ตอนที่121การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่   1/    
已经是第一章了
ตอนที่121การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
ต๭นที่121การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ มองไปที่ขนมท้อที่อยู่ตรงหน้าน้ำตาของเย่เซียวหลัวในที่สุดก็ไหลลงอย่างห้ามไม่อยู่สำหรับนางแล้วนี้มิใช่ขนมดอกท้อไม่ใช่ของที่นางชอบที่สุดแต่คือความอบอุ่นคือครอบครัวคือความรัก นางกินขนมดอกท้อคำใหญ่น้ำตาไหลรินลงบนขนมรสชาติเค็มเค็มทำให้รู้สึกย่ำแย่ทันใดนั้นนางก็ซุกศีรษะเข้าไปในอกของเย่วหยินกว่างร้องห่มร้องไห้“พี่รองข้าไม่อยากแต่งงานกับรัชทายาทข้ามิได้ชมชอบเขาทำไมพวกเขาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแล้วสามารถสละได้แม้กระทั่งคนใกล้ตัวของตัวเองทำไมถึงไม่คำนึงถึงความรู้สึกของข้าบีบบังคับให้ข้าต้องเดินทางนี้”เย่วหยินกว่างเข้าใจถึงความรู้สึกของนางแต่ชีวิตนั้นมิได้ง่ายดายเช่นนั้นเขาถอนหายใจพูดด้วยเสียงต่ำว่า“น้องสามท่านพ่อทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีต่อน้องเพียงแต่วิธีของท่านนั้นก็มิได้ถูกต้องแต่เรื่องนี้มีผลต่อผลประโยชน์ของตระกูลเย่วของพวกเราน้องก็คงไม่อยากให้เพราะเรื่องนี้ทำให้ตระกูลของเราต้องถูกตัดหัวทั้งตระกูลหรือถูกส่งไปชายแดนใช่ไหม”เย่เซียวหลัวมองเย่วหยินกว่างด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อไม่อยากจะเชื่อว่าพี่รองที่รักและโอ๋นางจะพูดคำพูดอย่างนี้ทันใดนั้นนางก็ผละออกจากอ้อมกอดของพี่รองหลบหลีกจากเย่วหยุนกว่างเสมือนหลบหลีกเทพเจ้าแห่งโรคห่าแล้วค่อยค่อยก้าวถอยหลัง “พี่รองทำไมท่านถึงพูดแบบนี้เหมือนท่านพ่อ” “มิใช่”เย่วหยุนกว่างยื่นมือไปดึงนางนางจะต้องเข้าใจเจตนาของข้าผิดไปแน่แล้วเขาจับนางที่ลำตัวอย่างแนบแน่นจะดึงมาอยู่ตรงหน้าตัวเองสองมือประคองเข้าที่เจ้า้มของนางพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง“ถ้าเจ้าไม่อยากแต่งงานกับรัชทายาทพี่รองมีวิธีที่จะช่วยเหลือเจ้า” อากาศหนาวเย็นไปถึงกระดูกแต่อย่างไรก็ไม่สามารถเย็นเท่าใจคนต้วนกุ้ยเฟยใช้น้ำร้อนล้างมือทั้งสองข้างครั้งแล้วครั้งเล่า “หมิงเย่วทำไมน้ำร้อนถึงได้ขุ่นขนาดนี้?ไปเปลี่ยนน้ำสะอาดเข้ามาให้ข้าใหม่ซะ”ต้วนกุ้ยเฟยเรียกติดต่อกันสองครั้งแต่ไม่มีใครตอบรับ หมิงเย่วคนนี้ไม่มีรู้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนตั้งแต่เช้ารอเด็กน้อยคนนี้กลับมาก่อนเถอะข้าจะลงโทษเจ้าต้วนกุ้ยเฟยคิดพร้อมกับใช้ผ้าสีขาวที่แขวนไว้ด้านข้างค่อยค่อยเช็ดมือไปด้วยหลังจากนั้นใช้สองมือประคองหนังสืออยู่บนเก้าอี้นุ่มสบาย ทันใดนั้นข้างนอกประตูก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายจนสับสนมีเงาคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งเข้ามายังไม่รอให้ต้วนกุ้ยเฟยมองให้ชัดเจนว่าเป็นใคร“ตูม”คนนั้นก็คุกเข่าลงเรียบร้อยแล้ว “กุ้ยเฟยแย่แล้วแย่แล้วแม่ทัพต้วนโดนฝ่าบาทสั่งจำคุกแล้วเพคะ”หมิงเย่วพูดอย่างไม่หยุดหายใจเล่าทุกหนึ่งประโยคก็สูดอากาศเข้าไปหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นถ้วยชาในมือต้วนกุ้ยเฟยก็ร่วงตกแตกลงบนพื้น“เพล้ง”เสียงเจ้า้วตกแตกได้ดังกลบเสียงหอบหายใจของหมิงเย่วตาสองข้างจ้องข้างไปยังหมิวเย่วริมฝีปากที่แต้มชาดสีชมพูอ่อนค่อยขยับปากถาม”ทำไมทำไมถึง?”ท่านพี่เขาทำไมฝ่าบาทต้องจำท่านพี่จำคุก?ท่านพี่ผิดอันใด?หมิงเย่มิใช่ว่าเจ้าฟังผิดหรอกหรือ? หมิวเย่ส่ายหัวรัวรัวนางก็มิรู้ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้จึงรีบเล่าเรื่องที่พึ่งเกิดเมื่อสักครู่ให้กุ้ยเฟยฟังอีกรอบ“เมื่อสักครู่ข้าน้อยได้ไปรับเบี้ยอัดของเดือนนี้จากกรมวังกลับได้ยินกงกงที่อยู่ข้างในพูดว่าฝ่าบาทได้ลดเบี้ยอัดครึ่งปีหลังของกุ้ยเฟยกุ้ยเฟยเมื่อข้าน้อยถามถึงสาเหตุถึงได้รู้ว่าเพราะแม่ทัพต้วนถูกสั่งจำคุกทำให้มีผลส่งถึงกุ้ยเฟยข้าน้อยไม่กล้าอยู่นานเลยถือโอกาสไปถามนางกำนัลที่ตำหนักชาวต้ายเฟิ้งนางบอกว่าได้มีพระราชโองการลงมาแล้ว!” ต้วนกุ้ยเฟยร้อนใจดุจโดนไฟเผานางรู้มาว่าหลังจากรบชนะศึกท่านพี่ได้มีท่าทีถือดีแต่ทุกครั้งฝ่าบาทก็ยังมีท่าทีโปรดปรานมาโดยตลอดและไม่เคยสั่งลงโทษเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมรอบนี้ถึงได้สั่งจำคุกท่านพี่? “มีเพียงแต่ท่านพี่ที่ถูกสั่งจำคุกใช่หรือไม่”แล้วท่านพ่อท่านแม่ของข้าหละมีปัญหาอะไรรึเปล่า?ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนพร้องทั้งลงมาจากเก้าอี้นุ่มที่นั่งอยู่มือจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของหมิวเย่แน่น หมิงเย่ส่ายหัว“ฝ่าบาทมีตรัสว่านายท่านและฮูหยินชรามากแล้วไม่สะดวกที่จะเคลื่อนย้ายดังนั้นจึงกุมขังเฉพาะท่านแม่ทัพต้วนเพียงคนเดียวเพคะแต่มีรับสั่งให้กองกำลังรักษาพระองค์ปิดล้อมคฤหาสน์ตระกูลต้วนเอาไว้ไม่ให้นายท่านและฮูหยินออกมา ต้วนกุ้ยเฟยหลับตาที่หนักอึ้งลงหัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่งฝ่าบาทมิมีทางจับท่านพี่กุมขังโดยมิมีเหตุผลเป็นแน่มิแม้ว่าท่านพี่จะเคยทำเรื่องออกนอกลู่นอกทางมาบ้างแต่ฝ่าบาทก็มิซักถามถ้าอย่างนั้นครั้งนี้ท่านพี่ทำผิดเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อสามารถระงับความเจ็บปวดในใจลงได้ก็ลากมือหมิงเย่วิ่งโซซัดโซเซออกไปข้างนอกนางจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทถามให้แน่ชัดว่าทำไมถึงสั่งจำคุกท่านพี่ทั้งชีวิตของท่านพี่มีแต่ทำเพื่อแคว้นว่านซื่อกั๋วเพื่อแคว้นแล้วออกรบกำชัยชนะก็หลายครั้งหลายหนมีเหตุอะไรที่สั่งกุมขัง “กุ้ยเฟยกุ้ยเฟยท่านจะไปที่ใด?”หมิงเย่ประคองต้วนกุ้ยเฟยเดินอย่างยากลำบากไปทางห้องพระอักษร นางกำนัลที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองไปยังต้วนกุ้ยเฟยมองร่างกายและท่าทางที่ตกอับของนางมีนางกำนัลมากประสบการณ์เห็นสถานการณ์ก็เข้าใจมิพูดก็จากไปหมุนตัวกลับไปรายงานเจ้านายตัวเอง นายบ่างสองคนเดินมาถึงห้องทรงอักษรเมื่อถึงประตูข้างนอกกลับโดนจ้าวกงกงดักทางเอาไว้เขามองด้วยความนอบน้อมและเกรงใจไปยังต้วนกุ้ยเฟยที่รีบร้อนเดินมา “กุ้ยเฟยกุ้ยเฟยตอนนี้ฝ่าบาทกำลังคุยกับหมิงอ๋องอยู่ด้านในท่านโปรดรอสักครู่” หมิงอ๋อง?ทำไมหมิงอ๋องถึงเข้าวังได้?เดิมทีนางได้ลืมเรื่องขาของหมิงอ๋องไปแล้วเขาเดินได้ตั้งนานแล้วครั้งนี้หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับหมิงอ๋องคงจะไม่ใช่······ นางยังคาดเดาไม่จบภายในห้องพระอักษรก็มีเสียงถ้วยชาที่ทุบละเลียดดังอย่างรุนแรงตามมาด้วยน้ำเสียงโกรธจัดของเจียเชิงตี้“สมควรตายคาดไม่ถึงมันช่างบังอาจนักกล้าแอบใช้คนราชสำนักแท้จริงแล้วระยะนี้ขุนนางที่มาใหม่กี่คนมานี้ต่างเป็นคนของมันข้าคงจะดูแคลนความสามารถของมันเกินไปแล้ว!” ต้วนกุ้ยเฟยตื่นตะหนกหรือว่า“มัน”ที่ฝ่าบาทพูดถึงก็คือท่านพี่?ท่านพี่กล้าแอบใช้คนราชสำนักทำไมถึงกล้าได้ขนาดนี้……นางกัดฟันกำลังจะผลักประตูเข้าไปจ้าวกงกงก็รีบมาขวางทางนางเอาไว้เสียงข้างในก็เงียบเสียงลง “ท่านพ่อนี้คือหลักฐานครั้งที่แล้วลูกจับหลี่ซ่านได้ได้เพียงสมุดบัญชีที่หลี่ซ่านรับสินบนเดิมทีลูกคิดว่าแม่ทัพต้วนจะ” ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหลี่ซ่านโดนจับทำให้แม่ทัพต้วนสูญเสียแขนขาตัวข้าเองก็คงจะไม่สามารถจับความผิดของแม่ทัพต้วนได้เร็วขนาดนี้ เขาเอาสมุดบัญชีกี่เล่มนี้มอบส่งให้เจียเฉิงตี้เจียเฉิงตี้ค่อยๆพลิกอ่านทีละหน้าสมุดบัญชีกี่เล่มนี้คือเริ่มบันทึกตั้งแต่ห้าปีก่อนเวลานั้นแม่ทัพต้วนเพิ่งจะกลับมาจากฆ่าฟันข้าศึกกลับมาและก็เพราะการรบชนะครั้งนั้นทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังเวลานั้นเขายังเป็นคนข้างกายที่ฝ่าบาทโปรดปรานตำแหน่งก็ยังไม่สามารถโยกย้ายได้ คนเริ่มทยอยทยอยหาเขาพบตอนนั้นยังไม่มีการบริจาคเข้าหลวงแล้วสามารถขึ้นเป็นขุนนางยังมีเพียงแต่เรื่องเล็กๆที่ให้เขาช่วยเหลือจัดการให้ตอนนั้นแม่ทัพต้วนก็ไตร่ตรองอยู่นานถึงตัดสินใจช่วยเหลือตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหลังจากรับสินบนมาแล้วไม่มีใครจับได้เขาก็ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหิมเกริมมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาได้ลิ้มลองประโยชน์ที่ล่อใจทำให้เปลี่ยนเป็นคนกำเริบเสิบสาน หลังจากนั้นไม่กี่ปีห้องเก็บสินค้าในคฤหาสน์ตระกูลอัดแน่นขึ้นมาทำให้เขาต้องผูกสัมพันธ์กับขุนนางในราชสำนักมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยเหลือกู้หนุนอำนาจของเขา คิดไม่ถึงว่าช่วงเวลารุ่งโรจน์จะมีเพียงไม่กี่ปีก็ต้องพังพินาศลง ซึ่งก็ไม่ใช่เพราะใครที่จงใจทำไมเขาต้องพังพินาศแต่กลับเป็นตัวเขาเองที่เป็นคนทำลายลงเพราะการครอบคลุมนั้นได้แผ่กว้างจนทำให้ฝ่าบาทรู้สึกหวาดกลัวขุดรากถอดโคนเขาทั้งซะ ฮ่องเต้เจียเฉิงพลิกสมุดบัญชีเล่มนั้นซึ่งใกล้หน้าสุดท้ายรายการที่บันทึกไว้ก็ยิ่งใหญ่ขึ้นทำให้สีหน้าเปลี่ยนในทันทียิ่งดูยิ่งแย่ เจียเฉิงฮ่องเต้ซึ่งเปิดดูสมุดบัญชีสีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งดำคล้ำพูดด้วยความฉุนเฉียว“เจ้าต้วนเชียนโป๋หลายปีมานี้หาวิธีทางที่จะรับสินบนแต่ละปีก็มากขึ้นเรื่อยๆราชสำนักตอนนี้มีกี่คนกันที่มันส่งเข้ามา?ตกลงมีกี่คนกันแน่ที่มันส่งเข้ามาเฝ้าติมตามดูเจิ้น?” ท่านพ่อถึงอย่างไรช่วงเวลานั้นแม่ทัพต้วนคือแม่ทัพเจิ้นโก๋วสมญานามโด่งดังทั่วแคว้นโม่ฉีตำแหน่งของเขาเป็นรองแค่คนเดียวแต่อยู่เหนือคนใต้หล้าเพราะฉะนั้นมีคนต้องการผลประโยชน์ดีดีให้เขานั่นก็เป็นเรื่องปกติเพียงแต่ลูกคิดไม่ถึงว่าหลายปีมานี้ที่เขารับสินบนมาจะเทียบเท่าครึ่งหนึ่งของท้องพระคลัง แท้จริงแล้วเมื่อสามปีก่อนมีครั้งหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนักโม่ฉีหมิงก็คาดเดาได้ว่ามีคนกำลังใช้คนในราชสำนักก็คงจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นที่ขุนนางในราชสำนักแบ่งพรรคแบ่งพวกคนทำงานคอยรับใช้นายของตัวเอง ฮ่องเต้เจียเฉิงเอ่ยด้วยสายตาเย็นตา“ขุนนางในราชสำนักพวกนั้นคงเก็บเอาไว้ไม่ได้แล้วเจิ้นจะค่อยๆขุดรากโคนทิ้งซะไม่ต้องรีบร้อนหมิงเอ๋อร์เจิ้นมอบหมายเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการด้วยค่อยๆสืบหาขุนนางใหญ่ที่มีความสนิทสนมไปมาหาสู่กับแม่ทัพต้วนออกมา” พะยะค่ะลูกจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวังแน่นอนพระเจ้าคะเพียงแต่ท่านพ่อวางแผนที่จะจัดการแม่ทัพต้วนอย่างไร? เจียเฉิงฮ่องเต้ถอนหายใจสองมือประคองถ้วยน้ำชายกขึ้นดื่มก้อนหินที่หนักอึ้งในใจในที่สุดก็ล่วงหล่นปัญหาที่รบกวนจิตใจหลายปีมานี้ในที่สุดก็จบสิ้นซะทีนานเท่าไหร่แล้วที่ตัวข้าไม่ได้รู้สึกถึงความสบายอกสบายใจอย่างนี้ สรุปว่าเจิ้นจะจัดการให้ถึงตายแต่ก็จะทำให้มันไม่สามารถหยีบย่างเข้ามาในเมืองหลวงได้อีกแบบนี้ก็เปรียบเสมือนทำลายเกียรติยศความรุ่งโรจน์ทั้งชีวิตของแม่ทัพต้วนคำขอร้องที่มากเกินไปทำให้เขาต้องส่งผลโดยฝังทั้งเป็นในวันนี้แท้จริงแล้วในวันที่หลี่ซ่านตายลงเขาควรจะรู้ถึงจุดจบของตัวเองแล้ว เวลาของการเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างรวดเร็วเรื่องราวของพรุ่งนี้วันนี้ก็มิอาจทราบได้ โม่ฉีหมิงผลักประตูห้องพระอักษรก็ประสานกับสายตาที่น่ากลัวของต้วนกุ้ยเฟยนางดูเหมือนกำลังคุ้มคลั่งรีบพุ่งตัวมาตรงหน้าและดึงคอเสื้อของเขาอย่างแรก"คือเจ้าคือเจ้าที่ทำร้ายพี่ชายของข้า" ข้อมือของนางนั่นมิได้ใหญ่โม่ฉีกหมิงสามารถจะสะบัดนางออกเมื่อไหร่ก็ได้แต่กลับแม้มริมฝีปากไม่พูดไม่จา จ้าวกงกงที่อยู่ข้างเห็นสถานการณ์ก็รีบให้องครักษ์สองคนมาแยกตัวต้วนกุ้ยเฟยออกมาเครื่องประดับบนผมทั้งหยกไข่มุกยุ่งเหยิงจนตกลงมาทั้งหมดผมเผ้ายุ่งเหยิงกระจายปกใบหน้าเหมือนคนจิตไม่ปกติ "ปล่อยปล่อยข้าพวกเจ้าขันทีกล้าดึงข้าข้าจะทำให้พวกเข้าไม่ตายดี"เสียงแหลมเล็กของต้วนกุ้ยเฟยดังอยู่ข้างนอกพระนอกห้องพระอักษร หลังจากขันที2-3นั้นดึงกุ้ยเฟยออกมาจากตัวโม่ฉีหมิงก็ไม่ต้องแตะตัวตัวนางอีกเลยก่อนที่ฝ่าบาทจะมีคำสั่งลงมานางก็ยังคงเป็นถึงกุ้ยเฟยกุ้ยเฟย โม่ฉีหมิงค่อยๆตบๆคอเสื้อที่ถูกนางดึงไปเมื่อกี้นี้คอเสื้อส่วนข้างบนมีรอยยับเล็กน้อยเขาใช้มือลูบให้เรียบแล้วเดินผ่านหน้านางไปโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนสี ต้วนกุ้ยเฟยมองดูแผ่นหลังของโม่ฉีหมิงที่เดินจากไปก็แทบจะสลบไม่ได้สติแต่ก็ไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องของเขาเดินโซซัดโซเซพุ่งไปทางห้องพระอักษรแต่ว่ายังไม่ถึงห้องหนังสือก็ถูกจ้าวกงกงดขวางไว้ “กุ้ยเฟยกุ้ยเฟยท่านกลับไปก่อนเถอะตอนนี้ฝ่าบาทไม่ต้องการอยากให้ใครเข้าพบรอให้ฝ่าบาทอยากเจอท่านเมื่อไหร่ก็จะเรียกให้ท่านเข้าเฝ้าเอง”จ้าวกงกงพูดจบก็ส่งสายตาไปให้นางกำนัลหมิงเย่ที่อยู่ข้างๆบอกเป็นนัยว่าให้พาต้วนกุ้ยเฟนกลับตำหนัก หมิงเย่ช่างเป็นนางกำนัลที่จะแสนฉลาดหลังจากรับรู้ถึงสายตาฉางกงกงที่ส่งมาก็รีบประคองต้วนกุ้ยเฟยและกระซิบที่ข้างหู“กุ้ยเฟยพวกเรากลับไปหาวิธีกันเถอะตอนนี้ฝ่าบาทกำลังอารมณ์ไม่ดีก็เลยยังไม่อยากพบกุ้ยเฟยตอนพรุ่งนี้ให้ฝ่าบาทอารมณ์เย็นก่อนแล้วค่อยมาใหม่ฝ่าบาทจะต้องอยากจะพบกุ้ยเฟยแน่นอน” ต้วนกุ้ยเฟยรู้สึกว่าที่หมิงเย่พูดมาก็มีเหตุผลนางไม่สามารถล้มตอนนี้ได้นางจะต้องสู้เพื่อกียรติยศของตระกูลต้วน
已经是最新一章了
加载中