ตอนที่92ได้รับความช่วยเหลือ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่92ได้รับความช่วยเหลือ
ต๭นที่92ได้รับความช่วยเหลือ ด้านในของสวนกว้างมีโต๊ะหินศิลาวางอยู่ด้านข้างสุดด้านซ้ายของโต๊ะหินศิลามีชั้นวางกระถางดอกไม้สีม่วงวางอยู่หากว่าด้านล่างไม่มีสตรีสวมชุดขาวถูกมัดพันธนาการไว้ที่นี่คงสวยสดงดงามดั่งสรวงสวรรค์เป็นแน่ “หวินหลานเจ้าทายสิว่าเขาจะหาเจ้าเจอไหม?”น้ำเสียงของเวินอ๋องเคลือบแฝงไปด้วยความร้ายกาจมือใหญ่ทั้งสองลูบไปที่คอสวยของโล่หวินหลานหลังมือของเขาค่อยๆลูบคลำไปที่ใบหน้าสวย โล่หวินหลานอยู่ใต้อาณัติถูกคนควบคุมไว้ไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้สายตาของนางได้แต่จ้องไปที่มือใหญ่ที่คอยลูบคลำใบหน้าของหน้าไปมาด้วยความโกรธพอหลบเขาได้ทีหนึ่ง “ออกไปนะอย่ามาแตะต้องตัวข้า”โล่หวินหลานเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธเหลือเพียงแค่ไม่ได้อ้าปากกัดเขาเท่านั้น เวินอ๋องไม่ได้มีความรีบจะเอามือออกไปแต่กลับมองหน้าด้วยสายตาเสียดายหน้าตาท่าทางโกรธของนางช่างน่ารักน่าเอ็นดูสิ่งที่เขาอยากเห็นที่สุดคือการได้เห็นคนอื่นอยู่ในกำมือของเขาไม่สามารถต่อต้านเขาได้มีความรู้สึกอยากบีบไว้ในกำมือแน่น “หวินหลานท่าทางของเจ้าในตอนนี้ช่างทำให้คนหลงรักยิ่งนัก!เจ้าอยากรู้ไหมตอนนี้โม่ฉีหมิงอยู่ที่ไหน?”เวินอ๋องค่อยๆเลิกคิ้วชักมือตัวเองกลับ โมฉีหมิงยังคงใช้ได้ผลเสมอพอเอ่ยถึงชื่อเขาปุ๊บโล่หวินหลานก็ลนลานทันทีแต่นางทำได้แค่จ้องเขาด้วยสายตาโกรธแค้นเท่านั้น นางคิดไม่ถึงว่าเวินอ๋องจะเกลียดชังโม่ฉีหมิงถึงเพียงนี้ตั้งแต่ลองต่อสู้จนถึงขั้นต่อสู้แย่งชิงกันอย่างเปิดเผยถึงขั้นลักพาตัวจับตัวนางมาจากโรงเตี๊ยมมาไว้ที่จวนของเขาอย่างโจ่งแจ้งเขาเป็นปีศาจที่บ้าคลั่งรึไง? “เจ้าหลอกโม่ฉีหมิงไปที่ใดกันแน่?”โล่หวินหลานมองเขาด้วยสายตาสงสัยไปที่เวินอ๋อง ความกังวลของนางอยู่ในสายตาของเวินอ๋องในอกของเขาสุมไป้วยแรงไฟความโกรธเกรี้ยวเห็นคนที่เบื้องหน้าที่ตัวเองรักกกลังเป็นห่วงชายอีกคนยิ้มของเขาเริ่มชั่วร้ายขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าเขาก็ยังคงเก็บความโกรธแค้นริษยาของเขาไว้ค่อยๆกระดกเหล้าในจอกจนหมดกลิ่นและความร้อนของแอลกอฮอล์ถูกราดรดข้างหูของนาง“เจ้าไม่รู้แน่ว่าข้าใช้รถม้าอีกคันหลอกล่อเข้าไปตงซานที่อยู่นอกเมืองในถ้ำข้าจัดการให้นักฆ่าคอยอยู่ในถ้ำขอแค่เขาเข้าไปยากนักที่มีชีวิตออกมาได้” คิ้วโก่งดั่งคันศรของเขาค่อยๆเลิกขึ้นมองไปที่ใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปของโล่หวินหลานรู้สึกสาแก่ใจนักแค่โม่ฉีหมิงเท่านั้นเอง?เขามีอะไรดีนัก?สุดท้ายก็ต้องตกอยู่ในกำมือของเขาวันนี้เป็นเพราะเขาประมาทเกินไปถึงถูกลองปองร้าย โล่หวินหลานกัดริมฝีปากแน่นพยายามกดบังคับความโกรธในใจพยายามทำให้ใบหน้าสงบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้มือที่ถูกมัดเชือกแน่นไม่หยุดที่จะถูไปมาจนข้อมือบางเริ่มมีเลือดซึมออกมาจึงทำให้นางขมวดคิ้วขึ้นความเจ็บปวดแล่นสู่หัวใจสุดลึก “ต่ำทราม!”ผ่านไปนานกว่าโล่หวินหลานจะพ่นออกมาหนึ่งคำ เวินอ๋องหัวเราะดังลั่นเห็นได้ชัดว่าสองคำนี้ไม่อาจทำอะไรเขาได้เขากุมมืบางสองมือที่ถูกไปล่หลังไว้แน่นจับไปที่รอยเชือกที่ถูกรัดจนแน่นเขาถึงค่อยๆหมุนตัวเดินไปนั่งด้านหลังของนางค่อยๆแกะเชือกที่มัดมือนางออก “จ็บถึงขนาดนี้แล้วทำไมไม่รีบบอก?”เวินอ๋องขมวดคิ้วขึ้นนัยน์ของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเขาค่อยๆหยิบยาออกมาสาดใส่มือน้อยที่ถูกรอยเชือกมัดจนเป็นแผล ท่าทางเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเขาทำให้โล่หวินหลานรู้สึกตกใจกลัวมือบางของนางเพราะถูกยาสาดลงไปทำให้รู้สึกเจ็บแสบนางค่อยๆถอยหลังมุกท้ายก็ถามอย่างอดไม่ได้“เวินอ๋องที่ท่านจับตัวข้ามาที่นี่ท่านกำลังคิดทำอะไรกันแน่?” ในที่สุดนางก็ถามเข้าประเด็นสีหน้าของเวินอ๋องเปลี่ยนไปเขารู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้ยื่นมือไปบีบไหล่ของโล่หวินหลานแน่นกล้ามเนื้อกระดูกทุกส่วนของมือใหญ่บีบเข้าที่ไหล่บางของนางแน่นดวงตาเย็นยะเยือกจ้องไปที่นาง“ข้าจะทำอะไรน่ะเหรอ?เจ้าไม่รู้ใช่ไหม?ตั้งแต่วันที่ข้าเจอเจ้าครั้งแรกเจ้าก็ทำให้โลกของข้าว้าวุ่นไปหมดทุกครั้งที่ข้าเห็นเจ้าข้าก็รู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้เจ้าปรากฏตัวก็ช่างเถอะแต่ทำไมเจ้าต้องแต่งกับโม่ฉีหมิวด้วย?เขาเป็นแค่คนพิการมีอะไรดีนัก?ในนี้ข้าจะส่งเจ้าออกไปไปให้ไกลที่สุดจะให้เจ้าไม่ต้องรบกวนชีวิตของข้าอีก” สีหน้าของเขาไม่เหมือนกับคนโกหกการควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาโล่หวินหลานเห็นได้อย่างชัดเจนแต่ว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเขาจะเลือกให้นางออกไป โลกของยุคสมัยแปลกหน้าแห่งนี้โม่ฉีหมิงคือคนที่ที่คุ้นชินหากเขาจะส่งนางออกไปนางจะไปที่ไหน?โม่ฉีหมิงจะตามหานางไหม? นางก้าวถอยหลังอย่างตกใจส่ายหัว“เจ้าทำไม่ได้และเจ้าก็ไม่กล้าอีกไม่นานโม่ฉีหมิงก็จะตามมาเจอที่นี่แผนที่เจ้าวางไว้ไม่มีวันสำเร็จแน่เขาจะต้องมาช่วยข้าออกไป” “ช่วยเจ้า?ข้าคิดว่าเขาน่าจะโดนคมธนูทิ่มแทงในถ้ำนั่นแล้วนะช่วยตัวเองยังไม่ได้จะมาช่วยเจ้าได้อย่างไร?”เวิรอ๋องส่ายหน้าไปมาอย่างเย้ยหยัน ความจริงแล้วหัวใจของโล่หวินหลานสนั่นสั่นไหวดั่งกลองที่ถูกทุบตีไปมาขาของโม่ฉีหมิงยังหายไม่ดีถึงเย่หวินฉินหยิ่นจะอารักขาเขาตลอดเวลาโดยเฉพาะเวินอ๋องต้องใช้คนที่มีวรยุทธ์แข่งกล้าทาสามารถต่อกรกับทั้งสองได้ก็เท่ากับหมูในอวย แต่เสียงแหบแห้งด้านหลังดังเข้ามาลอดหูของทั้งคู่อย่างชัดถ้อยชัดคำ“พระชายาของข้าก็ต้องเป็นตัวข้าเองอยู่แล้วที่มาช่วยนายทหารที่เก่งกาจห้าวหาญของเจ้านักสุดท้ายแล้วก็เสียแรงเปล่าประโยชน์” เสียงที่ดังเข้ามาในหูของโล่หวินหลานช่างเหมือนกับเสียงสวรรค์ที่ไพเราะเสนาะหูยิ่งนักเหมือนกับว่านางไม่ได้ยินเสียงนี้มาหลายวันแล้วนางรู้สึกโล่งอกผ่อนคลายทั้งตัวพอเห็นโม่ฉีหมิงเปรียบดั่งเห็นผืนหญ้าสีเขียวท่ามกลางทะเลทรายนางเหมือนกับเป็นปลาตัวเล็กที่กำลังขาดอากาศและน้ำที่กำลังจะแห้งตาย นางเห็นสีหน้าอันโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าอันหล่อเหลาของโม่ฉีหมิงดวงตามีน้ำตาลื่นขึ้นมา นัยน์ตาของเวินอ๋องมีชั่วแวบหนึ่งที่รู้สึกตกตะลึงสงบได้อย่างรวดเร็วรอยยิ้มของเขาราวกับว่าเขาคาดการณ์ไว้แล้วมองไปที่โม่ฉีหมิง “หมิงอ๋องท่านเกรงใจเกินไปแล้วข้าไม่ได้ใช้นายทหารเก่งกาจอะไรไปสู้กับเจ้ามาวันนี้ข้าแค่อยากเชิญหมิงพระชายามารื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆในเมื่อหมิงอ๋องท่านมาแล้วข้าก็จะให้คนส่งพวกเจ้ากลับไป”เวินอ๋องยิ้มอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นสายตาลุกวาวชั่วพริบตา “หวินหลานมานี่”โม่ฉีหมิงยื่นมือกวักเรียกนางเบาๆ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นคงกวักมือเรียกนางมาเข้าใกล้โล่หวินหลานสังเกตแล้วว่าขอแค่เขาเอ่ยเรียกนางหนึ่งคำก็ทำให้นางใจเต้นตึกตักได้ทำให้นางเข้าใกล้เขาอย่างห้ามไม่ได้ นางค่อยๆเดินไปทางด้านเขาช้าๆมองไม่เห็นสีหน้าของเวินอ๋องที่เย็นชาลงเรื่อยๆวินาทีที่นางกำลังจะเข้าใกล้โม่ฉีหมิงนั้นก็มีลูกธนูอันแหลมคมพุ่งตรงมาจากข้างหลังโล่หวินหลานไม่ทันรู้สึกตัวร่างบางก็ถูกมือใหญ่ดึงเข้าให้ข้างหูเล็กได้ยินเพียงเสียงเรียวเล็กฟึบดังขึ้นดั่งเสียงลมรู้สึกแค่มีเหล็กเล็กแหลมอันเย็นเชียบโฉบผ่านข้างหู นางยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นโม่ฉีหมิงผลักร่างบางของนางลงกับกระดานหินด้านหลังได้ยินเพียงเสียงของเขา“อย่าเข้ามาใกล้” ภายในศาลาของสวนได้จัดวางนักฆ่าไว้ทั้งตัวของเขาสวมใส่เสื้อสีดำทั้งตัวบนใบหน้ามีผ้าสีดำอำพรางอย่างมิดชิดมือบางของโล่หวินหลานถูกตรึงไว้กับเสาแน่นร่างบางตัวเย็นยะเยือกปิดตาลงชั่วพริบตาก็ได้ยินเพียงเสียงมีดดาบและลูกธนูดังก้องไปมาในหู ถึงจะรู้ว่าเวินอ๋องไม่ยอมรับว่าเป็นคนจับตัวลักพาตัวนางมาและไม่ยอมรับว่าเป็นคนหลอกล่อให้โม่ฉีหมิงเข้าถ้ำนั้นแต่เหตุการณ์ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้พวกเขาไปไหนแต่ว่าหากว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาที่นี่ฮ่องเต้ต้องให้คนตรวจสอบแน่ถึงเวลานั้นเวินอ๋องนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายยากที่จะพ้นคำครหาได้หรือเขาอาจจะบ้าไปแล้วที่คิดการณ์เช่นนี้ให้ตัวเองเดือดร้อน? โล่หวินหลานไม่เคยเห็นปืนมาก่อนไม่เคยจับดาบไม่เคยจับคันธนูนางมีเพียงวิชาแพทย์นอกนั้นก็ทำอะไรไม่เป็นเลยถึงแม้นางจะทำอะไรไม่เป็นนางก็จะออกไปอยู่เคียงข้างโม่ฉีหมิง นางตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวหยิบก้อนหินจากด้านหลังกระดานหินขึ้นมามองไปที่โม่ฉีหมิงที่อยู่ไม่ห่างจากตัวเองมากนักฉินหยิ่นใช้ดาบปัดกวาดไปยังลูกธนูที่พุ่งมาจากบนหลังคานับไม่ถ้วนมีเพียงลูกธนูที่พุ่งผิดทิศทางแค่ไม่กี่อันปักเข้าตรงหน้าของนางแต่ก็ถูกโม่ฉีกมิงปัดออกอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็มีลูกธนูที่ปลายมีลูกไฟติดอยู่พุ่งมาทางโม่ฉีหมิงอย่างรวดเร็วเปลวไฟลูกใหญ่ลุกขึ้นดั่งแสงพระอาทิตย์อันตรายจนทำให้โล่หวินหลานรู้สึกจับใจแน่นเวินอ๋องคนนี้มีจุดหมายชัดเจนว่าจะเอาถึงชีวิต นางรีบโถมตัวเข้าไปบังตะโกนเสียงดัง“ฉีหมิงระวัง!” แสงไฟชั่วพริบตาร่างบางชุดขางของโล่หวินหลานถูกไฟสองดวงท่วมทั้งตัวมือใหญ่ผลักนางออกไปร่างของนางกระทบเข้ากับพื้นยังไม่ทันรู้สึกเจ็บปวดก็หมุนตัวหันไปมองทางโม่ฉีหมิง คนที่บาดเจ็บคือฉินหยิ่นเขาผลักนางออกไปขณะเดียวกันก็ปกป้องโม่ฉีหมิงด้วย ทันใดนั้นนัยน์ตาของโม่ฉีหมิงก็ลุกเป็นไฟแสงนั้นเหมือนคำพิพากษาตัดสินจากสรวงสวรรค์ดูไปแล้วทำให้คนรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจเขาใช้เรี่ยวแรงของตัวเองทั้งหมดดันตัวเองขึ้นทันใดนั้นก็มีแสงรังสีสีฟ้าสว่างแวบขึ้นเป็นวงกลมกวาดไปที่ชายฉกรรจ์ชุดดำที่อยู่บนหลังคาชายชุดดำสิบกว่าคนก็หล่นจากบนหลังคา “หวินหลาน”โม่ฉีหมิงเรียกชื่อนางขึ้นยื่นมือไปลากนางเข้ามา ฉินหยิ่นที่ถึงแม้จะถูกธนูลูกไฟเฉียดผ่านแขนไปแต่เป็นเพราะเขาเพียรหัดวรยุทธ์กำลังภายในมาตั้งแต่เด็กทำให้ทำอะไรเขาไม่ได้เขากุมไหล่มีบาดแผลที่ไหลไปข้างกายโม่ฉีหมิง “ข้าน้อยมาช้าเกินไปขอให้ท่านอ๋องโปรดอภัย”ทันใดนั้นก็มีเสียงใช้อาวุธดังใกล้เข้ามาก็มีเงาของนักฆ่าสิบกว่าคนออกมาพร้อมกัน สวินโม่กับเย่หวินพุ่งตัวเข้ามาพวกเขาฟากแส้ไปทางชายชุดดำไปหนึ่งทีสถานการณ์ตอนนั้นช่างวุ่นวายกลหน “ฉีหมิงพวกเราไปกันเถอะบาดแผลของฉินหยิ่นต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด”โล่หวินหลานเข็นรถเข็นของโม่ฉีหมิงและพยุงร่างของฉินหยิ่นออกมาจากจวนเวินอ๋อง ขณะที่กำลังจะเดินออกมาโล่หวินหลานก็หันไปมองทางเวินอ๋องเขาได้หายไปจากตรงนั้นนานแล้ว ครั้งนี้ถูกเวินอ๋องลอบทำร้ายกลัวว่าเขาน่าจะคิดวางแผนมานานแล้วเวินอ๋องรู้แล้วว่าพวกเขาวางกับดักเขากับเย้เซียวโหลเพราะฉะนั้นจึงกลับมาแก้แค้น แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าลักพาตัวนางอย่างโจ่งแจ้งยังเตรียมการนักฆ่าในจวนของตัวเองยังตั้งใจวางแผนทำร้ายอย่างไม่ถึงกับเอาชีวิตของโม่ฉีหมิงกับนาง ทุกคนรีบกลับจวนหมิงอ๋องอย่างรวดเร็วพอเข้ามาถึงในสวนฉินหยิ่นที่กุมบาดแผลตรงหัวไหล่ก็ได้สลบไปนานแล้ว โล่หวินหลานตกใจโม่ฉีหมิงจึงรีบเรียกให้พ่อบ้านเรียกคนมาแบกฉินหยิ่นเข้าไปในห้องพักขณะที่ย้ายร่างของเขาก็ยังคงปรากฏรอยเลือกที่เปลี่ยนเป็นสีดำหยดตามพื้น “พ่อบ้านรีบไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้”โม่ฉีหมิงเฝ้าอยู่ข้างกายฉินหยิ่นสีหน้าแย่กว่าฉินหยิ่นหลายเท่า โล่หวินหลานยืนอยู่ข้างกายโม่ฉีหมิงตลอดจนเขาพูดประโยคนี้ออกมานางจึงเอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆ“ให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะข้าก็เป็นหมอนะ” พูดพลางเลิกแขนชายเสื้อขึ้นเตรียมลงมือผ่าตัดแล้วจึงให้เย่หวินไปเตรียมชุดปลอดเชื้อมา โม่ฉีหมิงมีความหายใจอย่างเป็นห่วงขนตายาวงอนของเขาไม่มีความเย็นชาเหมือนเช่นตลอดมาแต่มีแต่ความเป็นห่วงเป็นใยพอได้ยินโล่หวินหลานพูดอย่างนี้แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหน้านาง “ไม่ต้องเป็นห่วงข้ารับรองว่าฉินหยิ่นต้องไม่เป็นอะไร”โล่หวินหลานจับมือโม่ฉีหมิงแน่นสายตามองเขาอย่างแน่วแน่ “ข้าเชื่อใจเจ้า”โม่ฉีหมิงพูดพลางตาของเขาปิดลงเบาๆหมุนล้อรถเข็นไปนั่งข้างๆ พอดีกับเย่หวินเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องเครื่องมือแพทย์และชุดปลอดเชื้อเข้ามาโล่หวินหลานสวมชุดปลอดเชื้อเข้าไปเปิดกล่องเครื่องมือแพทย์เรียงเครื่องมือต่างๆจัดแจงให้เข้าที่ในระยะที่สายตานางมองเห็นได้ 
已经是最新一章了
加载中