ตอนที่128ร่วมแรงร่วมใจ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่128ร่วมแรงร่วมใจ
ต๭นที่128ร่วมแรงร่วมใจ ไปๆมาๆเมื่อได้ฟังที่ฮองเฮาวิเคราะห์เขาก็กำฎีกาที่อยู่ในมือแน่นหน้านิ่วคิ้วขมวดไตร่ตรองว่าควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรสามคนที่อยู่ด้านล่างสองคนนั้นก็ลูกชายอีกคนก็ภรรยาเย่ฮองเฮาก็เป็นคนตระกูลเย่ที่แต่งเข้ามาแรกเริ่มเดิมทีระหว่างเขากับเย่ฮองเฮามีความรักความผูกพันธ์กันไหม?สีหน้าดุดันของเจียเฉิงค่อยค่อยสงบลงมองไปที่พวกเขาโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี“ที่พวกเจ้าพูดมาเจิ้นจะไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนพวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ!” สายตาของเขาจดจ้องไปที่เย่ฮองเฮาเมื่อก่อนระหว่างพวกเขาไม่เคยมีความผูกพันธ์ทั้งหมดก็เพื่อปฎิบัติตามกฎมณเฑียรบาลตอนนี้เรื่องนี้ก็ถึงคราวลูกชายของตัวเองบ้างแต่เขาก็ไม่สามารถให้ตระกูลเย่เป็นใหญ่ได้แค่ตระกูลเดียว เย่ฮองเฮามองไปยังฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เม้มริมฝีปากแดงสดชั่วครู่ดูเหมือนว่าจะอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน”ฝ่าบาทช่วงนี้อากาศหนาวนักฝ่าบาทตรวจฎีกาอยู่ในห้องทั้งวันอย่าลืมสั่งให้จ้าวกงกงเติมเตาไฟนะเพคะ” “อืม……”เจียเฉิงฮ่องเต้ขานรับด้วยเสียงโทนต่ำที่ออกมาทางจมูกแล้วก็ก้มหน้าอ่านฎีกาที่อยู่ในมือต่อ เมื่อพวกเขาออกมาจากตำหนักหิมะข้างนอกตกหนักสีขาวสุดลูกหูหูตากองสุมอยู่บนบันไดที่ทอดยาวมองดูแล้ววิวทิวทัศน์นี้กับกำแพงแดงอิฐเหลืองตัดกันเป็นภาพที่สวยงาม เย่ฮองเฮาถูกวี่จือประคองเดินไปถึงข้างล่างเชิงกำแพงรองเท้าบูทเหยียบย่างไปบนหิมะปรากฎเป็นรอยเท้าบางเบาส่งเสียง“จือจือ”เมื่อเดินลงมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายในที่สุดเย่ฮองเฮาก็เอ่ยปากว่า“โม่หวางครั้งนี้ขอบคุณเจ้ามาก” โม่ฉีหมิงหันหน้ากลับมามองท่ามกลางหิมะเกล็ดหิมะสีขาวโปรยลงบนเสื้อคลุมสีดำเขาหรี่ตาเรียวยาวหัวเราะเบาๆพร้อมเอ่ยขึ้นว่า”ฮองเฮาถ้าไม่ใช่เพราะท่านปรากฏตัวช่วงเวลาชี้ชะตาท่านพ่อก็คงจะไม่ตอบรับเร็วเช่นนี้”เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าเรื่องนี้นั้นมีผลดีต่อพวกเราทั้งสามคนมิฉะนั้นเขาก็คงจะไม่เข้ามาช่วยเหลือคำขอบคุณนั้นไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่งรัชทายาทยิ้มละมุนละไมเขาและโม่ฉีหมิงมิใช่คนจำพวกเดียวกันโดยสิ้นเชิงแต่ท่าทางที่เขาทั้งสองคนยิ้มนั้นกลับดูไม่มีพิษไม่มีภัยเหมือนกัน “น้องสี่ครั้งนี้ดีที่มีเจ้าคอยช่วยเหลือข้าเชื่อว่าสุดท้ายแล้วผลจะออกมาเป็นแบบที่พวกเราคาดหวัง”รัชทายาทเอ่ยด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ก่อนที่ผลจะออกมาใครก็ไม่มีอำนาจคาดเดาเพราะไม่มีใครที่จะสามารถคาดเดาได้ว่าในใจฝ่าบาทนั้นกำลังคิดอะไรอยู่รัชทายาทยืนใจลอยมองดูเงาของโม่ฉีหมิงที่เดินจากไปเย่ฮองเฮาแตะแตะที่มือของเขาใบหน้าที่แต่งอย่างประณีตงดงามเพื่อกลบริ้วรอยบริเวณหางตาเดินกลับไปที่ตำหนักก่อนหลังจากนั้นรัชทายาทก็เดินตามติดไปทีหลัง เมื่อเข้าไปในห้องอันอบอุ่นทั้งสองคนก็ปลดเสื้อคลุมออกเย่ฮองเฮาวางเตาพกในมือลงพร้อมเอ่ยถามขึ้นว่า“ทำไมหมิงอ๋องถึงมาร่วมมือกับเจ้าได้?”เมื่อทั้งสองนั่งลงนางกำนัลได้ยกน้ำชามาถวายกลิ่นหอมสดชื่นได้ลอยปะทะผิวหน้า “ในนี้มีสิ่งที่เขาต้องการทุกคนก็เหมือนกันหมดขอเพียงมีความปรารถนาไม่ว่าอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นยิ่งกว่านั้นสำหรับเขาแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ”เมื่อรัชทายาทดื่มชาลงไปก็รู้สึกว่าภายในกะเพราะได้อุ่นวาบขึ้นมา เย่ฮองเฮาถอดถอนหายใจออกมาเบาๆ“ความสามารถของเขาช่างแข็งเจ้าร่งเกินไปแล้วอนาคตจะต้องเป็นคู่แข่งของเจ้าแน่นอนคนอื่นนั้นข้าไม่คิดกลัวกลัวแค่เขาเท่านั้นข้าละเสียใจจริงๆที่ครั้งนั้นเขาไม่ถูกไฟคลอกตาย”รัชทายาทหัวคิ้วกระตุกขึ้นเล็กน้อยรู้สึกประหลาดใจ“เผาเขาให้ตาย?ท่านแม่ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่” ตัวเขารู้เพียงว่าเมื่อก่อนหมู่เฟยของโม่ฉีหมิงนั้นเพราะเกิดเหตุไฟไหม้ทำให้ถูกไฟคลอกตายในตำหนักโม่ฉีหมิงในวัยเด็กก็มาสามารถหนีจากเหตุการณ์ไฟร้ายในครั้งนั้นได้แต่ทำไมท่านแม่ถึงพูดอย่างนี้?หรือว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นเป็นแผนการของท่าน? เขาใช้สายตาตกตะลึงมองไปที่ท่านแม่ในสายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อเย่ฮองเฮาเมื่อรู้ตัวว่าหลุดปากพูดออกไปก็กระแอมขึ้นมาครั้งหนึ่งยิ้มอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและเอ่ยว่า“ไม่มีอะไรข้าแค่พูดว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นทำให้รูปโฉมของหมิงอ๋องถูกทำลายลงช่างน่าเสียดายยิ่งนักฝ่าบาทคงจะเสียใจมากที่ไม่สามารถปกป้องหมิงอ๋องไว้ได้ตอนนี้รูปโฉมของหมิงอ๋องกลับมาเป็นปกติแล้วอีกทั้งยังมีความสามารถช่างเป็นคู่แข่งคนสำคัญของเจ้าอย่างแท้จริง!” เหตุการณ์ไฟไหม้ในปีนั้นทุกคนว่าเห็นชัดว่าเป็นอุบัติเหตุแต่ว่ามีเพียงแค่เย่ฮองเฮาที่รู้ว่าเหตุไฟไหม้ครั้งนั้นมิใช่อุบัติเหตุแต่เป็นการตั้งใจฆาตกรรม ถ้ามิใช่ว่าวันนี้ไม่ทันระวังหลุดปากพูดความจริงออกมาต่อหน้ารัชทายาทก็มิมีผู้ใดรู้ว่าเฉินเฟยถูกฆ่าตายและนางเองก็คงจะหมกมุ่นอยู่กับความทรงจำนี้ การอธิบายด้วยใบหน้าซีดเซียวของเย่ฮองเฮาก็ไม่มีความหมายอาศัยความเฉลียวฉลาดของรัชทายาทก็สามารถเดาความหมายคำพูดของนางออกเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นจะต้องมีเงื่อนงำเพียงแค่รัชทายาทมีสีหน้าเป็นปกติไม่ถามถึงเกิดเรื่องราวไฟไหม้อีก “ท่านแม่ลูกไม่กลัวน้องสี่ถ้าน้องสี่มีความสามารถที่จะปกครองใต้หล้านี้หลีกทางให้เขาจะเป็นอะไรไปขอเพียงประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขใครจะขึ้นครองราชย์ก็เหมือนกันมิใช่หรือ?”รัชทายาทก็เอ่ยยิ้มเยาะตัวเองใครก็รู้ว่าการเป็นรัชทายาทอย่างเขานั้นไม่ง่ายเขาร่างกายอ่อนแอโรคภัยรุมเร้ามาตั้งแต่เด็กแคว้นโม่ฉีตั้งแต่ในอดีตยึดถือความสามารถท่านพ่อไม่คิดที่จะแต่งตั้งรัชทายาทเร็วนักเพียงแต่ตระกูลขอร้องก็เลยฝืนใจแต่งตั้งข้าขึ้นมาเป็นรัชทายาทที่มีเพียงแต่ยศศักดิ์เท่านั้น หลังจากตัวเขาหายป่วยท่านพ่อถึงจะอนุญาตให้เขาเข้าร่วมงานราชการมิฉะนั้นแล้วแม้แต่ห้องทรงพระอักษรเขาก็เข้ามิได้ เจ้า้มขาวหมดจรดของเย่ฮองเฮาชั่วพริบตาเดียวนางก็โมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว“ซิวเออร์ข้าคิดว่าไม่ทำก็ไม่ต้องทำเช่นนั้นหรือ?เจ้ารู้หรือว่าการที่ทำให้เจ้าขึ้นเป็นรัชทายาทได้นั้นแม่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเท่าใด?”แม่ทำเพื่อสักวันหนึ่งลูกสามารถขึ้นครองราชย์ปกครองใต้หล้าเจ้าพูดแบบนี้จะทำให้แม่เจ้าโมโหตายรู้บ้างไหม? เย่ฮองเฮาเพราะเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้บนศีรษะที่ประดับด้วยเครื่องหยกจนหนักอึ้งโอนเอียงไปอีกด้านหนึ่งไทจื่อเห็นสีหน้าของนางไม่ชัดแต่เขารู้ว่านางนั้นโมโหมาก“ท่านแม่ลูกทราบดีว่าลูกไม่ควรทำลายความคาดหวังของท่านเพียงแต่ถ้าน้องสี่มีความสามารถขึ้นมาจริงแล้วพวกเราจะทำอย่างไรได้?”รัชทายาทเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงแบกมือออกอย่างจนใจดูจากสถานวันนี้ก็รู้ว่าท่านพ่อชื่นชมในตัวโม่ฉีหมิงมากใช่ว่าพี่สี่นั้นจะไม่มีโอกาสซะทีเดียวมือสองข้างของเย่ฮองเฮาจับที่มุมโต๊ะแน่นสายตาเย็นชาคู่นั้นเบิกกว้างพูดอย่างโกรธแค้นว่า“ถ้าหมิงอ๋องคิดที่จะแย่งราชบัลลังก์กับเจ้าถึงแม้แม่ต้องใช้ชีวิตแลกก็จะไม่ให้มันขึ้นครองราชย์ได้เด็ดขาด!บัลลังก์จะต้องเป็นของเจ้าเท่านั้น” เมื่อได้ฟังที่เย่ฮองเฮาพูดประโยคนั้นใจของรัชทายาทก็ตกลงมาอย่างแรงตัวเขานั้นไม่สนใจทั้งบังลังก์และอำนาจเขาสนใจแค่คนถ้าวันหนึ่งให้ตัวเขาเลือกระหว่างแคว้นกับหญิงงามแน่นอนว่าเขาจะต้องเลือกหญิงงามขอเพียงแค่มีหญิงงามโลกทั้งใบก็จะเป็นของเขาเพียงผู้เดียวหลัวหยิ่นหลานข้าจะต้องได้นาง! “ท่านแม่ช่วงนี้น้องสี่เป็นที่สนใจของชาวบ้านยิ่งนักก็ตั้งแต่ที่มันสามารถโค่นล้มแม่ทัพต้วนลงได้ท่านพ่อก็ไว้เนื่อเชื่อใจในตัวมันมากขึ้นข้ากลัวว่ามันจะหาทางซื้อใจขุนนางในราชสำนักสะสมอำนาจ"รัชทายาทคาดเดาอย่างสงบนิ่งคาดเดาถึงเรื่องที่โม่ฉีหมิงวางแผนที่จะทำเพื่อตั้งรับการโจมตีเย่ฮองเฮาครุ่นคิดในใจสักครู่ช่วงเวลานั้นก็ไม่มีกฎมีเกณฑ์ใดๆ“แม่จะต้องคิดแผนรับมือสรุปแล้วแม่จะไม่ยอมให้หมิงอ๋องผู้พิกลพิการคนนั้นแย่งของทุกอย่างที่เป็นของลูก”ฮองเฮาเอ่ยด้วยความมั่นอกมั่นใจ ทั้งสองคนคงลืมไปแล้วหมดสิ้นแล้วว่าก่อนหน้านั้นไม่นานพวกเขาพึ่งร่วมมือกันผ่านไปไม่นานก็เริ่มวางแผนฆ่าคนซะแล้ว ระหว่างทางกลับจวนโม่ฉีหมิงไม่ได้ขบคิดเรื่องอันใดตลอดเวลาที่อยู่บนรถม้ามีแต่หลับตาเพื่อพักสายตาเท่านั้นเนื่องจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางบวกกับใช้สมองมากเกินไปความรู้สึกอ่อนเพลียจากสมองลามมาถึงทั่วร่างกายทันใดนั้นก็มีเสียงดัง“เพ้ง”ฟังขึ้นข้างหูของเขาดูเหมือนว่ารถม้าจะถูกชนเข้าแล้วปกติในฤดูหนาวรถม้าจะวิ่งช้าอีกทั้งด้านล่างของล้อรถยังมัดด้วยเชือกป่านเส้นหนาป้องกันการไหลลื่นบนพื้นหิมะนอกซะจากว่ามีอะไรผิดพลาด “ฉินหยิ่นเกิดอะไรขึ้น?”โม่ฉีหมิงลืมดวงตาเรียวยาวขึ้นสายตากำลังฉายชัดถึงความอันตราย ฉินหยิ่นมองไปที่ผู้คนมากมายที่อยู่ตรงหน้าขมวดคิ้วรายงานว่า“ท่านอ๋องข้างนอกผู้คนช่างมากมายนักช่างแน่นขมัดไปหมดรถม้าไม่สามารถผ่านไปได้พะยะคะ” ตอนนี้ก็มิใช่เวลาเที่ยงตรงที่จะมีชาวบ้านออกมาค้าขายเป็นไปมิได้ที่ผู้คนบนข้างถนนจะทำให้รถติดแบบนี้ได้ถึงแม้ว่ารถม้าข้างหน้าเกิดเรื่องอันใดขึ้นก็รู้ว่าควรที่จะหลีกทางไม่มีทางที่จะกีดขวางจนทำให้รถติดเช่นนี้ “ฉินหยิ่นเจ้าไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น”โม่ฉีหมิงเอ่ยน้ำเสียงเย็นเหยียบ ฉินหยิ่นเมื่อได้รับคำสั่งก็ตอบรับและวิ่งไปดูเหตุการณ์ทันทีใช้มือแหวกผู้คนมากมายเดินผ่านไปในที่สุดก็เดินมาถึงถนนข้างหน้าสุดก็เห็นรถม้าที่หรูหราคันหนึ่งเข้ามาในม่านสายตาข้างนอกทั้งหมดเป็นผ้าไหมโปร่งแสงเมื่อมองไปทำให้เห็นเงารางๆคาดไม่ถึงว่าข้างในนั้นคือเย่กั๋งกง รถม้าคันนั้นรอบด้านถูกห้อมล้อมโดยชาวบ้านในมือองครักษ์กำลังกำดาบที่ยังไม่ได้ถึงออกจากฝักขวางทางพวกเขาไว้ล้อมรอบเป็นวงกลมสาวรับใช้สองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างของเย่กั๋วกงได้หยิบแผ่นทองแดงผสมเศษเงินออกมาจากถุงหอมอย่างต่อเนื่องและขว้างไปชาวบ้านที่อยู่บริเวณโดยรอบเมื่อโยนออกอีกก็ก่อให้เกิดจากแย่งชิงขึ้นทันทีช่างก่อให้เกิดความวุ่นวานนักฉินหยิ่นมองดูด้วยสายตาเย็นชาชั่วครู่ก็รีบร้อนวิ่งกลับรถม้ารายงานสถานการณ์เจ้า่โม่ฉีหมิงเมื่อโม่ฉีหมิงฟังจบก็ยิ้มเออกมาอย่างเย็นชา โม่ฉีหมิงฟังจบก็ยิ้มเย็นร้อนรนทนไม่ไหวจนต้องแจกเงินมงคลบนท้องถนนแท้จริงแล้วเป็นผู้ลงมือก่อนเพื่อให้งานแต่งงานครั้งนี้ดำเนินการอย่างราบลื่นหรือว่าเพื่อโอ้อวดถึงความรุ่งโรจน์ของตระกูลเย่แสดงให้พวกชาวบ้านเห็นว่าตระกูลเย่นั้นได้อำนาจ “ฉินหยิ่นยังมีทางอื่นที่สามารถกลับจวนได้ไหม?”โม่ฉีหมิงปิดม่านหน้าต่างลงเอ่ยถามด้วยท่าทางเอ้อระเหยฉินหยิ่นพยักหน้าตอบรับ“มีนั้นมีอยู๋เพียงแต่ถนนเส้นนี้คือถนนสายหลักค่อยข้างกว้างขวางเดินทางสบายเส้นอื่นนอกจากนั้นไม่เพียงแต่แคบยังเดินทางไม่สะดวก” ในเมื่อมีคนต้องการสร้างเรื่องโอ้อวดข้าก็ไม่จำเป็นต้องไปขัดขวางความสำเร็จของผู้อื่นเพียงแต่เห็นใจชาวบ้านข้างนอกช่วงเวลาที่หิมะทั่วฟ้าอย่างนี้ยังจะต้องลำบากลำบนออกมาแย่งเงินกันพึ่งจะนั่งนิ่งข้างนอกประตูรถก็ได้ยินเสียงของผู้ชายลอยเข้ามา“คนที่นั่งอยู่บนรถม้าก็ออกมารับของขวัญเถอะมารับโชคจากตระกูลเย่” ผู้ชายคนนั้นก็คือพ่อบ้านตระกูลเย่ที่ตามเย่กั๋งกงออกมาแจกเงินสองเหรียญด้วยกันข้างหลังของเขาก็คือเกี๊ยวของเย่กั๊วกงนั้นเองคิดไม่ถึงว่าแปบเดียวก็เดินจนมาถึงตรงนี้แล้ว สีหน้าของฉินหยิ่นเริ่มดูไม่ดีเอ่ยน้ำเสียงที่เย็นเหยียบดุจน้ำค้างว่า“ไม่ต้องพวกเจ้าไปแจกที่อื่นเถอะ!”พ่อบ้านคนนั้นเป่าหนวดเบิกตามองไปที่ท่าทางอวดดีไม่มีมารยาทของฉินหยิ่นถ้าเป็นคนปกติธรรมดาเห็นว่ามีคนมาแจกเงินมงคลจะต้องตอบรับอย่างแน่นอนตัวเขาพึ่งจะเคยเห็นคนที่ไม่ต้องการรับเงินมงคลเป็นครั้งแรกน้ำเสียงของเขาก็ช่างอวดดีเหลือเกิน เกี๊ยวข้างหน้านี้ก็มิได้งดงามขนาดก็ธรรมดามองก็สะดุดตาถ้าพ่อบ้านคนนั้นมองให้ละเอียดสักหน่อยก็จะพบว่าเกี๊ยวอันนั้นแท้จริงแล้วเป็นงานละเอียดไม้ที่ใช้ก็ล้วนแต่เป็นไม้ชั้นดี “อย่าให้ต้องเตื่อนหรือบังคับกันเลยเย่กั๋วกงมาแจกเงินมงคลไม่ว่ายังไงก็ออกมารับเงินซะ!” 
已经是最新一章了
加载中