ตอนที่109มีสายลับเอาไว้   1/    
已经是第一章了
ตอนที่109มีสายลับเอาไว้
ต๭นที่109มีสายลับเอาไว้ แสงแดดส่องผ่านเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่าง โดยปกติแล้วหากไม่มีคำสั่งพิเศษเฉพาะจากใคร ก็จะไม่มีใครมาทำความสะอาดห้องนี้ และไม่มีใครคิดที่จะเปิดหน้าต่างของห้องนี้ด้วย ถึงแม้ว่าแค่เพียงเปิดหน้าต่างก็จะมองเห็นและได้ยินเสียงของป่าไผ่ แต่โดยส่วนมากนั้นห้องนี้มักจะถูกปิดเอาไว้ เสียงของเย่เฟิงดังเล็ดลอดออกมาจากภายในห้อง“ท่านอ๋อง ติดตามหลี่ซั่นมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ข้าน้อยพบว่าในทุกวันช่วงเวลาพลบค่ำเขาจะไปที่วัดร้างประมาณสองชั่วยาม ข้าน้อยลองเข้าไปตรวจสอบดูแล้ว พบว่าในวัดร้างมีประตูกล ซึ่งประตูกลนี้ถูกซ่อนเอาไว้ลึกมาก ตอนนี้ยังหาไม่พบ แต่ว่าในนั้นต้องเป็นที่ที่หลี่ซั่นเข้าไปพบพลทหารต้วนเพื่อมอบสินบนเป็นแน่แท้" พลทหารต้วนรับสินบนแน่ๆ เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาจะมีแผนซับซ้อนขนาดนั้น รู้ว่าต้องไปรับสินบนในวัดร้างนั่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่อาจถูกจับได้ง่ายๆ และด้านในมีอะไรบ้างก็ไม่มีใครรู้ได้ โม่ฉีหมิงคิดเอาไว้แต่แรกแล้ว สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง“ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดก็คือการซื้อตำแหน่ง เจ้าสั่งให้คนที่ไว้ใจได้เข้าไปทำงานในนั้นดูสิ ให้เขาสืบอย่างละเอียด แล้วคอยรายงานในสิ่งที่พวกเขาทำ ต้องรู้ให้ได้ว่าเงินของหลี่ซั่นถูกส่งไปที่ไหน" หลังจากที่พลทหารต้วนกลับมาจาการสู้รบเมื่อหลายปีก่อน เพราะทำความดีความชอบให้กับบ้านเมือง ฮ่องเต้เจียเฉิงจึงดีกับตระกูลต้วนมาก แต่พวกเขาคงลืมไปว่า ยิ่งมีอำนาจก็จะเป็นสิ่งที่พวกฮ่องเต้เองกลัวที่สุด ฮ่องเต้เจียเฉิงเองก็เช่นกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นเขาให้ไร่นาและเงินทองกับตระกูลนี้ให้พอใช้ไปหลายรุ่น แต่น่าเสียดายที่พลทหารต้วนนั้นโลภมาก ด้วยความที่เห็นว่าเป็นคนที่ฮ่องเต้เจียเฉิงรักจึงได้ใช้อำนาจในทางที่ผิด ซื้อตำแหน่งกันให้วุ่นวาน ถึงแม้ว่าฮ่องเต้เจียเฉิงจะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่กำลังสืบหาจุดอ่อนของเขาแล้วค่อยๆกำจัดทิ้ง เย่เฟิงพยักหน้าเข้าใจ แล้วครุ่นคิดคนที่ไว้ใจได้ที่เขามี การที่จะไปเป็นสายสืบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนอื่นเลยต้องมีหัวใจที่จงรักภักดีไม่เห็นแก่เงินตรา แล้วต้องคอยบอกตนเองว่ามาที่นี่เพื่อทำอะไร แต่กลับไม่พบคนที่เหมาะสม "ท่านอ๋อง ข้าน้อยยังพบอีกเรื่องหนึ่ง หลี่ซั่นกับคุณชายสองแห่งตระกูลเย่ดูสนิทสนมกันมาก" เย่เฟิงพูดเสียงต่ำ เย่อวิ๋นกว่าง? หากเย่อวิ๋นกว่างมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ งั้นก็ขอให้เรื่องนี้สามารถทำลายอำนาจของตระกูลเย่ได้และนี่ก็เป็นการทำลายเวินอ๋องได้เช่นกัน ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่อภิเษกกับเย่เซียวหลัวแล้วไร้ประโยชน์ แต่กลับจะได้รับโทษเพิ่มขึ้นมาอีก "ความสัมพันธ์ของเย่อวิ๋นกว่างกับหลี่ซั่นเจ้าไปสืบมาให้แน่ชัด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่พลทหารต้วนรับสินบนมาจากหลี่ซั่น" โม่ฉีหมิงพูดขึ้น พร้อมยกชาขึ้นมาจิบ เย่เฟิงพยักหน้า แล้วถามขึ้น"สวินโม่เป็นอย่างไรบ้าง?" จากเดิมที่เรื่องนี้เขาตามสืบกับสวินโม่ แต่ตอนนี้สวินโม่ได้รับบาดเจ็บจึงต้องหยุดสืบไป เขาก็พึ่งรู้จากปากของเย่หวินที่บอกว่าสวินโม่เอาก้อนหินปาดคอตนเอง เพราะผู้หญิง "ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว" โม่ฉีหมิงตอบ "หากเจ้าเป็นห่วงก็สามารถไปเยี่ยมเขาได้" เอ่อ.....เย่เฟิงครุ่นคิด เขาแค่เป็นห่วงอาการของสวินโม่ก็เท่านั้น ทำไมฟังจากปากของมิงอ๋องแล้วมันดูเป็นการเป็นห่วงอย่างเสน่ห์หาล้ะ? เขาขมวดคิ้ว ในเมื่อไม่เป็นอะไรมาก เรื่องของหลี่ซั่นก็สำคัญกว่า เพียงแต่ว่าในใจของเขายังมีอีกหนึ่งคำถาม ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นองค์รักษ์ของโม่ฉีหมิง แต่ลูกน้องของเขาก็มีแต่คนที่ตีรำฟังแทงได้เท่านั้น จะหาคนที่มีความคิดความสามารถนั้นไม่ง่ายเลย แต่ว่าอู๋อินโหลวคนในนั้นสวินโม่เป็นคนดูแล ตัวของสวินโม่เองก็บาดเจ็บ จะให้หาคนที่เหมาะสมช่างยากนัก หากแผนการนี้ล้มเหลว ตัวตนก็จะถูกเปิดออก พลทหานต้วนก็จะทำทุกอย่างรัดกุมมากยิ่งขึ้น คราวนี้คิดจะเอาความผิดเขาคงยาก ดังนั้นต้องเลือกให้ดี "ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่มีคนที่เหมาะสมกับงานนี้ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องมีหรือไม่?" เย่เฟิงขมวดคิ้วแล้วพูด โม่ฉีหมิงใช้นิ้วเรียวยาวเคาะใต้โต๊ะ ตราหยกสีเขียวหมุนไปตามมือของเขา “ข้าจำได้ว่าเมื่อปีกลายเจ้าได้ชีวิตคนที่แม่น้ำเหลียง และตอนนี้เขายังคงทำงานกับเจ้า ถึงแม้ว่าจะไม่โดดเด่นมาก แต่ก็เป็นคนที่ไว้ใจได้" เย่เฟิงครุ่นคิด“ท่านอ๋อง คนผู้นั้นเมื่อหลายเดือนก่อนโดนพิษงูกัดจนตายแล้ว" แววตาของโม่ฉีหมิงมองลึกลงไป เขาจับที่ตราหยกเอาไว้แน่น ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องการใช้คน แต่คนรอบตัวที่มักจะเจอนั้นกลับไว้ใจไม่ได้ ประตูถูกเปิดออก โล่หวินหลานเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของโม่ฉีหมิง แล้วจับที่มือของเขาแน่น“ให้หม่อมฉันไปเถอะ หม่อมฉันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด" แววตาของโม่ฉีหมิงตกใจเล็กน้อย เขาเกือบที่จะโมโหคนที่เฝ้าประตูด้านนอกแล้ว ที่ปล่อยให้โล่หวินหลานเข้ามา เขาเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่านางยืนอยู่ตรงหน้าประตู "หม่อมฉันเป็นคนบอกให้พวกเขาไม่ต้องส่งเสียง หากท่านอยากจะลงโทษก็ลงโทษหม่อมฉันเถอะ สิ่งที่พวกท่านคุยกันเมื่อสักครู่หม่อมฉันได้ยินทุกอย่างแล้ว หม่อมฉันรู้สึกว่าตนเองเหมาะกับงานนี้มากที่สุด" โล่หวินหลานพูดอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ นางรู้ดีว่า นี่เป็นงานที่ฮ่องเต้เจียเฉิงรับสั่งให้เขาทำเป็นงานแรก และที่ให้ทำงานนี้เพราะเชื่อมั่นในตัวเขา หากงานนี้สำเร็จนั้น ฮ่องเต้เจียเฉิงก็จะเชื่อมั่นในตัวเขามากยิ่งขึ้นไปอีก แต่หากล้มเหลวนั้น คนที่มีความสามารถในสายตาของฮ่องเต้เจียเฉิงก็จะมีเพียงองค์รัชทายาทกับเวินอ๋อง และเส้นสายที่เขาสั่งสมมานั้นก็จะไร้ประโยชน์ไปทันที ดังนั้น ภารกิจครั้งนี้นางจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพียงแต่แค่เอ๋ยปาก ก็ถูกโม่ฉีหมิงปฏิเสธอย่างรวดเร็ว“ไม่ได้ เจ้าออกไป ข้ายังมีเรื่องต้องคุยกับเย่เฟิงต่อ" โล่หวินหลานคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีวันยอม นางจึงไปหลบอยู่หลังเย่เฟิง เวลานี้คงต้องอาศัยเย่เฟิงเป็นคนช่วยพูดแล้ว โล่หวินหลานส่งสายตาวินวอนแก่เขา เย่เฟิงเองก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่านางจะเป็นคนที่ท่านอ๋องรักมากที่สุด และเขาก็รู้ดีว่าท่านอ๋องไม่มีวันให้นางไปเสี่ยงอันตรายแน่ แต่ว่าถึงยังไงเขาก็ต้องพูด เพราะการเข้าร่วมของนางจะทำให้ภาพกิจครั้งนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จึงรีบกล่าวขึ้น“ท่านอ๋อง คนของเราที่เก่งกาจมีมากมาย แต่ไม่มีใครที่สามารถเชื่อใจได้เลย ทางด้านหลี่ซั่นเองก็ไม่มีใครเคยเห็นหรือพบเจอพระชายา ข้าน้อยคิดว่าหากพระชายาไปต้องสำเร็จเป็นแน่" เขาที่พึ่งพูดจบ สายตาแข็งกร้าวดุจน้ำแข็งก็มองมาทันที เขากล้าพูดได้อย่างไรว่าจะให้พระชายาไปทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้? "พอได้แล้ว ข้าจะเป็นคนเลือกคนเอง" โม่ฉีหมิงตอบเสียงเรียบ ตอนเดินออกไปก็ไม่แม้แต่จะสบตาโล่หวินหลาน โล่หวินหลานมองไปทางเย่เฟิงอย่างเหลืออด หากเป็นเรื่องที่นางพอจะช่วยได้ นางก็อยากช่วยอย่างเต็มที่ อย่างเช่นครั้งนี้เป็นตน นางจะอธิบายทุกอย่างให้เย่เฟิงเข้าใจ ว่าหากนางไปนั้นทุกอย่างต้องสำเร็จแน่ ทางด้านหรูซูนั้นถึงแม้จะไม่ค่อยชอบการที่ตนเองเป็นตัวแทนของยี่ย่างเสียเท่าไหร่ แต่สิ่งที่นางได้ยินโล่หวินหลานพูดที่สวนนั้นมันก็เป็นความจริง นางกลับไปหาองค์รัชทายาทไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้กลับไปก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้องค์รัชทายาทฟังได้อย่างไร สวินโม่เองต้องเปลี่ยนยาทุกวัน ทุกครั้งเสียงที่เขาเปร่งออกมานั้นก็จะแหบพล่า แต่ว่าโล่หวินหลานกับไม่พบเส้นเสียงที่ผิดปกติไป จนสุดท้ายนางก็หายาที่ช่วยทำเสียงนุ่มขึ้นมาให้เขา "หึย สวินโม่เจ้าลุกขึ้นทำไม? ตอนนี้เจ้าลุกขึ้นไม่ได้ ในอากาศมีเชื้อโรคที่จะทำให้บาดแผลของเจ้าอักแสบ" โล่หวินหลานพูดขึ้นจากที่ไกลๆ เพราะนางเห็นสวินโม่ยืนอยู่ที่สวน ในมือก็ถือดาบเอาไว้ด้วย ส่วนหรูซูนั้นก็ทำหน้านิ่งเฉยยืนอยู่ด้านหลัง สวินโม่ชินกับคำพูดแปลกๆของโล่หวินหลานแล้วเพราะนางเป็น "หมอเทวดา" เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับการตื่นตระหนกของนาง พร้อมตอบด้วยเสียงแหบพล่า“หม่อมฉันได้รับบาดเจ็บแค่ที่คอ ไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนนี้ไม่ได้ฝึกดาบมานานแล้ว วันนี้ก็รู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่าด้วย จึงอยากออกมาฝึกไม่กี่กระบวนท่า" ในด้านทางการแพทย์ปัจจุบันนั้น การที่สวินโม่ขยับเขยื้อนร่างกายอย่างนี้ไม่ถูกต้อง นางจึงรีบเอาดาบจากมือเขาอย่างระวัง "ห้ามออกมาด้านนอก ห้ามฝึกดาบ ห้ามพูดด้วย เจ้าต้องไปนอนพักผ่อน ไว้รอผ่านช่วงนี้ไปก่อนแล้วเราค่อยมาพูดกัน" โล่หวินหลานออกคำสั่ง สวินโม่เองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แววตาของเขามองไปยังที่ไกลๆ ตอนที่เขากำลังหมุนตัวจะกลับนั้น หรูซูก็รีบเข้ามาช่วยพยุง แต่ว่าในช่วงขณะนั้น สวินโม่กับปัดมือนางทิ้งอย่างเบาแรง แล้วเดินเข้าห้องด้วยตนเอง โล่หวินหลานนึกว่าตนเองตาฝาด ทำไมสวินโม่ถึงผลักมือของหรูซูล้ะ? "พวกเขาทั้งสองมักจะเป็นเช่นนี้ วันวันหนึ่งคุยกันไม่ถึงสิบประโยค คนหนึ่งพูดไม่เก่ง อีกคนไม่ยอมพูด" เย่หวินที่อยู่ด้านหลังพูดขึ้นอย่างเหลืออด พูดไม่เก่ง? ไม่ยอมพูด? โล่หวินหลานพอจะเดาความสัมพันธ์ของพวกเขาออกแล้ว หากไม่มีความรัก อยู่ต่อไปก็คงไม่มีความหมาย? "เย่หวิน" โล่หวินหลานมองไปบนท้องฟ้าแล้วพูดขึ้น“การที่ให้หรูซูอยู่ข้างสวินโม่เป็นความผิดของใคร? หรูซูสามารถมาแทนที่ยี่ย่างได้จริงหรือ?" หากทั้งสองคนไม่มีความสุข ให้พวกเขามาอยู่กับสิ่งที่ไม่ยินดีที่จะแตะต้อง นั่นจะทำให้คนเราเครียดกว่าเดิมหรือไม่? "พระชายา นั่นก็ขึ้นอยู่กับที่ตัวของพวกเขา คนนอกไม่สามารถเข้าไปพูดมากได้" เย่หวินครุ่นคิดแล้วตอบ โล่หวินหลานรู้สึกอึดอัด ตอนแรกอยากที่จะให้พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน แต่สุดท้ายกับไม่เป็นไปตามที่หวัง นางจับที่หัวของตนเองอย่างเหลืออด แล้วขมวดคิ้วเป็นปม เหมือนกำลังโทษว่าตนเองก็มีส่วนผิด เย่หวินเห็นนางเป็นเช่นนั้น คงเป็นเพราะสิ่งที่นางพูดทำให้พระชายาเสียใจ? แต่นางก็เหมือนไม่ได้พูดอะไรไม่ดีหนิ นางเดินไปตรงหน้าของโล่หวินหลาน“พระชายา เสื้อผ้าที่เอาไปเย็บครั้งที่แล้วน่าจะใกล้เสร็จแล้ว หม่อมฉันว่าเราลองไปดูกันเถอะ" สายตาของโล่หวินหลานเปร่งประกายทันที สามารถออกจากตำหนักได้แล้ว!การที่ได้ออกไปกับเย่หวินก็เป็นเรื่องที่ไม่เลว ไม่คิดว่าเสื้อผ้าที่โม่ฉีหมิงบอกว่าจะสั่งตัดให้นางนั้นจะเสร็จเร็วขนาดนี้ ถึงยังไงอยู่ที่ตำหนักก็ไม่มีอะไรทำ สู้ออกไปข้างนอกเดินเล่นยังจะดีเสียกว่า นางหาตราหยกที่โม่ฉีหมิงวางไว้บนเตียง จากนั้นก็เปลี่ยนชุดที่เรียบง่ายแล้วออกไปจากตำหนักหมิงอ๋อง นี่เป็นอีกครั้งที่ได้ชื่นชมตลาดอันรุ่งเรืองในยุคโบราณ โล่หวินหลานรู้สึกตื่นเต้นมาก หากตอนนี้นางมีกล้องก็คงจะถ่ายทุกอย่างเก็บเอาไว้แล้ว! นี่ก็นานแล้วที่ไม่ได้ออกมา โล่หวินหลานมองดูของเล่นต่างๆตรงตลาดอย่างมีความสุข นางจับนู้นนี่นั่นไปทั่ว มองเห็นผู้คนอยู่เป็นกลุ่มกันที่ข้างริมแม่น้ำก็ไปยืนมองด้วย นางเห็นคนขายถังหูลู่เชื่อมยืนขายอยู่ใต้ต้นมะพร้าว ก็อยากไปถามเคล็ดลับ โชคดีที่เย่หวินรีบนำเงินออกมา ทำให้เคล็ดลับวิธีการทำถังหูลู่ก็ซื้อได้ด้วย 
已经是最新一章了
加载中