำว่าลำบากกับเราหรอก” โล่หวินหลานเหมือนเหม่อไปนิดหน่อย ในหัวของนางนึกถึงการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันขึ้นมา ถึงแม้นางจะใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันอย่างตรงไปตรงมา แต่ว่าในอดีตนั้นมันแบ่งชนชั้นวรรณะชัดเจน ขณะที่กำลังเหม่ออยู่ ม้าก็วิ่งออกไป จากนั้นก็ตรงกลับไปยังจวนหมิงอ๋อง เมื่อลงจากม้า โคมไฟหน้าจวนหมิงอ๋องสว่างขึ้นแล้ว โม่ฉีหมิงกำลังนั่งอยู่ที่ห้องโถง โล่หวินหลานเดินเข้ามา แล้วยกมือส่งสัญญาณไม่ให้ฉินหยิ่นพูดอะไร แล้วนางก็ค่อยๆเดินไปโอบคอของโม่ฉีหมิง นางรู้สึกว่าตัวของโม่ฉีหมิงสั่นเล็กน้อย ร่างกายที่แข็งทื่อเขาจับไปที่มือของนางที่โอบคอของเขาไว้ “ข้ากลับมาแล้ว ทำเจ้าตกใจหรือเปล่า?” โล่หวินหลานพูดไปที่ข้างหูของเขา ลมหายใจที่ร้อนผ่าวมันลอยเข้าหูของเขา นางรู้สึกได้ว่าหูของเขามันร้อน “ข้าสั่งให้ห้องครัวทำผัดกระดูกอ่อนเปรี้ยวหวานกับขนมถั่วเหลืองที่เจ้าชอบไว้ให้ไปกันเถอะ” โม่ฉีหมิงดึงแขนของนางที่กอดคอเขาออก แล้วพานางไปที่โต๊ะอาหาร อาหารที่หอมแล้วก็กำลังร้อนถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะ อาหารทั้งหมดเป็นของที่โล่หวินหลินชอบกิน แต่ว่านางกลับไม่มองเลย แล้วยังขมวดคิ้วอีก “ข้าไม่อยากกินของพวกนี้ ไม่อยากกินเลย” พูดจบ นางเห็นโม่ฉีหมิงขมวดคิ้ว โล่หวินหลานรู้ทันทีเลยว่าเขาต้องหันไปลงโทษคนในห้องครัวแน่นอน ก็เลยรีบพูดว่า “ข้าเคยเรียนทำอาหารกับท่านแม่ ข้าทำบะหมี่ไข่มุกอร่อยมาก วันนี้ข้าทำให้เจ้ากินดีไหม?” คำพูดที่อ่อนโยนของนางโม่ฉีหมิงจะกล้าปฏิเสธได้ยังไง ถึงแม้เขาจะไม่อยากให้นางลงครัวเองก็เถอะ แต่ว่าปากของเขากลับพูดออกไปว่า “ได้ เจ้าอยากจะทำอะไรได้หมด” โล่หวินหลานเข็นรถเข็นของโม่ฉีหมิงไปที่ห้องครัวอย่างอารมณ์ดี เมื่อถึงหน้าประตูห้องครัว ก็สั่งให้พ่อครัวกับสาวใช้ออกไป เหลือแค่พวกเขาสองคน โล่หวินหลานยิ้มให้นาง แล้วก็ยื่นไข่ไก่ไปให้เขา ให้เขาเอามันไปต้ม จากนั้นนางก็เดินไปหาผักกับต้นหอม ไว้ใส่ในบะหมี่ โม่ฉีหมิงทำอาหารเป็นที่ไหนกัน เขาจะรู้ได้ยังไงว่าต้องต้มไข่ยังไง? เขาทำหน้าบูด ในมือกำไข่ไก่อยู่สี่ฟอง เห็นหม้อที่วางอยู่ แต่ไม่กล้าวางไข่ลงไปสักที “เติมน้ำเข้าไปในหม้อก่อน พอน้ำเดือดแล้วค่อยวางไข่ลงไป” โล่หวินหลานบอกเขา หม้อของนางทางนี้เริ่มร้อนแล้ว นางเทน้ำมันลงไป เมื่อน้ำมันเดือดแล้ว นางก็เทน้ำลงไปนิดหน่อย หลังจากที่มันเดือดแล้วนางก็เทบะหมี่ลงไป น้ำที่ร้อนมันทำให้เส้นบะหมี่เดือดขึ้นมาเป็นสีขาว หม้อของโม่ฉีหมิงเองก็เริ่มเดือดแล้ว เขาวางไข่ไก่ลงไป น้ำในหม้อมันเดือดขึ้นมากระเซ็นออกมา เขาขมวดคิ้วแล้วก็ถอยหลัง “โดนลวกหรอ? อย่าขยับ” โล่หวินหลานจับมือเขาเอาไว้อย่างกังวล จากนั้นก็รีบเดินไปเอาเหล้าที่อยู่บนชั้นมาเทลงบนมือของโม่ฉีหมิง ตรงที่โดนลวกมันบวมแดงขึ้นมาแล้ว เมื่อเทเหล้าลงไปที่แผลแล้ว โล่หวินหลานถึงได้ไปเอายามาทาให้เขา ท่าทางที่จริงจังของนางมันอยู่ในสายตาของโม่ฉีหมิง เหมือนในสายตาของนางตอนนี้มีแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาอาวรณ์สายตาที่อบอุ่นแบบนี้ เขารู้สึกโชคดีที่ถูกลวก ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จ เขาไม่พูดอะไรสักคำ สายตาของเขามันมีแต่เงาของโล่หวินหลาน นานมากแล้ว ที่ไม่มีใครห่วงใยเขาขนาดนี้ “ถูกลวกจนเซ่อไปแล้วหรอ? จ้องข้าทำไม?” โล่หวินหลานทำแผลแล้วมัดผ้าพันแผลให้เขา แล้วจ้องไปที่เขา “หวินหลาน” โม่ฉีหมิงเรียกชื่อของนางเบาๆ “เจ้าห้ามทิ้งข้าไปเด็ดขาด” คำพูดเผด็จการง่ายๆแบบนี้ มันทำให้โล่หวินหลานหวั่นไหว นางไม่ได้รู้สึกถึงอารมณ์ที่มากมายอย่างนี้มานานมากแล้ว “เจ้าเองก็เหมือนกัน” โล่หวินหลานสบตาของเขา มองไปในตาที่ไม่รู้ว่ามันลึกแค่ไหน ทั้งสองหยุดอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกในตอนนี้ ใบหน้าของโล่หวินหลานเริ่มแดง เหงื่อของนางไหลลงมาจากหน้าผาก เขายื่นมือของเขาไปเช็ดเหงื่อให้กับนาง ท่าทีของนางในตอนนี้ เขาจะต้านทานไหวได้ยังไง?
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 42 อุปสรรค
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A