ตอนที่105 บัวหิมะแห่งภูเขาเทียน
1/
ตอนที่105 บัวหิมะแห่งภูเขาเทียน
ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก
(
)
已经是第一章了
ตอนที่105 บัวหิมะแห่งภูเขาเทียน
ตนที่105 บัวหิมะแห่งภูเขาเทียน การที่นางทำให้ด่องห้วนเจ็บปวดนั้น นางรู้สึกเจ็บปวดกว่าการทำร้ายตนเองเสียอีก นี่เป็นครั้งแรกของด่องหย่าที่รู้สึกหวาดกลัวและเจ็บปวดขนาดนี้ มีเลือดไหลผ่านมือบางของนางเป็นทางยาว นางอยากร้องไห้แต่แม้แต่น้ำตาก็ไม่มี โอบกอดด่องห้วงอย่างสั่นเทา ความรู้สึกนี้เจ็บปวดยิ่งกว่าตอนที่ท่านพ่อป่วยหนักเสียอีก “ท่านพี่ ท่านพี่......” เสียงของด่องหย่าไม่เคยสั่นถึงเพียงนี้มาก่อน “อาหย่า ไม่ต้องกลัว พี่ไม่เป็นอะไร แรงของเจ้าแทบจะไม่มี เวลาฝึกวรยุทธ์เจ้ามักจะกลัวแสงแดด จึงทักแอบหลบไปดื่มน้ำ เจ้ามักจะบอกว่าขอเพียงมีพี่อยู่ข้างกายเจ้าก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องร่ำเรียน ตอนนี้พี่คิดดูแล้วมันก็จริง มิเช่นนั้น ตอนนี้พี่คงจะพูดต่อไปอย่างนี้ไม่ได้! “ด่องห้วนปลอบโยนนางด้วยคำพูดเคล้าเสียงหัวเราะ ไม่สนใจการบาดเจ็บของตัวเขาเองเลยสักนิด ในเวลานี้เขายังพยายามหยอกล้อให้นางมีความสุขอีก ทางด้านโม่ฉีหมิงนั้นก็ได้โอบกอดโล่หวินหลานเอาไว้ แววตาของเขาไม่สามารถคาดเดาได้ เพียงแต่รับสั่งให้ฉินหยิ่นส่งแขกทั้งสองพร้อมให้หาหมอที่ดีที่สุดมารักษา “ท่านจะช่วยเหลือพวกเขาใช่หรือไม่” โล่หวินหลานพูดขึ้น “เขาเป็นบุตรบุญธรรมของท่านผู้ครองเมืองอู ตอนนี้ท่านผู้ครองเมืองป่วยหนัก จึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ต้องมีคนอยากสังหารพวกเขาเป็นแน่แท้ ตัวเขาเองก็เป็นคนที่รักษาสัจจะ อีกอย่างเขาก็รู้ด้วยว่าเวินอ๋องอยู่ที่ไหน” โม่ฉีหมิงกระชับอ้อมกอดของตน แล้วมองแผ่นหลังของคนที่เดินจากไป ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาไม่ได้พูด ความรู้สึกของด่องห้วนที่มีต่อด้องหย่า ก็เหมือนความรู้สึกของเขาที่มีต่อโล่หวินหลาน เพียงแต่ด่องหย่านั้น กลับกล้าที่จะทำร้ายโล่หวินหลาน หากไม่ใช่เพราะด่องห้วนเข้ามารับปิ่นนั้นไว้ได้ทันท่วงที คนที่จะบาดเจ็บก็จะเป็นโล่หวินหลาน เขาคงสังหารด่องหย่าเป็นแน่แท้ หลังจากเรื่องวันนี้เขาคงต้องคอยระวังด่องหย่าแล้ว ไม่นาน ด่องห้วนก็ให้คนไปส่งข่าวของเวินอ๋องแกโม่ฉีหมิง ตอนเขาอยู่ที่เมืองอูเคยพบเวินอ๋องหนึ่งครั้ง เพราะเขารู้ดีว่าหมิงอ๋องกับเวินอ๋องไม่ค่อยลงรอยกันเสียเท่าไหร่ จึงได้วางยาหอมระเหยไว้ที่ตัวของเวินอ๋อง เพื่อคอยติดตามเขา เพื่อใช้ในเวลาจำเป็น ไม่คิดว่าจะถึงเวลาใช้หมากนี้ในเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้ เนื่องด้วยวันที่ฮ่องเต้เจียเฉิงรับสั่งให้หมิงอ๋องตามล่าตัวเวินอ๋อง เขาจึงรู้ว่าหมากที่เขามีนั้นสำคัญเพียงใด ที่เมืองอู เขาได้เลี้ยงสุนัขเอาไว้แล้วคอยสอนให้พวกมันดมตามกลิ่นยาหอมระเหยนั่น หากวันใดที่ต้องการตามหาใครก็สามารถให้สุนัขพวกนั้นนามทางไปและจะพบเจอตัวเวินอ๋องในท้ายที่สุด ตอนที่เขาเข้ามาในเมืองนั้น ก็ได้ออกคำสั่งให้คนไปตามหาแล้ว เขาเองก็ไม่คิดว่าจะได้ร่องรอยของเวินอ๋องเร็วถึงเพียงนี้ “เวินอ๋องไปทำอะไรที่ภูเขาเทียน? เหตุเพราะหลบหน้าเย่เซียวหลัวงั้นรึ?” โล่หวินหลานคิดไม่ตก เพราะภูเขาเทียนอยู่ทางตอนเหนือสุด ที่นั่นมีอากาศหนาวเย็น หากไม่ใช่คนในพื้นที่นั้นคงไม่อาจปรับตัวได้ง่านๆ แต่เวินอ๋องกลับไปอยู่ที่นั่นอย่างเนิ่นนาน โม่ฉีหมิงหัวเราะในลำคอ” เขามีเล่ห์กลร้อยแปด ต่อให้หาตัวเข้าพบก็ไม่แน่ว่าจะได้คำตอบที่เขาไปทำอะไรบนภูเขาเทียน” เขานำเรื่องนี้กราบทูลฮ่องเต้ แล้วพาไพร่พลไปจำนวนหนึ่ง แต่ราวกับว่าเวินอ๋องรับรู้ว่ามีคนจะไปจับตัวเขา เขาก็ลงมาจากภูเขา แล้วรีบควบม้ากลับมายังวังหลวง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ไม่ได้รับลมในฤดูใบไม้ร่วง สวมใส่เสื้อผ้าตัวบาง เวินอ๋องยิ้มร่าแล้วกลับเข้าไปในพระราชวัง พร้อมให้สัญญากับตนเอง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่หลบหนีเพราะใครหรือเพราะเรื่องอันใดอีกแล้ว “ท่านพ่อ หม่อมฉันทราบข่าวว่าสุขภาพของท่านและท่านแม่ไม่สู้ดีนัก จึงได้ขึ้นไปยังภูเขาเทียน เพื่อนำบัวหิมะมาถวาย” น้ำเสียงของเวินอ๋องเต็มไปด้วยความคิดถึง” ภูเขาเทียนนั้นช่างอันตราย หม่อมฉันเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลายต่อหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะคิดถึงท่านพ่อและท่านแม่ หม่อมฉันอาจจะตายที่นั่นแล้วก็เป็นได้” จากการใช้ชีวิตบนภูเขาเทียนมาหลายวัน ลมหนาวทางทิศเหนือทำให้ใบหน้าของเขาแห้งแตกจนเป็นแผล แก้มทั้งสองแดงเป็นลูกพีช ริมฝีปากแห้งกร้าน แม้แต่ใต้ตาเองก็ดูลึก แตกต่างจากเขาคนก่อนหน้านี้มาก คำพูดของเขานั้นชัดถ้อยชัดคำ ฮ่องเต้เจียเฉิงเองก็รู้สึกตื้นตันใจในความกตัญญูรู้คุณของเขา นลืมเรื่องที่เขาหายไปเพราะต้องการที่จะซ่อนตัวจากเย่เซียวหลัวเสียสนิท “เยี่ยม เจ้าช่างกตัญญูนัก หากไม่มีเรื่องอื่นใดเจ้าก็รีบกลับไปพักเถอะ” จากนั้นฮ่องเต้เจียเฉิงก็รับสั่งให้จ้าวกงกงไปเอาบัวหิมะมา ทางด้านเวินอ๋องที่พึ่งโล่งอกไปเปราะหนึ่ง กำลังจะกล่าวทูลลา ทันใดนั้นเองก็มีเงาของสองคนเดินเข้ามา เย่อวิ๋นกว่าเดินนำหน้าเข้าม มาถึงเขาก็ชกเข้าที่หน้าของเวินอ๋องอย่างแรง จนเขาล้มลงไป คนที่เดินตามหลังมานั้นเป็นเย่กั๋วกง พอเห็นว่าเขาบังอาจต่อหน้าฮ่องเต้ก็รีบเดินเข้าไปลากเย่อวิ๋นกว่าให้มายืนอีกทาง “ข้าให้เจ้ามานี่ ไม่ใช่มาทำเรื่องขายหน้า ไปยืนอีกทาง!” สมแล้วที่เป็นเย่กั๋วกง เพราะต่อให้ในใจจะโมโหสักแค่ไหน คงก็ยังคงคิดทุกอย่างโดยรอบคอบ เขารู้ดีว่าอย่างไรเสียเวินอ๋องก็เป็นองค์ชาย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรผิดก็สามารถไม่โดนลงโทษได้ แต่ว่าพวกเขานอกจากคำพูดของบรรพบุรุษแล้วนั้น ก็ไม่มีอะไรที่สามารถนำมาต่อรองได้ หากว่าฮ่องเต้เจียเฉิง คิดที่จะลงโทษจริงพวกเขาก็ไม่อาจขัดคำสั่ง เย่กั๋วกงพยุงตัวของเวินอ๋องขึ้น จากนั้นก็ปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าให้ พร้อมยิ้มแห้งๆ”เวินอ๋องอย่าได้เสียพระทัย ลูกชายของหม่อมฉันนิสัยก้าวร้าว กลับไปหม่อมฉันจะจัดการกับเขาขั้นเด็ดขาด” เวินอ๋องเดาได้ว่าที่เย่กั๋วกงมาในวันนี้เพราะเรื่องของเย่เซียวหลัว การที่เขาโดนชกเมื่อสักครู่นี้ก็เพราะเย่เซียวหลัวเช่นเดียวกัน เวินอ๋องก็รู้ดีว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จึงรีบยิ้มแล้วพูดขึ้น”ไม่เป็นไรหรอก คุณชายเย่คงชกผิดคนก็เท่านั้น งั้นข้าขอตัวกลับก่อน” ขณะที่เขากำลังจะกลับนั้น สีหน้าของเย่กั๋วกงก็เปลี่ยนไปในทันที จากนั้นก็ยื่นมือมาจับที่ชายเสื้อเขา “เวินอ๋องอยู่ต่อฟังหม่อมฉันสักหน่อยดีหรือไม่” บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที คนหนึ่งเกรี้ยวกราด อีกคนมีรอยยิ้มแต่แฝงไปด้วยมีด อีกคนอยากจะหลบหน้าออกไป ส่วนฮ่องเต้เจียเฉิงนั้นก็ไม่กล้าที่จะเอ๋ยปาก ทำได้เพียงให้เย่กั๋วกงพูด แต่อย่างไรเสีย เรื่องนี้ก็เป็นการที่เชื้อพระวงค์ทำร้ายจิตใจคนตระกูลเย่ หากไม่ใช่เพราะเวินอ๋องพยายามที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกับเย่เซียวหลัว เรื่องมันก็คงไม่ถึงขั้นนี้ “ฮ่องเต้ ในเมื่อเวินอ๋องกลับมาแล้วนั้น หม่อมฉันมีบางอยากจะกราบทูล เวินอ๋อง ไม่ว่าก่อนหน้านี้ท่านจะทำอย่างไรให้หลัวเอ่อหลงรักท่าน ตอนนี้หม่อมฉันขอท่านอย่ามาข้องเกี่ยวกับลูกสาวหม่อมฉันอีก นี่ไม่เพียงเพื่อหลังเอ่อ แต่เพื่อรักษาสัจจะของราชวงศ์ หม่อมฉันหวังว่าท่านจะให้อภัย” คำพูดของเย่กั๋วกงนั้น ช่างตรงใจของฮ่องเต้เจียเฉิงนัก เพราะหากปวงชนใต้ฟ้าทราบเรื่องนี้เข้า คงจะเอาไปพูดสนุกปาก จนเสื่อมเสียราชวงศ์ เวินอ๋องทำหน้าตาใสซื่อ เหมือนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”เย่กั๋วกงท่านกำลังพูดเรื่องอะไร? คุณหนูสามแห่งตระกูลเย่หลงรักข้า? ท่านกำวพูดเล่นใช่หรือไม่ ข้าจะมีเสน่ห์ถึงขั้นนั้นได้อย่างไร? คุณหนูสามแห่งตระกูลต้องเป็นชายาขององค์รัชทายาทถึงจะถูก” หลังจากที่เขาพูดจล ก็ถูกชกเข้าที่หน้าอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ใบในของเขามีรอยฟกช้ำสีม่วงอ่อนๆ เย่อวิ๋นกว่าเปรียบเหมือนราชสีห์ที่พร้อมจะฉีกร่างของเวินอ๋อง หากไม่มีเย่กั๋วกงมาห้ามไว้ ทางด้านเวินอ๋องที่ถูกชกเข้าที่หน้าอย่างจังนั้น ก็ถึงกับเซถอยหลังไปสองก้าว ต่อให้เขาจะแสร้งทำสีหน้าเก่งแค่ไหน แต่พอโดนชกไปถึงสองทีนั้น ใบหน้าของเขาก็ไม่มีรอยยิ้มอีกเลย เขาชิดเลือดที่มุมปาก แล้วทำความเตารพฮ่องเต้เจียเฉิง จากนั้นก็เดินออกไปทันที ซึ่งเป็นการออกไปอย่างไม่ยินดีนัก ทางด้านเย่กั๋วกงนั้นก็ตบเข้าที่ใบหน้าของเย่อวิ๋นกว่า ขากนั้นก็ต่อว่าเสียงดัง”เจ้าลูกไม่รักดี ช่างทำอะไรไม่ได้ดั่งใจข้ายิ่งนัก!” เย่อวิ๋นกว่าจับใบหน้าตนเองที่ถูกตบนั้นแล้วพูดเสียงแข็ง ”ข้าปกป้องน้องสาม ผิดด้วยหรือ?” เย่กั๋วกงมองไปยังฮ่องเต้ ที่ตอนนี้พยายามควบคุมอารมณ์ตนเองอยู่ แต่สีหน้าก็แสดงออกมาอย่างเห็นชัดว่าโกรธมาก ทั้งๆที่เขาวางแผนมาอย่างดีแล้ว ว่าจะให้ฮ่องเต้เป็นคนกลาง เย่กั๋วกงเป็นคนไม่ดี แล้วให้เวินอ๋องตัดใจจากเย่เซียวหลัว แต่นี่กลับถูกเย่อวิ๋นกว่าทำทุกอย่างจนพัง แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้พวกเขาก็ได้รู้แล้วว่าเวินอ๋องไม่ได้คิดที่จะแต่งงานกับเย่เซียวหลัว อย่างน้อยตอนจบของเรื่องนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเสียเท่าไหร่ ณ ห้องหนังสือของหมิงอ๋อง มีเพียงเทียนสองเล่มที่ถูกจุดเอาไว้ แสงจันทร์ส่องเข้ามาด้านในลอดผ่านช่องหน้าต่าง เป็นภาพที่งดงาม “ท่านอ๋อง เวินอ๋องควบม้ากลับมายังวังหลวและได้ถวายบัวหิมะ” สวินโม่พูดเสียงเรียบ โม่ฉีหมิงพยักหน้า แล้วมองไปนอกหน้าต่าง แววตาของเขาสงบลง เขานำตราหยกของหมอเทวดาและของตัวเองวางไว้คู่กัน “เรื่องของเวินอ๋องไม่ต้องตามแล้ว ข้าอยากให้เจ้าตามสืบเรื่องของคนที่ชื่อหลี่ซั่น ถึงแม้ว่าดูภายนอกนั้นเขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับต้วนเชียนป๋อ แต่ว่าเขาแอบทำงานให้กับทหาร เจ้าเรียกคนไปจับตาดูความเคลื่อนไหว ไปดูว่าเขาและพลทหารต้วนเชียนป๋อนัดพบกันที่ไหน” เสียงเรียบของโม่ฉีหมิงดังที่ข้างหูของสวินโม่ สวินโม่อยากจะถาม ว่าเหตุใดต้องตามสืบเรื่องของพลทหารต้วน เพราะเขานั้นมีความสามารถมาก แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป เพราะสิ่งที่โม่ฉีหมิงทำนั้นไม่สามารถถามหาเหตุผลได้ง่ายๆ “ขอรับ ข้าน้อยจะไปนอนนี้เลย” สิ้นเสียงของสวินโม่ เขากำลังจะเดินออกไป ก็ได้ยินโม่ฉีหมิงพูดขึ้น “แอบฟังมานานแล้ว ควรเข้ามาได้แล้ว!” ในใจของเขาก็กังวล เพราะเขาคุยกับโม่ฉีหมิงมานานแล้ว แต่กลับไม่รู้สึกว่าด้านนอกมีคน เขาจึงรีบจับที่ดาบของตนเอง แต่พอประตูเปิดออก คนที่เขาเห็นกลับเป็นโล่หวินหลาน ก็จริง คงมีเพียงโล่หวินหลานเท่านั้นที่สามารถยืนแอบฟังที่หน้าประตูได้นานขนาดนี้ “ท่านรู้ว่าเป็นหม่อมฉันมานานแล้วหรือ? หม่อมฉันนึกว่าตนเองซ่อนตัวเป็นอย่างดีแล้วเสียอีก สวินโม่ เจ้าไม่รู้ใช่ไหม?” โล่หวินหลานเดินเข้าไปถามเขา หน้าของสวินโม่ซีดไปหมด เขาไม่พูดอะไรแล้วเดินออกไป “เขาเป็นอะไรไป?” โล่หวินหลานคุยกับตนเอง แล้วเดินไปข้างกายโม่ฉีหมิง จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับตราหยก มืออุ่นๆร้อนๆของนางจับไปที่หยกที่มีความเย็น สักพักมือก็หายร้อนแล้ว วันนี้จ้าวกงกงได้นำมาให้ถึงตำหนัก หากเป็นยุคปัจจุบันนางก็เป็นเพียงหมอที่ได้รับเงินเดือน แต่ที่นี่กลับเป็นถึง “หมอเทวดา”! “ข้าให้เขาไปตามสืบเรื่องหนึ่ง” โม่ฉีหมิงตอบ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่105 บัวหิมะแห่งภูเขาเทียน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A