ตอนที่94พลุไฟ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่94พลุไฟ
ต๭นที่94พลุไฟ โล่หวินหลานเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าเขาส่งสายตาเห็นด้วยในนัย ในมือยังคงยุ่งวนอยู่กลับการใส่ยาชาฉินหยิ่นก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแสบอะไรจ้องมองโล่หวินหลานแน่นบนหน้ายังมีความรู้สึกชื่นชม “พระชายาท่านช่างดีเหลือเกินท่านอ๋องก็จะไม่เจ็บปวดอีกต่อไป”ฉินหยิ่นยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวเสือขาวๆทั้งสองซี่ เจ็บปวด?โล่หวินหลานมองฉินหยิ่นด้วยสีหน้าสงสัยวางมือจากการใส่ยาวให้เขาครู่หนึ่งนางดูไม่ออกจริงๆว่าโม่ฉีหมิงจะเจ็บปวดยังไง นางขานตอบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักรอแค่ฉินหยิ่นพูดต่อไป ฉินฟยิ่นก็ยังคงพูดต่อไม่จบ“พระชายาท่านรู้ไหม?วันที่ท่านไม่อยู่ในจวนท่านอ๋องเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือข้ากับเย่หวินก็ไม่กล้าเข้าไปผ่านไปหลายวันข้าอดไม่ได้แล้วจริงๆจึงเปิดประตูเข้าไปดูปรากฏว่าเห็นท่านอ๋องกำลังเอากาวติดประสานหยกที่เคยมอบให้ท่านอยู่ข้าถึงรู้ว่าท่านมีความหมายต่อท่านอ๋องอย่างไรพอหลังจากเหตุการณ์นี้เย่หวินก็ได้ตามสืบหาข่าวคราวของท่านพอรู้ที่อยู่ที่แน่ชัดมีอยู่หลายครั้งหลายหนนักที่ท่านอ๋องจะมองจากข้างล่างโรงเตี๊ยมไปทางห้องของท่านแต่ก็กลับไม่กล้าเข้าไปคุยกับท่าน” ฉินหยิ่นพูดมายืดยาวจนทำให้โล่หวินหลานรู้สึกใจเต้นตึกตักนางไม่เคยรู้มาก่อนว่าโม่ฉีหมิงจะรักนางขนาดนี้หากไม่ได้ฟังจากปากของฉินหยิ่นนาวก็คงไม่อยากเชื่อจริงๆ “จริงหรอ?”นางเลิกคิ้วขึ้นในมือพันผ้าพันแผลให้เขาอย่างใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ฉินหยิ่นลนลานรีบตอบ“เป็นความจริงแน่แท้ทุกประการอีกทั้งท่านอ๋องยัง........” “ทำอะไรอีกล่ะพูดต่อสิฉินหยิ่นก็แค่ปลูกดอกไม้ที่ท่านชอบไว้ให้ท่านที่สวนไงล่ะ?ท่านอ๋องยังไม่ได้ทำเพื่อพระชายาเพียงเท่านี้”เสียงของเย่หวินดังลอดเข้ามาจากที่ประตูตัดบทสนทนาของฉินหยิ่นที่กำลังจะพูดต่อ โล่หวินหลานรู้สึกสงสัยแต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่ามีพิรุธตรงไหนคำพูดของเย่หวินลื่นไหลมากเข้ามาได้พอเหมาะพอเจาะนางพันผ้าพันแผลผูกเป็นโบว์ที่แขนของฉินหยิ่นอย่างสวยงามแล้วหิ้วกระเป๋ายาออกจากห้องไป พึ่งเดินถึงบริเวณภายในสวนนางพึ่งรู้สึกตัวนางโปรดปรานไม้ดอกโดยเฉพาะดอกชบาแต่ว่าภายในสวนมีเพียงไม่กี่ช่อภายหลังก็ไม่เห็นปลูกอีก “พระชายาท่านกลับมาแล้ว?ช่างดีเหลือเกินหรูซูคิดถึงท่านใจแทบขาด”หรูซูเดินออกมาจากทางด้านเฉลียงสายตาของโล่หวินหลานรู้สึกจับพิรุธความผิดปกติบางอย่างได้แต่ก็เปลี่ยนเป็นสีหน้ายินดีได้ชั่วพริบตารีบวิ่งโถมตัวเข้ามาอย่างเร่งรีบ โล่หวินหลานเห็นนางจะวิ่งเข้ามากอดนางก็รีบหมุนหลบหันไปอีกทาง “คิดถึงข้าทำไม?”โล่หวินหลานขมวดคิ้วขึ้นมองท่าทางกริยาของหรูซูที่เวอร์เกินจริงได้แต่รู้สึกแปลกใจอย่างเงียบๆโลกนี้ยังมีผู้หญิงหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้เชียวหรือ! สีหน้าหรูซูไม่มีแม้แต่การทำตัวไม่ถูกยังคงยิ้มอย่างไม่สำนึกผิด“พระชายาท่านดีกับพวกเราขนาดนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่คิดถึงท่านเลย!ยิ่งวันเวลาที่ท่านไม่อยู่ในจวนท่านอ๋องก็เศร้าใจไม่เป็นอันทำอะไร!” โล่หวินหลานเลิกคิ้วขึ้นคำพูดเลียแข้งเลียขาของนางไม่ได้ผลอะไรกับนางคิดแล้วพูดต่อ“ที่ผ่านมาในจวนมีปลูกดอกชบาไหม?” “ไม่มีพระชายาทำไมเพคะ?ท่านจะปลูกหรือ?”หรูซูเผลอพูดออกมา ไม่ได้ปลูกดอกชบาถ้าอย่างนั้นสิ่งเย่หวินกำลังปิดปากไม่ให้ฉินหยิ่นพูดต่อคือเรื่องอะไร?มันเป็นความลับอะไรกันแน่ถึงหม่อยากให้นางรู้? “ไม่มีอะไรเจ้าไปทำงานของเจ้าต่อเถอะ!”โล่หวินหลานไม่อยากเข้าใกล้เย่หวินมากนักพูดพลางสาวเท้าก้าวต่อไปที่เฉลี่ยงอรกด้านหนึ่ง หรูซูยังอยากพูดต่ออีกสักประโยคแต่น่าเสียดายร่างบางของโล่หวินหลานเดินลับตาไปไกลแล้วดูแล้วสิ่งที่น่าเสแสร้งแกล้งทำมานี้ใช้ไม่ได้ผลสายตาของนางจองหลังของโล่หวินหลานที่เดินไปไกลแล้วด้วยความเกลียดชังสองมือกำแน่นด้วยความอัดอั้น นับตั้งแต่ที่เย้เซียวโหลเข้ามาในวังก็เกิดความวุ่นวายใหญ่โตแต่ไหนแต่ไรมาสุขภาพของเย้ฮองเฮ่าสัมผัสอากาศหนาวไม่ค่อยได้บวกกับเย้เซียวโหลก่อความวุ่นวายก็เลยเป็นลมล้มพับไปโรคที่เป็นอยู่ก็กำเริบขึ้นอีกเจียเฉิงตี้เฝ้าอนู่ด้านข้างเตียงมาครึ่งค่อนวันแล้วหากไม่ใช่ต้องรักษาความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเย้และตระกูลของตนนั้นอาจจะสั่งลงโทษหนักเย้เซียวโหลก็เป็นได้ นางสนมต่างๆได้ยินเรื่องข่าวการประชวรของพระชายาต่างกุลีกุจอกันมาแลคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงกันโดยเฉพาะซู่รึกับเย้ฮองเฮ่าไม่ค่อยถูกกับต้วนกุ้ยเฟยถึงกับมองโสมพันปีให้กับเย้ฮองเฮ่า แต่ว่าขณะที่นางกำลังถือกล่องโสมพันปีที่มืออยู่ในวังหลวงกลับรู้สึกว่านั่งไม่ติดขึ้นมากระทันหัน “ท่านหมอหลวงว่าอย่างไรบ้าง?คุณหนูสามตระกูลเย้ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลยถึงขั้นกล้าทำให้ท่านโมโห!”ต้วนกุ้ยเฟยพูดด้วยความไม่สบอารมณ์เพราะรู้ที่มาที่ไปของเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว เย้ฮองเฮ่าเอนหลังพิงกับหมอนรองหลังร้องฮึเย็นในใจพูดทำเป็นไม่รู้เรื่องใครไหนเล่าจะเสแสร้งได้เท่าต้วนกุ้ยเฟยอีกการแสดงชั้นนี้ไม่ใช่ว่านางต้องแสดงคนเดียวหรือ? “น้องก็พูดเล่นไปโหลเอ๋ออายุยังน้อยไม่ค่อยรู้ความแต่เวินอ๋องอายุไม่น้อยแล้วนะเรื่องอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกน้องน่าจะกลับไปคิดทบทวนดีๆ”เย้ฮองเฮ่าไม่เพียงแต่โกรธเย้เซียวโหลอีกทั้งยังโกรธเวินอ๋องด้วยและอีกอย่างเบื้องหลังเวินอ๋องยังมีมารดาอย่างนี้อีกคนทั้งโลกต่างรู้การปฏิเสธการแต่งงานร่วมหอกับรัชทายาทไม่ใช่ความคิดของนางแล้วจะเป็นความคิดของใครได้ล่ะ? ต้นกุ้ยเฟยสีหน้าไม่เปลี่ยนในความกังวลยังมีความเป็นห่วงเรื่องการเกี่ยวดองระหว่างเวินอ๋องกับเย้เซียวโหลไม่พูดไม่ได้เวินอ๋องมัดใจเย้เซียวโหลถือว่าเป็นเรื่องดี “ใช่เพคะท่านพี่น้องควรต้องกลับไปทบทวนดีๆท่านว่าหานเอ๋อแต่งกับใครไม่แต่งดื้อจะแต่งกับคุณหนูสามตระกูลเย้ให้ได้ฮ่องเต้ต้องไม่เห็นด้วยเป็นแน่น้องจะไปว่ากล่าวตักเตือนเขา”ต้นกุ้ยเฟยสีหน้ารู้สึกผิดก้มหน้าต่ำ “พูดให้อะไรดีขึ้นมา?ทางที่ดีที่สุดเจ้าหยุดคิดการเถอะโหลเอ๋อจะเป็นไท่จึเฟยในอนาคตหากแม้เวินอ๋องจะเข้ามาแทรกแม้แต่นิดเดียวถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษข้าที่ไม่ไว้หน้าเจ้าแล้วกัน”เย้ฮองเฮ่ามองไปที่ต้วนกุ้ยเฟยที่ยังคงแสดงอยู่เบื้องหน้ากล่าวขัดขวางนางอย่างไม่ไว้หน้า อวี้จือและหมิงเยว่ต่างรู้ตัวและได้ถอยออกไปแล้วรวมถึงยาที่พระชาเย้ต้องเสวยก็ลืมขึ้นถวาย มาถึงตอนนี้สีหน้าของต้วนกุ้ยเฟยไม่สู้ดีนักเครื่องสำอางค์ที่ผัดอยู่บนหน้าก็ปิดบังความน่าขันของใบหน้านางไม่อยู่มุมปากแสยะยิ้มขึ้นใบหน้านิ่งเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกไม่นานคงจะหลุดใบหน้าความเกลียดชังเย้ฮองเฮ่าออกมา กลับกันด้านหนึ่งเย้ฮองเฮ่าก็คอยสังเกตสีหน้าของต้วนกุ้ยเฟยอย่างสนใจรู้สึกสาแก่ใจยิ่งนักแสร้งไม่ไหวก็อย่าแสร้งต่อไปเลย เป็นไปดั่งที่คาดต้วนกุ้ยเฟยค่อยๆลุกยืนขึ้นหยิบผ้าเช็ดมือที่เหน็บอยู่ข้างเอวขึ้นมาค่อยๆหยิบขึ้นมาปิดปากกระแอมไอเบาๆขมวดคิ้วด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปทางเย้ฮองเฮ่า“ท่านพี่น้องรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจะไม่สบายถ้าอย่างนั้นน้องขอตัวกลับพระตำนักก่อนนะเพคะ” “ถ้ารู้สึกไม่สบายอย่างนั้นก็รีบกลับไปเถอะเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าข้าเอาโรคติดต่อให้เจ้าข้ารับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”เย้ฮองเฮ่าร่างกายไม่แข็งแรงสีหน้ายังคงมีความแดงอันเนื่องมาจากโรคประจำตัวอยู่มองไปยังไงก็เหมือนกับภาพวาดหญิงผู้อ่อนแอแต่พอพูดออกมาแต่ละคำเหมือนหอกแหลมทิ่มแทงคนอื่นก็ไม่ปาน รอจนต้วนกุ้ยเฟยที่เดินอย่างสะโอดสะองจากไปเย้ฮองเฮ่าถึงรีบเก็บรอยยิ้มที่แสร้งทำแปลเปลี่ยนเป็นความโมโหดังไฟลุกโชนใบหน้าเย็นลาหันไปทางม่านกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว“ออกมาเถอะ!เมื่อกี้พวกเจ้าได้ยินหมดแล้วใช่ไหมข้าจะไม่ยอมให้โหลเอ๋อแต่งงานกับเวินอ๋องเด็ดขาดพวกเจ้าก็ต้องคอยเป็นหูเป็นตามห้ข้าด้วยทำไมถึงยอมให้โหลเอ๋อไปอยู่ลำพังกับเวินอ๋องได้?” ม่านกั้นด้านหลังมีเงาสองเงาโผล่ออกมาคนหนึ่งสวมชุดคลุมทั้งตัวสีเทามืดคือเย้กว๋อกงอีกคนหนึ่งคือฮูหยินของเขาทั้งสองอาศัยได้ข่าวคราวเย้ฮองเฮ่าโรคประจำตัวกำเริบจึงได้เข้าวังเข้าพบพลางเข้ามาพูดคุยเรื่องการแต่งงานของรัชทายาทกับเย้เซียวโหลใครจะไปรู้ว่านั่งยังไม่ทันพูดอะไรต้วนกุ้ยเฟยก็เข้ามาแล้วทั้งสองจึงต้องหลบอยู่หลังม่านกั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ขอบพระทัยท่านสิ่งที่ข้าน้อยกลัวที่สุดคือโหลเอ๋อกับเวินอ๋องมีความสัมพันธ์ต่อกันหากผิดต่อขนบธรรมเนียมที่ปฎิบัติกันมามันจะเป็นการไม่ดีพวกเราทั้งสองจะจับตาดูโหลเอ๋อให้เข้มงวดขึ้นไม่ปล่อยให้นางออกไปลำพังอีก”เย้กว๋อกงสองมือกำขึ้นคำนับพลางพูดขอบคุณเย้ฮองเฮ่าอย่างหนักแน่น โทษที่เขาปล่อยปะละเลยเกินไปหากเขาเข้มงวดอีกนิดเรื่องทั้งหมดก็คงจะไม่เกิดขึ้น?โชคดีที่ฮ่องเต้ยังไม่รู้เรื่องนี้รอดพ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้เขาไม่กล้าคิดเลยว่าหากฮ่องเต้รู้จะเกิดอะไรขึ้น เย้ฮองเฮ่าพยักหน้าอย่างอ่อนล้าตั้งแต่เช้าจนเย็นมีแต่เรื่องรวมทั้งโรคกำเริบยังไม่ได้พักผ่อนช่างเหนื่อยล้าเหลือเกิน ปัดมือให้พวกเขาถอยออกไปพลางจัดหมอนให้เรียบร้อยแล้วนอนไปอย่างเหนื่อยอ่อน ความมืดคืบคลานเข้ามาท้องฟ้าของค่ำคืนนี้เหมือนดั่งภาพวาดที่ถูกแต่งแต้มอย่างสวยสดงดงามมีดวงดาวระยิบระยับพรั่งพราวเต็มท้องฟ้าดวงดาวส่องแสงระยิบระยับเหมือนม่านที่มีสีสันหลากหลายสวยงาม ณจวนหมิงอ๋องภายในสวนเต็มไปด้วยบรรดาเหล่าคนใช้ช่วยงานกันอย่างขะมักเขม้นรีบเร่งจัดงานมงคลที่ไม่มีมานานแล้วผ้าไหมสีแดงถูกแขวนขึ้นเต็มบริเวณในจวนรวมถึงบนพื้นยังถูกปูด้วยพรมสีแดง แต่โล่หวินหลานที่อยู่ในห้องกำลังเพลิดเพลินกับอาหารเย็นอย่างไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นนำถ้วยขนมถั่วเขียวย้ายมาวางไว้ด้านหน้าของตนเอง ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายก็ไม่เห็นหน้าของโม่ฉีหมิงอาหารเย็นก็ต้องกินคนเดียวหากว่าเขาอยู่ต้องไม่ให้นางกินขนมถั่วเยอะเยอะขนาดนี้เป็นแน่ “พระชายาท่านไม่เบื่อหรอ?”เย่หวินที่นั่งอยู่ข้างๆถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ โล่หวินหลานส่ายหัวใช้ความสามารถที่มีกำลังจะพูดประตูด้านนอกมีเสียง“ปึ้ง”ดังขึ้นเหมือนมีเศษอะไรลอยฟุ้งเต็มท้องฟ้าไปหมดระเบิดออกมานางถูกเสียงดังเมื่อครู่ทำให้ตกใจรีบถามขึ้นทันที“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” เย่หวินส่ายหน้าไปมา“ไม่รู้เพคะพวกเราออกไปดูกันเถอะ!” เดินออกไปข้างนอกในสวนเต็มไปด้วยผ้าไหมสีแดงแขวนตามต้นไม้เต็มไปหมดมีเพียงตรงกลางสวนมีถังพลุไฟตั้งอยู่มีแสงไฟประทุขึ้นหลากสีถูกจุดขึ้นปล่อยขึ้นเต็มท้องฟ้าทำให้ท้องฟ้าประดับประดาไปด้วยสีสันสวยสดงดงาม ใบหน้าของเย่หวินชื่นมื่นไปด้วยรอยยิ้มพลางดันโล่หวินหลานค่อยๆก้าวไปยังทางเดินจิ่วฉวีพลางพูด“พระชายาพวกเราไปดูด้านนั้นกันเถอะ” ต้องมีความลับอะไรแน่ๆโล่หวินหลานหันหน้าไปทางเย่หวินที่อยู่ด้านหลังนางยิ้มแก้มปริเดินไปอย่างไม่สนใจทางที่นางกำลังพาเดินไปมันมีอะไรกันแน่?พวกเขากำลังเล่นอะไรอยู่กัน? “เย่หวินมีเรื่องอะไรก็พูดตรงๆเถอะนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”โล่หวินหลานเดินสองก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวรีบพานางเดินไปทางเฉลียงที่ทอดยาวจนสุดนางเห็นพื้นที่โล่งกว้างสว่างขึ้น ห้องนอนด้านนอกของโม่ฉีหมิงถูกแขวนด้วยโคมไฟอันใหญ่สองอันพรมสีแดงทอดยาวไปจนถึงห้องของเขานะหว่างสองข้างทางที่ปูด้วยพรมแดงก็มีดอกชบาประดับประดาอย่างสวยงามดั่งภาพวาดผืนงามม้วนหนึ่งโล่หวินหลานจ้องมองอย่างตกตะลึงแล้วเดินเข้าไปอย่างไม่รู้ตัวมองเห็นบริเวณรอบถูกจัดงานมงคลขึ้นอย่างเอิกเกริกนางจึงหันหน้าไปถามอย่างสงสัย “เย่หวินนี่มัน......เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”วันนี้เป็นวันอะไร?เพราะเหตุใดต้องจัดสวนอย่างนี้? เย่หวินยิ้มหัวเราะตาหยีอย่างชอบใจ“พระชายาท่านเข้าไปค่อยถามดีกว่า” แต่ว่าโล่หวินหลานก็พลันก้าวเท้าย่างไปข้างหน้าอย่างหลงไหล 
已经是最新一章了
加载中