ตอนที่ 84 ยุ่งเหยิง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 84 ยุ่งเหยิง
ต๭นที่ 84 ยุ่งเหยิง “เย่เซียนหลัว เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าทำแบบนี้มันมีผลตามมายังไงบ้าง? พวกเจ้าสองคนนี่มัน .......” คำพูดของรัชทายาทหลังจากนั้นเขาไม่กล้าพูดมันออกมา เขาเก็บความโกรธกลับไป แล้วเปลี่ยนเป็นการถาม เย่เซียนหลัวร้องไห้หนักมาก มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่านางร้องไห้เพราะอะไร นางไม่ได้ร้องเพราะรัชทายาทรู้เรื่องนางกับเวินอ๋อง แต่เป็นเพราะนางรู้ใจตัวเองแล้ว ในใจของนางมีแต่เวินอ๋อง ไม่ใช่รัชทายาท “รัชทายาท ข้าจะเป็นคนไปอธิบายเรื่องนี้เอง แล้วจะไปร้องขอให้ฮ่องเฮาถอนหมั้นให้ข้าได้แต่งงานกับเวินอ๋อง คนที่ข้ารักไม่ใช่ท่าน ข้าจะแต่งงานกับคนที่ข้ารักเท่านั้น” เย่เซียนหลัวสะอื้น นางพูดความในใจของนางออกมาหมด รัชทายาทตัวสั่น สายตาของเขาตอนนี้เหมือนกับมีดดาบ เขามองไปที่เวินอ๋องที่อยู่บนพื้น เขาพูดว่า “ได้ ในเมื่อพวกเจ้าต้องการแบบนี้ ข้าก็จะไม่ห้าม” พูดจบ เขาก็ออกจากร้านชาไป เมื่อรัชทายาทออกไปแล้ว นางไม่มีความกลัวเลย แถมยังโล่งใจด้วย ตอนนี้ในใจของนางมีแต่เวินอ๋องไม่มีคนอื่นอีก กลิ่นหอมภายในห้องสลายไปอย่างรวดเร็ว ภายในห้องไม่มีกลิ่นอะไรอีกแล้ว มีเหลือพียงแต่กลิ่นคาวเลือด แล้วก็ร่องรอยการต่อสู้ของทั้งคู่ โต๊ะกับข้าของเครื่องใช้แตกหมดแล้ว บนพื้นมีแต่เศษแก้วกระจัดกระจายไปหมด “เจ้าเป็นยังไงบ้าง? ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ” เย่เซียนหลัวพยุงเวินอ๋องขึ้นมา สีหน้าของเขาแย่มาก ริมปากมีเลือดไหลออกมา เย่เซียนหลัวยื่นมือไปเช็ดเลือดที่ปาก ใบหน้าของเขามีบาดแผลมากมายเต็มไปหมด แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นเย็นชามาก “ไม่เป็นไร เซียวหลัว เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรกับรัชทายาท? เจ้าอยากแต่งงานกับข้า?” เสียงของเวินอ๋องมันแงไปด้วยการประชดประชัน สายตาของเขาเหมือนคนแปลกหน้า น้ำเสียงที่เขาถามเย่เซียนหลัวมันทำให้นางเจ็บ นางสูดหายใจเข้าลึก แล้วถามอย่างสงสัยว่า “ใช่ ข้ากับรัชทายาทไม่ได้รักกัน ข้าไม่มีทางแต่งงานกับเขา” เย่เซียนหลัวพูดพรางส่ายหน้า น้ำตาของนางไหลลงมาทั้งสองด้าน นางมองสายตาของเวินอ๋องมันเหมือนสายตาของคนแปลกหน้า เหมือนคนตรงหน้านั้นไม่ใช่เวินอ๋องที่นางรู้จัก “เจ้าเองก็แต่งกับข้าไม่ได้เหมือนกัน” เวินอ๋องตะคอก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เซียนหลัวจะพูดแบบนี้ออกมา เขาทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้นาง แต่ไม่ใช่เพื่อให้นางมาแต่งงานกับเขา เขาแค่อยากให้นางเชื่อใจเขาเท่านั้น หากเป็นอย่างนั้นจริง เขาจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่ไม่สนใจความรู้สึกของพี่น้อง แต่ถ้าอย่างนี้ เขากลัวว่าจะทำให้ทำให้ความสัมพันธ์ของเย่เซียนหลัวมีปัญหา แล้วเย่เซียนหลัวจะไม่เชื่อใจเขาอีก แต่ว่า เขาแต่งงานกับเย่เซียนหลัวไม่ได้จริงๆ “เวินอ๋อง ทำไมเจ้าทำแบบนี้? เมื่อกี้ที่ข้าพูดกับรัชทายาทนั้นเป็นความจริงทั้งหมด นอกจากพี่ชายสามคนของข้าแล้ว ไม่มีใครที่ดีกับข้าเหมือนเจ้าเลย ข้าอยากจะแต่งงานกับเจ้าจริงๆ ทางฮ่องเฮาเดี๋ยวข้าจะเป็นคนไปพูดเอง ...... ข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อนแน่นอน” เย่เซียวหลัวพูดจนจบ ก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด นางจับมือของเวินอ๋องไว้แน่น นางเริ่มไม่อยากเสียความอ่อนโยนแบบนี้ไป นางอยากจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางได้รับ ภายในห้องตอนนี้มีเพียงเสียงร้องไห้ของเย่เซียวหลัวเท่านั้น น้ำตานองหน้านาง นางก้มหน้าร้องไห้ เสียงสะอื้น คำพูดของนางทุกคำมันทิ่มแทงใจของเวินอ๋องมาก มันเหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ในอก เวินอ๋องก้มหน้าแล้วถอนหายใจ เขาใช้สองมือจับไปที่ใบหน้าเย่เซียนหลัวอย่างอ่อนโยน เขาใช้นิ้วของเขาในการเช็ดน้ำตาของนาง เหมือนจะเห็นใจนางมากแล้วพูดว่า “เซียวหลัว ข้าแต่งงานกับเจ้าไม่ได้จริงๆ คนที่เจ้าต้องแต่งงานด้วยคือรัชทายาทไม่ใช่ข้า เรื่องของเราไม่มีใครยอมรับมันได้หรอก มันมีแต่จะทำให้คนหัวเราะเยาะเท่านั้น” คำว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้มันทำให้เย่เซียวหลัวเจ็บปวด นางไม่เข้าใจ หากอยู่ด้วยกันไม่ได้ แล้วเขาจะทำดีกับนางทำไม? แล้วจะพานางไปเที่ยวทำไม? แล้วเมื่อกี้เขาจะทำกับนางยังไง? นางถามเขาด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ถ้าอย่างนั้น ที่เจ้าทำเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง? เจ้า ทำเรื่องแบบนั้นกับข้า มันหมายความว่ายังไง?” “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าอย่าถามข้าอีกเลยว่ามันคืออะไร จู่จู่มันก็ ก็ ...... เซียวหลัวเจ้าเข้าใจไหม?” เวินอ๋องขมวดคิ้ว น้ำเสียงแข็งมาก เขาพยุงตัวเองลุกขึ้นมา เมื่อกี้สู้กับรัชทายาทไป ร่างกายเหมือนรับไม่ไหว สมองเบลอมาก เขาใช้มือตบไปที่หน้าผาก เขามองไปที่ขวดน้ำหอม เขาได้ยินเสียงเย่เซียนหลัวร้องไห้ เขาก็เข้าใจอะไรขึ้นมาทันที ตั้งแต่เขาเริ่มพาเย่เซียนหลัวออกไปเที่ยวเล่น แผนการทุกอย่างมันก็เริ่มต้นขึ้น เจอคนขายน้ำหอม เสี่ยวเอ้อที่ส่วยซินเก๋อ พวกเขาถูกจูงจมูกให้เดินตามเกม พวกเขาเดินเข้าสู่หลุมพรางที่พวกเขาวางไว้ แม้แต่รัชทายาทเองก็ถูกวางหลุมพรางเอาไว้เหมือนกัน ตั้งใจให้รัชทายาทมาเห็นละครฉากนี้ เขาประมาทมากไป ทำให้ตกหลุมพรางใหญ่ขนาดนี้ คนที่วางแผนเรื่องนี้ร้ายมาก ทำให้รู้สึกขนลุก ทำให้ตกหลุมพรางโดยไม่รู้ตัวเลย เวินอ๋องเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมา เขาเริ่มจัดการความรู้สึกความคิดของตัวเองได้แล้ว เขาจับไปที่ไหล่ของเย่เซียนหลัว แล้วพูดว่า “เซียวหลัว เจ้ารู้ไหม? ทุกอย่างมันมีคนวางแผนให้เราเจอแบบนี้ เราตกหลุมพรางที่คนวางไว้” เขาพูดจบ ก็หันไปหยิบน้ำหอมบนพื้นขึ้นมา แล้วเก็บเศษขวดน้ำหอมเข้าไปกระเป๋าของตัวเอง แค่เอาของนี่กลับไปให้คนตรวจสอบ ก็จะรู้ว่ามันเป็นอะไร มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังมีอารมณ์มาเก็บน้ำหอมไปอีก หรือว่าคิดจะเก็บของพวกนี้เพื่อปกปิดความจริง? เย่เซียนหลัวปัดเศษเครื่องหอมในมือของเขาออก แล้วผลักเขา “โม่ฉีหาน เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าพูดอะไรออกมา? ข้าคิดไม่ถึงว่าคนอย่างเจ้า จะหนีด้วยการบอกว่ามันเป็นแผน ข้าว่าเจ้าต่างหากที่เป็นคนวางแผนทุกอย่าง” เย่เซียนหลัวส่ายหน้า แล้วถอยหลัง เหมือนกับว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้เป็นปีศาจร้าย นางค่อยๆออกจากห้อง ไม่กล้ามองหน้าเวินอ๋อง นางไม่เชื่อว่าคนที่นางรักหมดหัวใจจะเป็นคนไม่รับผิดชอบมากขนาดนี้ นางวิ่งออกจากร้านชา ทุกคนต่างมองมาที่แม่นางผมยาวที่น้ำตานองหน้าอยู่ จนกระทั่งนางวิ่งออกจากส่วยซินเก๋อไป ทุกคนเริ่มกลับมาพูดคุยกัน แค่เปลี่ยนประเด็นเป็นเรื่องผู้หญิงที่วิ่งออกไปเมื่อกี้ โรงเตี๊ยมข้างๆชั้นสอง หลังผ้าม่าน ดวงตาสองดวงจับจ้องมาที่เย่เซียวหลัวที่วิ่งออกจากส่วยซินเก๋อ พวกเขายิ้ม แล้วเดินเข้าไปในห้อง “รัชทายาทออกจากส่วยซินเก๋อด้วยความโกรธ เย่เซียวหลัวร้องไห้ออกมา ไม่รู้ว่าเวินอ๋องจะเป็นยังไงบ้าง สามคนนี้เล่นละครออกมาจนได้” โล่หวินหลานพูดอย่างจนปัญญา โม่ฉีหมิงตอบว่า “มันก็แค่ละครฉากหนึ่งไม่ใช่หรอ?” “สงสารเย่เซียวหลัวจัง” โล่หวินหลานพูด ในละครฉากนี้ คนที่เสียหายมากที่สุดคือเย่เซียนหลัว แต่ว่าในฐานะคนกลางที่ยืนอยู่ระหว่างทั้งสองคน โล่หวินหลานไม่มีเห็นใจนาง เงาของคนที่สวมชุดสีเหลืองยังวิ่งอยู่บนถนน มือหนึ่งปาดน้ำตา โดยไม่สนใจว่าจะชนถูกใครได้ สายตาของโม่ฉีหมิงไม่มีความรู้สึกอะไร เขาดื่มเหล้าดอกเหมย “มันเป็นชะตาชีวิตของนาง เกิดมาในตระกูลเย่ ก็ต้องเข้าสู่การชิงดีกันในราชสำนัก” ที่แท้ผู้หญิงโบราณก็น่าสงสารเหมือนกัน ไม่มีสิทธิเลือกชีวิตของตัวเอง นางไม่อยากเป็นแบบนี้ นางจะกำหนดชะตาชีวิตตัวเอง โม่ฉีหมิงมองไปที่นาง เห็นนางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเหมือนรู้ว่านางกำลังคิดอะไร ก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ สิ่งที่เจ้าคิดมันจะไม่มีทางเกิดขึ้น ข้าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด” คำมั่นสัญญาแบบนี้มันเป็นคำหวานที่ดีที่สุดในโลกเท่าที่เคยได้ยินมาเลย โล่หวินหลานรู้สึกว่าตัวเองโชคดี ที่ได้มาเจอโม่ฉีหมิง สายตาของนางเป็นประกาย ในสายตาของโม่ฉีหมิง เขารู้สึกว่าโลกนี้สว่างไสวขึ้นมา เหมือนความไม่สบายใจทั้งหมดมันหายไปพร้อมกับสายตาของนาง “หากเจ้ากล้าทำ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ข้าจะไม่เป็นอย่างเย่เซียวหลัวเด็ดขาด” โล่หวินหลานพูด คิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดของโล่หวินหลาน โม่ฉีหมิงไม่ได้รู้สึกว่าถูกข่มขู่แต่กลับทำให้เขารู้สึกขำ เขายิ้ม ปากของเขาเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยว เขายื่นมือออกไปจับมือของโล่หวินหลานไว้ เขารู้สึกเอ็นดูนางแล้วพูดว่า “ข้าจะไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด ข้าทนไม่ได้หรอก” โล่หวินหลานยิ้มกว้างออกมา นานมาก กว่าเวินอ๋องจะออกจากส่วยซินเก๋อ ใบหน้าของเขามีแค่รอยแผล ที่ริมฝีปากยังมีรอยเลือดที่เช็ดออกไม่หมด เขาดูเครียดมาก ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยความหดหู่ “ดูท่าสู้กันครั้งนี้จะรุนแรงมากเลย เจ้าคิดว่าใครจะได้เปรียบ?” โล่หวินหลานเปิดม่านออกดู สายตาจ้องไปที่เงาบนถนน แล้วก็มองไปที่โม่ฉีหมิง โม่ฉีหมิงเลื่อนรถเข็นไปที่หน้าของนาง แล้วพูดว่า “เสมอกัน” ไม่ว่าจะรัชทายา หรือว่าเวินอ๋อง ไม่มีใครได้เปรียบใครทั้งนั้น พวกเขาดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ยุ่งเหยิงผสมไปจนหมดแล้ว ตั้งแต่เริ่ม พวกเขาสามคนก็ตัดกันไม่ขาดแล้ว เสมอกัน? โล่หวินหลาน ไม่ตอบ แต่ดูท่าทางแล้วเวินอ๋องจะเละกว่า “ฉีหมิง ข้าคิดว่าเวินอ๋องน่าจะรู้แล้วว่าคนที่วางแผนนี้คือใคร เราจะทำยังไงต่อ?” โล่หวินหลานถาม จะต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่เวินอ๋องจะสืบรู้เรื่องพวกเขา หลังจากดูละครของทั้งสามคนจบ พวกเขาก็ทำลายของทั้งหมด เพื่อไม่ให้ใครสาวมาถึงตัวพวกเขา โม่ฉีหมิงมองไปที่รถม้าที่อยู่ด้านล่าง คนเดินไปเดินมามากมาย เขาจับมือของโล่หวินหลานไว้ ไม่พูดอะไร เรื่องแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องบอกนาง เพราะนางเป็นคนฉลาด รู้มากเกินไปก็จะเป็นอันตราย เขาไม่อยากให้นางต้องมีอันตราย เห็นเขาไม่พูดอะไร นางก็ไม่ถามต่อ จ่ายเงิน แล้วก็กลับจวนหมิงอ๋อง
已经是最新一章了
加载中