ตอนที่76มอบความรัก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่76มอบความรัก
ต๭นที่76มอบความรัก โล่หวินหลานลงจากรถม้าสิ่งที่นางเห็นสิ่งแรกก็คือประตูเมืองโบราณที่ใหญ่มโหฬารประตูสีน้ำตาลแขวนป้ายที่เขียนไว้ว่า“ตำหนักซันส่วย”ตัวหนังสือสีทองดูแล้วเหมือนเป็นที่พักสำหรับตระกูลราชวังหรือเศรษฐีมั่งมีอยู่ประตูทางเข้ามีสิงโตเฝ้าไว้ทั้งสองข้างดูๆแล้วไม่ใช่บ้านธรรมดาหรือว่าโม่ฉีหมิงรู้จักเศรษฐีที่นี่เลยยืมพวกเขาพัก? นางมองโม่ฉีหมิงด้วยความสงสัยเขารู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่เขากุมมือนางเดินเข้าไปด้วยพูดไปด้วย“ที่นี่เป็นที่ๆข้าซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อนกะไว้ว่าจะมาพักที่นี่ตอนต้องการพักผ่อนหย่อนใจแต่ว่าไม่เคยมีเวลาว่างครั้งนี้ที่มากับเจ้าเป็นครั้งแรกที่มาที่นี่” ที่แท้เขาซื้อไว้นี่เองดูๆแล้วอสังหาริมทรัพย์ของโม่ฉีหมิงไม่น้อยครอบคลุมทุกพื้นที่เลยคนสมัยก่อนก็รู้จักซื้อที่ดินซื้อบ้านไว้มิน่าล่ะสมัยนี้ราคาถึงขึ้นสูงมาก เข้ามาถึงตำหนักซันส่วยแห่งนี้เหมือนได้มาถึงโลกแห่งสมัยโบราณจริงๆตั้งแต่ข้างนอกจนถึงข้างในทุกอย่างใช้ดิ้นทองสร้างหมดประตูได้เปิดขึ้นกว้างๆเหมือนกำลังต้อนรับพวกเขาเข้ามาที่นี่ ตำหนักซันส่วยที่ใหญ่มโหฬารขนาดนี้กลับไม่มีบ่าวรับใช้อยู่แม้แต่คนเดียวแต่ข้างในกลับทำความสะอาดไว้อย่างสะอาดไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่นิดเดียวเรานั่งลงเย่หวินเทน้ำดื่มออกมาจริงๆก็รู้สึกกระหายน้ำเหมือนกันนางจับแก้วแล้วดื่มไปหมดแก้ว “หวินหลานพวกข้าไปดูห้องนอนกัน”โม่ฉีหมิงเห็นนางดื่มน้ำเสร็จถึงจะเอ่ยชวน พวกเขาเดินตามระเบียงที่เอียงไปเอียงมาจนถึงห้องพักสักทีห้องนอนเต็มไปด้วยบรรยากาศค่ำคืนที่แสนความอบอุ่นในห้องเต็มไปด้วยแสงที่จุดจากเทียนยิ่งทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น โต๊ะข้างในห้องวางอาหารหรือของกินจนเต็มโต๊ะขนมไม่เปลี่ยนตลอดกาลก็คือขนมถั่วเขียวโล่หวินหลานดูเหมือนจะหิวจริงๆนางรีบใช้มือจับแล้วยัดเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย “ล้างมือ”โม่ฉีหมิงสั่งการ ดูนางเห็นขนมถั่วเขียวแล้วเหมือนไม่ค่อยมีสติลืมหมดทุกอย่างเขายื่นมือไปยกกะลามังมาเพื่อให้นางล้างมือก่อน โล่หวินหลานรู้สึกเกรงใจจึงเอามือในล้างในกะลามังนึกไม่ถึงเลยว่าโม่ฉีหมิงจะรักความสะอาดอย่างนี้ตลอดเวลาและนางที่เกิดเป็นหมดกลับลืมเรื่องที่ว่าโรคทุกอย่างมาปากของที่เราเอาเข้าปากนี่แหละ “ช้าๆหน่อยอย่าติดคอล่ะ”โม่ฉีหมิงใช้เสียงต่ำบอกเตือนนาง ดูนางเหมือนจะหิวมากก็ไม่ได้พูดอะไรและนั่งอยู่เงียบๆตรงข้างๆดูนางกินไปตอนที่นางกินอะไรไม่เหมือนบุคลิกของนางตอนปกติตอนเวลานางกินดูเหมือนเด็กมาก โม่ฉีหมิงไม่รู้ตัวว่านัยน์ตาของตัวเองเต็มไปด้วยความโปรดปราญและรักใคร่สายตาของเขาที่ใช้มองนางมีความรู้สึกอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาจนเขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำ และโล่หวินหลานเองก็เห็นถึงความสัมพันธ์ของพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยถึงแม้การเปลี่ยนแปลงแบบนี้จะไม่เยอะมากแต่มันเป็นความสัมพันธ์ที่นางสัมผัสได้ว่าเป็นความจริง บางครั้งนางยังสงสัยเลยว่านี่เป็นโม่ฉีหมิงคนเดิมอยู่ไหม เมืองอูมีคนพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากพอดีที่มานี่แล้วมาเจอเทศบาลระบำผีทุกบ้านทุกเรือนต่างก็แขวนโคมไฟไว้ที่หน้าบ้านพอรอถึงช่วงค่ำๆเทศกาลระบำผีมีแต่ในเมืองอูเท่านั้นที่มีรายการแบบนี้ทุกครั้งที่ถึงวันนี้ชาวบ้านก็จะสวมใส่หน้ากากแล้วระบำเต้นรำอยู่บนถนนตามซอยชายบางคนถือโอกาสนี้หาหญิงสาวที่ตนชอบและเชิญพวกนางเต้นรำถ้าพวกนางยอมเต้นรำกับเขานั่นก็ถือว่านางก็ชอบเขา ดังนั้นชาวบ้านที่จะมาเฉลิมฉลองเทศบาลนี้ส่วนมากจะเป็นกลุ่มหนุ่มสาวพวกเขาจะถือวันนี้เป็นวันสารภาพรักวันนี้ถือว่าเป็นวันวาเลนไทน์ โล่หวินหลานถูกเสียงกลอนที่ดังจากข้างนอกจนทำให้นางตกใจตำหนักซันส่วยที่พวกเขาอยู่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของทิศใต้ในเมืองแห่งนี้นึกไม่ถึงเลยว่าถึงจะอยู่ห่างไกลขนาดนี้ยังได้ยินเสียงทำให้โล่หวินหลานรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา จากนั้นนางเลยพยายามหน้าด้านจะลากโม่ฉีหมิงออกไปเดินเที่ยวให้ได้ โม่ฉีหมิงเปลี่ยนแปลงความคิดของนางไม่ได้จึงได้แต่ลากฉินหยิ่นและเย่หวินไปด้วย มาครั้งนี้ถือว่าไม่เสียเที่ยวบรรยากาศข้างนอกทำให้ตาของโม่หวินหลานมองจนตาลาย ที่ข้างๆสะพานหินมีสวนสาธารณะที่มีกลุ่มคนที่ใส่เสื้อสีแดงกำลังตีกลองพวกเขาล้อมรอบผู้คนที่อยู่ข้างในและพ่อค้าที่ขายหน้ากากอยู่ตรงข้างถนนขายของดีมากมีคนหนึ่งซื้อเสร็จอีกคนก็มาซื้ออีกกลุ่มหนุ่มสาวเกือบทุกคนต่างก็เดินเล่นกัน บางครั้งกำลังเตรียมตัวเต้นรำพ่อค้าที่ขายผ้าหลากสีกำลังระบำผ้าเพื่อสาธิตให้ดูถ้าชอบใครก็ให้สะบัดผ้าไปคล้องคอเขาไว้ “ฉีหมิงเย่หวินฉินหยิ่นพวกเราไปลองเล่นดูเถอะ”โล่หวินหลานพูดขึ้นด้วยความสุขและซื้อผ้าสีแดงกับพ่อค้าแต่นางยังไม่ทันได้ยื่นมือออกไปเลยก็มีคนจะจับไว้ “คนเยอะอย่าไป”เสียงโทนต่ำของโม่ฉีหมิงดังขึ้นข้างหูนาง ดูเหมือนเขาไม่ค่อยชอบที่ๆมีคนเยอะและมีแต่ความวุ่นวายแต่ว่าโล่หวินหลานชอบเลยได้มานี่ถ้าจะลากเขาไปเต้นรำมันคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน โล่หวินหลานยังไม่ทันเอ่ยปากพูดไหล่ของนางก็โดนคนอื่นแตะคนๆเดินไปโดยไม่สนว่าจะชนใครเลยโม่ฉีหมิงยื่นมือของเขาออกไปจับมือนางไว้และมืออีกข้างโอบเอวนางไว้เพื่อไม่ให้นางล้มลง สายตาของเขากำลังโกรธแบบน่ากลัวเขาจับจ้องไปยังฉินหยิ่นฉินหยิ่นพยักหน้าและจับดาบที่หลังเขาไว้แน่นๆสีหน้าที่ดูไม่พอใจกำลังจะวิ่งตามคนๆนั้นแต่กลับโดนโล่หวินหลานขวางไว้ “ฉินหยิ่นข้าไม่เป็นไร”โล่หวินหลานส่ายหัวให้ฉินหยิ่น ฉินหยิ่นมองหน้าโม่ฉีหมิงมองจากสายตาของเขาฉินหยิ่นก็รู้ว่าตนต้องทำยังไงเขาค่อยๆเอามือออกจากดาบและหันกลับมายืนอยู่ข้างๆเขาทั้งสอง เขาเข้าใจสักทีโม่ฉีหมิงเกิดความรู้สึกอะไรกับโล่หวินหลานที่แท้คนๆหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงเพื่ออีกคนเพื่ออยากได้ยินแค่คำๆเดียวจากคนๆนั้น เขาหันหน้าไปมองเย่หวินที่ยืนอยู่ข้างๆถ้าวันนึงเขาสองคนเป็นอย่างนี้ก็น่าจะดี “เย่หวินฉินหยิ่นพวกเจ้าไม่ไปเต้นรำหรือ?”โล่หวินหลานจริงๆแค่อยากจะทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นเรื่องเมื่อกี้ที่เกิดขึ้นทำให้โม่ฉีหมิงยิ่งกังวลขึ้นเขาบอกให้นางขึ้นไปอยู่ในศาลาและเฝ้ารอไม่ให้ไปไหนและไม่ให้ใครว่าแตะต้องนาง ส่วนฝั่งฉินหยิ่นและเย่หวินยิ่งระมัดระวังและสังเกตคนสัญจรไปมามากยิ่งขึ้น “ไม่ไปแล้วขอรับพระชายา”ฉินหยิ่นตอบกลับสายตาของเขามองยังเย่หวินเขาแค่อยากพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดไม่ออกแววตาของเขาเต็มไปด้วยความอดกลั้นความรู้สึกไว้ พวกเขารู้ว่าถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากโม่ฉีหมิงพวกเขามิบังอาจไปแน่นอนโล่หวินหลานมองหน้าโม่ฉีหมิงและกระพริบตาใส่เขาหน่อยๆขนตาอันเหลียวยาวของนางยิ่งทำให้นางดูน่ารัก “ฉินหยิ่นเย่หวินพวกเจ้าไปเถอะ”โม่ฉีหมิงเห็นแววตาของนางและทำตามความต้องการของนาง กลองที่ล้อมรอบวงศ์ไว้ยิ่งตีก็ยิ่งดังในค่ำคืนที่ไม่สงบกลับเพิ่มเติมไปด้วยแสงสีเสียงฉินหยิ่นมองหน้าเย่หวินที่อยู่ข้างๆเขาสีหน้าของนางยังคงเหมือนเดิมและสายตามองไปข้างหน้าเหมือนเดิมเหมือนกำลังให้ความรู้สึกกำลังต่อต้านเขา เขายื่นมือไปจับแขนของนางนางขมวดคิ้วขึ้นและหันหลังมาใช้สายตาที่ไม่พอใจมองเขาแค่นางนึกไม่ถึงว่าจะโดนเขาลากเข้าไปในวงศ์ระบำที่กำลังหสนุกและคึกคัก ส่วนสองคนที่อยู่ข้างๆศาลาได้แต่มองผู้คนที่กำลังสัญจรไปมาและมองคนที่กำลังสารภาพรักซึ่งกันและกันโดยการถอดหน้ากากลงและจุงมือกันเดินจากไปภาพที่เกิดขึ้นทำให้ดูแล้วน่าอิจฉา “นี่ข้าอยากได้อันนั้น”โล่หวินหลานชี้ไปยังผ้าสีแดงยาวผืนนั้นคำพูดที่ใช้แอบแฝงไปด้วยคำสั่งและบังคับ โม่ฉีหมิงได้ยินคำพูดของนางทำให้เขาต้องทำตามเขาเดินไปที่ทิศทางที่นางชี้เมื่อกี้อย่างไร้สติขนาดถามยังไม่ถามนางก็เดินไปหาพ่อค้าคนนั้นแล้วเขาเอาเงินออกมา1ตำลึงให้พ่อค้าและหยิบผ้านั้นมาเอง “ท่านชายขอรับท่านชายขอรับเงินถอนครับ……”พ่อค้ากำลังจะถอนเงินแต่หันไปปุ๊บก็ไม่เจอชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็นที่เห็นคือผู้คนที่แออัดมากมาย พ่อค้าเผยยิ้มออกมาเบาๆกำลังคุยกับตัวเองว่าให้เอาเงินถอนเก็บเข้าไปในถุงเงินเงินที่ถอนให้โม่ฉีหมิงจะเยอะกว่าที่เขาขายผ้ามาทั้งคืน โม่ฉีหมิงเข็นรถเข็นกลับไปหาโล่หวินหลานเอาผ้าที่เมื่อครู่เขาซื้อให้นางแสงจันทร์สอดส่องลงตรงใบหน้าของนางนางเหมือนดอกบัวที่กำลังผลิบานที่ทั้งผุดผ่องและสว่าง “นี่ให้เจ้า”โล่หวินหลานกดเสียงต่ำคุยกับเขาและผลิยิ้มให้เขานางยื่นมือเอาผ้านั่นมาคล้องใส่คอของเขา แต่ว่าตอนที่นางกำลังจะคล้องผ้าใส่คอของเขากลับมีผ้าสีน้ำเงินอีกผืนหนึงคล้องไว้ที่คอเขาก่อนและช่วยเขาผูกโบว์ขึ้นอย่างสวยงาม สองตาของโล่หวินหลานตกใจไปสักพักและจับผ้าที่กำลังจะคล้องคอเขาไว้แน่นๆและค่อยๆลุกขึ้นจ้องไปยังผู้หญิงที่ชิ่งนางคล้องก่อน หญิงผู้นั้นดูแล้วเหมือนคนพื้นที่นี้แหละตอนนี้นางดูงดงามจริงๆบนหัวมัดผ้าตะข่ายแดงไว้ผมอันเงางามของนางพากลงบนไหล่ทั้งสองข้างไปจนถึงเอวแววตาที่มีสเน่ห์ของนางกำลังจ้องมองโล่หวินหลานปากที่ดูเซ็กซี่ค่อยๆกระตุกขึ้น “ผ้าสีน้ำเงินถึงจะเหมาะกับหน้าตาอันหล่อเหลาของเขาผ้าสีแดงหลากสีเหมือนของเล่นของเด็กๆไม่เหมาะกับเขาเลย”น้ำเสียงของหญิงสาวนั่นเหมือนโอ้อวดและยกย่องตัวเองเป็นอย่างมาก นอกจากเย่เซียวหลัวแล้วก็คือผู้หญิงคนนี้แหละที่โอ้อวดนางยิ้มแห้งๆในใจที่แท้คนสมัยโบราณชอบใช้วิธีแบบนี้ในการแสดงออกซึ่งคนที่รักงั้นหรอ?นางใช้สายตาที่เย็นชามองโม่ฉีหมิงคอของเขาที่คล้องผ้าผืนสีน้ำเงินไว้มองไปก็รู้สึกสะดุดตามากๆ “ดึงออกมา”นางจ้องโม่ฉีหมิงและสั่งเขา นางจ้องมองผู้หญิงคนนั้นไว้ดีๆไม่ดูหน่อยเลยว่าโม่ฉีหมิงเป็นใครบังอาจมาแย่งผู้ชายของคนอื่นถึงหัวของนางงั้นหรือ? หญิงสาวผู้นั้นดูสีหน้าเริ่มไม่ดีแล้วนางเขม้นตามองโม่ฉีหมิงเห็นเพียงแค่มือทั้งสองข้างค่อยๆจับลำคอตัวเองและค่อยๆดึงผ้าผืนน้ำเงินนั่นออกมา โม่ฉีหมิงกระตุกมุมปากขึ้นและยิ้มแห้งๆเล็กน้อยยื่นมือเอาฟ้าผืนน้ำเงินให้หญิงสาวผู้นั้นและเน้นย้ำไป“นอกจากนางหญิงอื่นใดข้าไม่ต้องการ” หญิงสาวผู้นั้นรู้สึกตกใจเหมือนจะไม่อยากเชื่อเลยว่าโม่ฉีหมิงจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาแววตาของนางแดงขึ้นมาทันทีไม่นานลูกตาของนางเหมือนมีแม่น้ำไหลลงมาที่ผ่านมานางยังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางสารภาพรักกับชายหนุ่มเขาเป็นคนแรกที่ไม่คิดแม้แต่จะเหลียวตามองนางเลยนางไม่เคยเจออะไรที่มันโหดร้ายขนาดนี้มาก่อนและไม่เคยเสียใจขนาดนี้มาก่อน นางเป็นหญิงสาวที่สูงส่งและสวยงามที่สุดในเมืองอูชายหนุ่มที่ฐานะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวยต่างก็หวังว่าจะได้รับผ้าที่หญิงสาวให้แต่ว่านางไม่เคยให้ใครเลยและครั้งนี้นางก็คล้องให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็น 
已经是最新一章了
加载中