ตอนที่59 ร่างกายอ่อนแอ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่59 ร่างกายอ่อนแอ
ต๭นที่59 ร่างกายอ่อนแอ โม่ฉีหมิงส่ายหน้า สายตายังคงมองอยู่ที่นาง น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำเตือน “ไม่เจ็บ หวินหลาน หากข้ายืนได้แล้ว ข้าจะใช้ทั้งชีวิตปกป้องเจ้า” หลังจากการผ่าตัดอาการเจ็บปวดเป็นเรื่องปกติ เพราะยาชายังจะออกฤททำให้ความเจ็บปวดค่อยๆปรากฏขึ้น โล่หวินหลานรู้ว่าที่เขาพูดอย่างนี้เพราะไม่อยากให้นางเป็นห่วง “ข้ารู้ เจ้าต้องยืนให้ได้” โล่หวินพูดพลางยิ้มๆ ใบหน้าซีดเซียวเมื่อครู่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อขึ้นบ้างแล้ว นางรุ้ว่าโม่ฉีหมิงมีความมุ่งมั่นแรงกล้า แค่อาการบาดเจ็บทำอะไรเขาไม่ได้หรอก เขาต้องยืนขึ้นให้ได้ ข้างนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงของเย่หวินดังอยู่ข้างนอก “ท่านอ๋อง พระราชา อาหารเตรียมเสร็จแล้ว” ความจริงอาหารเที่ยงเตรียมเสร็จตั้งนานแล้วทนางรออยู่ข้างนอกนานแล้ว จนกระทั่งได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของทั้งคู่ข้างใน ถึงกล้าเคาะประตู ผ่านไปไม่นาน นางก็ยกสำรับอาหารเที่ยงเข้ามา โม่ฉีหมิงพิงอยู่บนเตียง ใบหน้ามีผ้าพันแผล มองหน้าเขาไม่ชัด แค่ว่าเห็นจากสายตาของเขาก็รู้ได้ว่าดีขึ้นเยอะแล้ว ไม่มีความรู้สึกของความเย็นชาอยู่อีก “สีหน้าท่านอ๋องดีขึ้นเยอะแล้ว” เย่หวินค่อยๆหยิบอาหารที่อยู่ในกล่องออกมาทีละอย่าง วางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบนโต๊ะ พลางพูด โล่หวินหลานเท้าคาง วางมือไว้บนโต๊ะหนึ่งข้าง กระพริบตา “เย่หวิน เจ้าก็รู้จักใช้มุขนี้นะ” เขาไม่พูดมุกนั้น แต่เย่หวินเจ้าใจว่านางพูดอะไร ใบหน้าของโม่ฉีหมิงมีผ้าพันแผลพันอยู่จะเห็นหน้าได้ยังไง นางจะเห็นสีหน้าได้ยังไง เย่หวินวางอาหารในกล่อง มีความรู้สึกทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย นางแค่เข้ามาแล้วไม่รู้จะพูดอะไรก็ชมโม่ฉีหมิงๆปหนึ่งครั้ง “ฮิๆ พระราชาท่านทานอาหารเที่ยวกับท่านอ๋องดีกว่า” เย่หวินพูดพลาง ร่างก็เดินออกไปอย่างเร็ว เหลือไว้เพียงเสียงปิดประตู และเสียงก้าวฝีเท้าอย่างเร่งรีบ โล่หวินหลานรู้สึกอารมณ์ดีเห็นอาหารที่นำเข้ามา มีของที่โม่ฉีหมิงกับนางชอบกิน ก็มีเย่หวินที่เข้าใจนาง! สองวันนี้ไม่ได้พักผ่อนดีๆ ตอนนี้โม่ฉีหมิงก็ฟื้นแล้ว วางเรื่องที่ทำให้วุ่นวายใจ นางก็เริ่มอยากอาหารมากขึ้นมาบ้างแล้ว ทั้งสองกินอาหารเที่ยงเสร็จ โล่หวินหลานก็เปลี่ยนยาให้โม่ฉีหมิงอีกครั้ง สีหน้าของเขาไม่ค่อยดี ตั้งแต่เดินเข้ามาก็เห็นขมวดคิ้วแล้ว ตามโม่ฉีหมิงมานานขนาดนี้ เหมือนกระทั่งสีหน้า วันนี้ปฏิกิริยาชัดขนาดนี้ ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ “ท่านอ๋อง เกิดเรื่องแล้ว” น้ำเสียงแหบนั้นมีเรื่องร้อนใจอยู่ในนั้น โล่หวินหลานวางกรรไกรและตัดผ้าพันแผล ใบหน้างงงวยมองไปที่สวินโม่ อวู๋อินโหลวเกิดเรื่องอะไรขึ้น? “พูดมา” โม่ฉีหมิงยังคงเรียบเฉยนิ่งสงบ เพียงแต่น้ำเสียงมีความอยากสังหารคนอยู่ “เจ้าสำหนักฉินเจี้ยนของหงเฉิงถูกสังหารแล้ว วันนี้ตอนเที่ยง นำร่างของเขาแขวนไว้ในห้องของตัวเอง” เจ้าสำนักหงเฉิงเป็นสมุนของโม่ฉีหมิง เขาช่วยโม่ฉีหมิงดูแลเจ้าเมืองต่างๆมาโดยตลอด อีกทั้งเป็นคนที่มีข้อมูล และเป็นสมุนคนสำคัญ เขาเป็นคนเที่ยงธรรม ดูแลคุ้มครองประชาชนทั้งเมือง ไม่มีท่าทีตรงไหนที่น่าสงสัยว่าจะมีหนอนบอนไส้ในนี้ อีกอย่าง เขากับโม่ฉีหมิงมีการพูดคุยกันไม่ค่อยเยอะ หากไม่ใช่คนที่ใช้ใจ ก็ไม่มีคนรู้ว่าทั้งสองคนรู้จักกัน ตอนนี้เขาถูกสังหารแล้ว จะพูดว่าในนี้ไม่มีหนอนบ่อนไส้ ต้องไม่มีคนเชื่อแน่ โม่ฉีหมิงมีท่าทีเงียบสงบอย่างคาดไม่ถึง พูดเสียงเย็น “ข้อมูลล่ะ?” สวินโม่ก้มหน้าพูดเสียงง่อย “ข้อมูลหายไปแล้ว” โม่ฉีหมิงแสยะยิ้มมุมปาก ดวงตาเรียวยาวแฝงไปด้วยหิมะของฤดูหนาว เสียดายมีผ้าพันแผลพันหน้าอยู่ เห็นสีหน้าเขาไม่ชัด น่าจะเป็นเหมือนน้ำแข็งก็ไม่ปาน “เรื่องนี้ท่านพ่อรู้แล้วใช่ไหม?” โม่ฉีหมิงถามเสียงเย็น สวินโม่พยักหน้า “ฮ่องเต้รู้เรื่องนี้แล้ว ผู้ดูแลเจ้าเมืองถูกสังหาร นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย น่ากลัวว่าตอนนี้น่าจะให้คนไปหาเบาะแสแล้ว” โล่หวินหลานเข้าใจแล้ว ตะมีใครเป็นปรปักษ์กับเขา? “สวินโม่ เจ้าให้คนไปทำเรื่องให้เหมือนกับฉินเจี้ยนฆ่าตัวตาย เพราะความลับในจวนของเขาจะโดนเปิดเผย กลัวฮ่องเต้จะโทษเป็นความผิดเขา ก็เลยฆ่าตัวตาย จากนั้นค่อยให้คนไปสืบอย่างลับๆ จำไว้ว่าอย่าให้เรื่องแพร่งพรายออกไป” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของโม่ฉีหมองทำให้คนขนลุก นัยน์ตามีแต่ความอันตรายแฝงอยู่ “ขอรับ” สวินโม่ตอบรับ ตอนนี้เป็นช่วงที่เกิดเรื่องเยอะที่สุด ต้องมีคนรู้ว่าเขาไม่สบายจนไม่ได้เข้าวังมาหลายเวลาแล้ว ดังนั้นจึงอาศัยจังหวะนี้ ใช้เขาเป็นเครื่องมือ โม่ฉีหมิงแสยะยิ้มขึ้น สายตาของเขากวาดไปที่หน้าต่าง ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม ทำกับเขาขนาดนี้แล้ว ก็อย่าโทษว่าเขาไม่เกรงใจแล้วกัน ท่าทีเงียบสงบของเขาทำให้ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ โล่หวินหลานเลยเปิดปาก นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆเขา นี่เป็นคนสมัยโบราณใช้ต่อสู้กันหรอ? ฆ่าคนไม่เหลือร่องรอยก็ไม่ผิดอย่างงั้นหรอ? “หมิง เรื่องนี้ต้องมีอะไรแน่นอน เจ้าต้องระวัง” โล่หวินหลานวิเคราะห์เรื่องนี้ออกมาอย่างรวดเร็ว ได้แต่เตือนให้เค้าระวัง “คนที่รู้ว่าเจ้าเมืองหงเฉิงมีข้อมูลอยู่ในมือไม่เยอะ ต้องมีหนอนบ่อนไส้ในนี้มานานแน่ รู้ว่าข้าไม่สบายไม่ได้เข้าวังมาหลายเวลาลงมือ” โม่ฉีหมิงวิเคราะห์อย่างเป็นขั้น สายตาเริ่มรวมเป็นจุด สุดท้ายก็มียิ้มเย็นยิ้มขึ้น “แล้วจะเป็นใครได้ล่ะ?” โล่หวินหลานได้แต่คิดตาม ฉางหวินหานได้ไปเป็นเฝ้าเหยี้ยนเหมินเป็นไท่โสว่แล้ว โม่ฉีมู่พึ่งหายจากไข้ทรพิษ ก็ไม่แรงใจในการทำอะไร ถ้างั้นจะเป็นโม่ฉีซิวหรอ? คนที่จะเป็นปรปักษ์กับโม่ฉีหมิงได้มีนับไม่ถ้วน นางคิดไม่ออกจริงๆว่าใครเป็นคนทำ อาศัยตอนคนอื่นกำลังอ่อนแอทำเรื่องไม่ดีแบบนี้ ทำแบบนี้ได้ต้องเป็นที่คำนวณคิดการมาแล้ว อยากอาศัยช่วงนี้ในการลงมือฆ่าคนรอบข้างของโม่ฉีหมิง ภายในห้องอุณหภูมิเย็นลงอย่างรวดเร็ว โม่ฉีหมิงไม่ได้พูดอะไร กลับกันรีบเปลี่ยนเรื่อง “สวินโม่บอกข้าว่าช่วงนี้เจ้าเหนื่อยมาก มานอนข้างๆข้ามา” โม่ฉีหมิงขยับร่างกาย แล้วกวักมือเรียกนาง ผ้าปูสีอ่อนเรียบมีลายปักดอกลิลลี่อย่างสวยงาม ผ้าห่มผืนหน้าถูกกองอยู่มุมหนึ่ง แขนยาวถูกวางอยู่บนหมอน ราวกับภาพวาดวิจิตรที่วาดโดยจิตรกร โล่หวินหลานค่อยๆเดินเข้าไป เข้าไปนอนแนบอกเขา ช่วงนี้นางเหนื่อยมากจริงๆ พอนอนในอ้อมกอดเขาแล้วก็รู้สึกง่วงขึ้นมาทันที ตอนที่กำลังเคลิ้มหลับ เหมือนนางได้ยินเสียงคนคุยกัน พยายามจะลืมตาขึ้น เห็นแค่เพียงเงาสีขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้กำลังคุยอะไรกันบางอย่าง จากนั้นก็มีผ้าเย็นๆแปะไว้บนหน้าผากตัวเอง ร่างกายที่ตัวร้อนรุมๆก็เหมือนกับพลันมลายหายไป มีเพียงแค่ผ้าเย็นๆที่พอทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย แล้วก็มีคนพยุงนางขึ้นมา เอาอะไรยัดใส่ปากนาง จากนั้นก็มียาร้อนๆรสชาติขมปร่าเทใสเข้าปากนาง เคลิ้มกลืนลงไปแล้วก็จับนางนอนลง “ไหนบอกว่าเหนื่อยเกินไปไง? ทำไมถึงมีอาการไข้ขึ้น?” โม่ฉีหมิงขมวดคิ้ว สายตาดุจดังมีดคมพร้อมเฉือนสวินโม่ “ท่านอ๋อง พระราชาพักผ่อนน้อย แล้วนี่ก็เป็นเรื่องของสุขภาพร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”สวินโม่ตอบกลับ บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นซึมออกมา เมื่อกี้บอกเขาเรื่องเจ้าเมืองหงเฉิงตาย ข้อมูลถูกขโมยไป เขายังเรียบเฉยยิ่มเย็น ตอนนี้โล่หวินหลานไม่สบายกลับทำให้เขาลุกเป็นไฟ ดูไปแล้วโล่หวินหลานคือคนที่เขาใส่ใจที่สุด ได้ยินสวินโม่พูดอย่างนี้แล้ว โม่ฉีหมิงได้แต่กดความรู้สึกกดดันเป็นห่วงลงไป แล้วก็สั่งให้เขาไปตรงวจสอบหาเบาะแสของเจ้าเมืองหงเฉิง ตัวเองอยู่ดูแลโล่หวินหลาน เย่หวินยกน้ำร้อนเข้ามาในห้อง โม่ฉีหมิงลงมือนำผ้าใส่กะละมังบิดจนหมาดเช็ดตัวให้โล่หวินหลาน แล้วก็เอาผ้าแตะน้ำนิดหน่อยเช็ดปากซีด สุดท้ายก็เอาผ้าห่มขึ้นคลุมให้นาง ให้นางมีเหงื่อออก จนถึงกลางดึก โล่หวินหลานถึงได้ไข้ลดลง “ท่านอ๋อง ท่านดื่มน้ำสักหน่อยเถอะ ท่านเฝ้าพระราชามาหนึ่งวันแล้วนะ” เย่หวินยกแก้วน้ำให้โม่ฉีหมิง ตั้งแต่โล่หวินหลานไข้ขึ้น โม่ฉีหมิงก็เฝ้านางไม่ไปไหน อาหารนี้เป็นเหมือนตอนเขาเป็นไข้ โล่หวินก็เฝ้าอยู่ข้างกายเขาเหมือนกัน ทั้งวันไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่อึกเดียว เหมือนกลัวว่าถ้าหากแม้เข้าห้องน้ำก็กลัวว่านางจะเป็นอะไร แต่เย่หวินก็รู้ดีว่าสองคนรักกันมากแค่ไหน ม่หมิงถือแก้วชาขึ้นดื่มหนึ่งอึก แล้วก็วางแก้วลงเตรียมตัวเช็ดตัวให้โล่หวินหลาน ตอนที่โล่หวินหลานตื่นขึ้นมา ก็เป็นตอนเทายงของวันที่สองแล้ว นางได้รับรู้รู้สึกอะไรที่ตอนยุคปัจจุบันไม่เคยเจอ ก็คือไข้ขึ้นสามารถสลบได้เป็นวันๆ ข้างกายมีคนเฝ้าดูแลไม่ไปไหน เป็นห่วงเป็นใย โลกปัจจุบัน ส่วนใหญ่ตอนไม่สบาย จะขอลาหยุดพักรักษาคนเดียว ให้น้ำเกลือ พักสักครึ่งวัน มีบางครั้งที่จะมีหลายคนมาดูหน่อย มีบางคนจะพูดว่า เธอไม่ใช่หมอหรอ? ยังป่วยได้อีก! ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าจะมีใครดูแลถึงขนาดนี้ “หวินหลาน เจ้าฟื้นแล้ว” โม่ฉีหมิงยื่นมือไปยกน้ำพลางหมุนล้อรถเข็นเข้ามาจากข้างนอก น้ำเสียงเหมือนคนไม่เจอกันมานานมากแล้วให้ความรู้สึกโล่งอก “เจ้า ไม่เจ็บหรอ?” โล่หวินหลานรู้สึกตกใจจึงถาม มีน้อยคนนักที่ผ่าตัดเสร็จจะลุกจากเตียงแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ อีกทั้งยังไม่มีอาการเจ็บ เขามีกำลังภายในอยู่มากขนาดไหนเชียวถึงทำได้ โม่ฉีหมิงหมุนล้อรถเข็นมาข้างหน้านาง เอาน้ำในมือยื่นส่งให้นางแล้ว ยิ้มอย่างมีเลศนัยมองหน้านาง “เจ้าคิดว่าข้าเจ็บไหม? หวินหลาน นำใจของเจ้าไว้ทาท้องเจ้าดีๆเถอะ” รับแก้วน้ำในมือเขามาแล้ว โล่หวินหลานก็มีความรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาจริงๆ ดื่มรวดเดียวจนหมด ยัดใส่มือเขาใหม่ “จะเอาอีกไหม?” โม่ฉีหมิงจ้องที่ริมฝีปากนาง ข้างบนยังมีหยดน้ำเกาะอยู่บ้างนิดหน่อย โล่หวินหลานส่ายหัว ลองเดินลงจากเตียงดู นอนอยู่บนเตียงรู้สึกกล้ามเนื้อปวดเมื่อยไปหมด ทั่งตัวรู้สึกอ่อนปวกเปียกหมด ตอนที่เท้าสัมผัสพื้นวินาทีแรก ถึงได้รู้สึกว่าเดินรับพลังจากพื้นโลกแล้วจริงๆ “หมิง เจ้าอย่าลุกลงจากเตียงได้ไหม ไปนอนบนเตียงไป เท้าของเจ้าอีกไม่กี่วันก็จะเอาผ้าพันแผลออกได้แล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าจะต้องใช้ไม้ค้ำหัดยืนด้วยตัวเอง” โล่หวินหลานขมวดคิ้ว ยื่นมือไปเข็นเก้าอี้เข็น เอาเขาไปนอนบนเตียง “เจ้านอนอยู่บนเตียงไม่สบายตัว จะให้ข้านอนข้างๆเจ้าให้ได้” โม่ฉีหมิงพูดอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ว่าคนก็อยู่มือนางแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะโล่หวินหลานทุกคำ ไม่อยากจะตามใจนางสักครั้ง นอนลงบนเตียงอย่างดี “ไม่มีปัญหา ใครใช้ให้เจ้าเป็นท่านอ๋องล่ะ มีเตียงก็ต้องให้ท่านอ๋องอย่างเจ้านอนสิ!” โล่หวินหลานสายตามีความยิ้มขำ สายตาเป็นประกายขยิบตาไปที่เขาหนึ่งที โม่ฉีหมิงยอมแพ้ต่อสายตาแบบนี้ของนาง ทั้งตัวรู้สึกละลายไปหมดแล้ว สายตาของนางบอยไปมาบนร่างกายเขาเต็มไปหมด 
已经是最新一章了
加载中