ตอนที่131 การแสดงบนลานน้ำแข็ง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่131 การแสดงบนลานน้ำแข็ง
ต๭นที่131 การแสดงบนลานน้ำแข็ง จะมีการเฉลิมฉลองแบบนี้ในทุกฤดูหนาว การเต้นรำพวกนี้พวกเขาก็ดูกันมานักต่อนักแล้ว ไม่ได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจอะไร แต่ในมุมมองของโล่หวินหลาน นี่มันเป็นการเต้นรำของเหล่าเทพเทวดานางฟ้าชัดๆ เมือก่อนเคยแต่ดูการเต้นรำพวกนี้ผ่านทางโทรทัศน์ แต่วันนี้ได้ชมกับตาตัวเอง รู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กๆด้วยซ้ำไป “ชอบมากเหรอ?” โม่ฉีหมิงหันมาถาม โล่หวินหลานพยักหน้าอย่างไม่ได้คิดอะไร โม่ฉีหมิงกระซิบที่ข้างหูเจ้า “ถ้าเจ้าชอบ ข้าจะให้สาวใช้ในเรือนไปเรียน แล้วมาเต้นให้เจ้าดูทุกวัน” โล่หวินหลานที่ขมวดคิ้วตั้งใจดูอยู่นั้น ส่ายหัวอย่างแรง “ไม่ต้องไม่ต้อง มันวุ่นวายหนาะ!” แต่น้ำเสียงของโม่ฉีหมิงนั้นไม่ได้เป็นการถาม ขอแค่โล่หวินหลานชอบ เค้าก็จะไปจัดมาให้โดยไม่มีข้อแม้ นั่งติดกับพวกเขานั้นเป็นเวินอ๋อง ท่าทางเขาดูตั้งใจชมการเต้นรำนั้นมาก แต่ที่จริงเขาตั้งใจฟังที่โม่ฉีหมิงคุยกับโล่หวินหลานอยู่ตลอด กำแก้วเหล้าในมือแน่น จนแทบจะแตกคามือ “องค์ชาย ขออีกซักเพลงเถอะ!” เวินอ๋องดึงสติกลับมาคืนมา ตบมือเรียกคนใช้ขึ้นมา แต่องค์ชายกลับโบกมือ “ข้าขอไปแล้ว ให้คนอื่นขอบ้าง” เวินอ๋องมองคนที่อยู่รอบๆ อยากจะเอาสมุดรายชื่อให้โล่หวินหลาน แต่เย่เซียวหลัวยืนขึ้นมาแล้ว ใส่ชุดผ้าฝ้ายทอสีขาวสะอาดตา เจ้าพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ “ขอการเต้นรำอะไรกัน ให้ฉันเต้นให้ทุกคนดูดีกว่า!” เย่อวิ๋นกว่างกลัวว่าเจ้าจะก่อเรื่อง จึงดึงชายเสื้อเจ้า แล้วเตือนด้วยน้ำเสียงโมโห “น้องสาม จะทำอะไรหน่ะ? รีบนั่งลง” เย่เซียวหลัวปัดมือเขาออกอย่างไม่พอใจ แล้วดึงชุดตัวเองออกจากมือเขา ขมวดคิ้วโก่งงามนั้น มองไปยังองค์ชาย “องค์ชาย ได้หรือไม่เจ้าคะ?” ในเมื่อถามแบบนี้แล้ว องค์ชายไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน เย่เซียวหลัวยืนขึ้น จังหวะที่เจ้าเดินผ่านเวินอ๋อง เจ้าใช้ข้อศอกกระแทกที่หลังเขาเบาๆ เวินอ๋องเบี่ยงตัวออกราวกับถูกเชื้อโรค ในใจของเจ้าเย็นเฉียบ แต่นัยน์ตายังคงแสดงออกเหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกแย่เพราะเรื่องนี้ ตอนที่เดินผ่านโล่หวินหลาน ดวงตาและคมคิ้วที่สวยงามนั้นจ้องโล่หวินหลานด้วยความชิงชัง แล้วเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ด้านหลัง ผู้คนบนลานน้ำแข็งเมื่อรู้ว่า เย่เซียวหลัวจะโชว์การเต้นรำด้วยตัวเอง จึงค่อยๆถอยลงด้วยความรู้ตัว คนใช้ด้านหลังเวินอ๋องรินเหล้าให้เขา เขายกขึ้นหันไปทางโล่หวินหลานเพื่อนเป็นการดื่มให้เกียรติเจ้า “มเหสีของหมิงอ๋อง หิมะตกหนักขนาดนี้ ดื่มให้ร่างกายอบอุ่นเสียหน่อย” โล่หวินหลานมองแก้วที่อยู่ข้างๆ กลิ่นหวานของเหล้าลอยขึ้นมาคละคลุ้ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าไม่กล้าปฏิเสธ เพื่อที่จะไม่ตกเป็นขี้ปากของใคร ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมด ความร้อนของเหล้านั้นไหลลงสู่คอ ระอุไปถึงในกระเพาะ เจ้ากุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้ กดความทรมานจากความร้อนนั้น โม่ฉีหมิงที่อยู่ข้างๆจ้องใบหน้าอันแดงก่ำของเจ้าเขม็ง โล่หวินหลานสัมผัสได้ถึงสายตาดุดันจากด้านข้าง จึงวางแก้วเหล้าลง แล้วเอื้อมไปกุมมือของเขาแน่น “ที่ท่านเวินอ๋องเชิญทุกคนมาสเก็ตน้ำแข็งกันในวันนี้ ก็คงเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองงานอภิเษกขององค์ชายกับคุณที่สามของตระกูลเย่ในวันพรุ่งนี้ใช่ไหม!” โล่หวินหลานพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดแรง ท่าทางของเจ้าเช่นนี้ ทำให้เวินอ๋องอึ้งไป หน้าของเขาแดงขึ้น ชุดขี่ม้าสีฟ้ามหาสมุทร เมื่อใส่บนตัวเจ้าแล้ว ราวกับนางฟ้าที่สง่างาม ท่าทีหัวเราะร่าแบบนั้น ทำให้ใจของเขาเต้นแรง ราวกับรอบๆตัวของเจ้านั้นดึงดูดเวินอ๋องเอาไว้ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ดวงตาทั้งคู่เอาแต่จ้องมองไปที่เจ้า จากนั้นจึงพยักหน้า “ข้าไม่ได้ฉลองเพื่อเพราะงานอภิเษกขององค์ชายกับคุณหนู่ที่สามตระกูลเย่เท่านั้น แต่ยังเพื่อ...ให้เหล่าพวกเรานั้นสนิทสนมกันมากขึ้นอีกด้วย” เวินอ๋องกลับคำพูด รีบเปลี่ยนจากคำว่า “พบเจ้า” กลายเป็นประโยคเสแสร้งเหล่านั้น โม่ฉีหมิงคว้าแขนเจ้าเอาไว้แน่น สีหน้าราวกับน้ำแข็งพันปีที่ไม่มีวันละลาย “เจ้าไม่ค่อยสบายหน่ะ ฉันพาเจ้าไปล้างหน้าเสียหน่อย” เจ้ารู้ว่าเขาโกรธแล้ว แต่เจ้าก็ต้องทำเช่นนี้อย่างช่วยไม่ได้ “ปล่อยนะ! ฉันไม่ได้เป็นอะไร!” บนใบหน้าของโล่หวินหลานแสดงความโกรธอยู่นิดๆ โม่ฉีหมิงอึ้งไปกับคำพูดของเจ้าอยู่นาน สีหน้ายังคงไร้อารมณ์ และมือก็ยังจับไว้ดังเดิม พอดีเป็นจังหวะที่ในงานจุดพลุขึ้น เย่เซียวหลัวที่ต้องขึ้นแสดงบนลานนั้น แต่งมาในชุดร่ายรำตัวยาวสีแดงสด ด้านหลังเป็นผ้ายาวลากพื้นนั้น แดงสดราวกับดอกเหมยแดงกำลังบานสะพรั่ง เมื่อมองไปจากไกลๆ รูปร่างที่งดงาม และท่าทีที่อ่อนโยนของเจ้านั้น ราวกับต้นหลิวที่กำลังพลิ้วไหว ในจังหวะนั้น รูปร่างอันงดงามของเจ้าสวยงามราวกับนกนางแอ่นที่กำลังโบยบิน แต่ว่า โล่หวินหลานยังคงเทเหล้าดื่มฉลองให้กับเวินอ๋อง พูดด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “เวินอ๋อง คุณหนูสามตระกูลเย่นี่เต้นรำใช้ได้เลยจริงๆ” โม่ฉีหมิงที่ถูกเจ้าสะบัดมือทิ้ง เต็มไปด้วยความโทสะ ถึงแม้จะรู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไร แต่ว่า... มือทั้งสองยังกำผ้าคลุมโต๊ะแน่น สามตาจ้องไปที่ด้านหน้า ไม่พูดไม่จา เวินอ๋องไม่รู้ว่าโล่หวินหลานกำลังคิดอะไรอยู่ แต่การที่ได้คุยกับเจ้าย่างใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้ เป็นความใฝ่ฝันของเขา ถึงแม้จะบอกว่าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไร แต่ว่าได้เห็นท่าทางซึมๆของโม่ฉีหมิง เขาก็พอใจแล้ว “ใช่สิ ว่าแต่มเหสีของหมิงอ๋องสเก็ตน้ำแข็งไม่เป็นเหรอ? ต้องการให้ข้าช่วยไหม?” เวินอ๋องถามอย่างขำๆ สีหน้าของโล่หวินหลานอึ้งไปชั่วครู่ สายตาด้านหลังของเจ้ายิ่งดุดันขึ้น จนเจ้ารู้สึกชาวาบที่ด้นหลัง แต่ว่ายังคงตอบ “ดีเลย แต่ว่าสเก็ตน้ำแข็งไม่ได้เรียนเป็นง่ายๆ พวกเราค่อยๆเป็นค่อยๆไปดีกว่า” บรรยากาศที่ครึกครื้นบนงานเลี้ยง เย่เซียวหลัวที่เต้นอยู่บนลานน้ำแข็งมองมาทางเวินอ๋อง ที่เจ้าเต้นรำนี่ไม่ใช่เพื่อให้คนอื่นชม แต่เพื่อเวินอ๋อง แต่เขากลับคุยอย่างสนุกสนานกับโล่หวินหลานอยู่ตลอด ไม่มองมาทางเจ้าแม้แต่ครั้งเดียว โล่หวินหลานตั้งใจนั่งเขยิบไปทางเวินอ๋อง แล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาชน ท่าทางสนิทสนมของทั้งสองนั้นอยู่ในสายตาของทุกคน สีหน้าขององคืชายก็ไม่สู้ดีนัก กำลังจะพูดขึ้นมา บนลานน้ำแข็งก็มีเสียงดังขึ้น เสียงของอะไรบางอย่างหกล้ม ดังเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจน โล่หวินหลานตกใจจนวางแก้วเหล้าลง หันไปมองเย่เซียวหลัวที่อยู่บนลาน เจ้าหกล้มอยู่บนพื้นน้ำแข็ง พร้อมกับแสดงท่าทีล้มอยู่บนพื้นอย่างเกินจริง รองเท้าสเก็ตหลุดออกมาข้างหนึ่ง ผู้คนรอบๆส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ เสียงดนตรีก็หยุดลง เหล่าสาวใช้ที่ร่วมเต้นรำกับเย่เซียวหลัวต่างเข้ามาช่วยพยุงตัวเจ้าขึ้นมา “นี่เป็นผลลัพธ์ที่เจ้าต้องการหรอ?” เวินอ๋องเก็บรอยยิ้มบนหน้า แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จนมาถึงวินาทีนี้ เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าโล่หวินหลานตั้งใจกระทำเช่นนี้ เพื่อที่จะยั่วเย่เซียวหลัว โล่หวินหลานส่ายหน้า “ไม่ใช่นะ” บนใบหน้าของเจ้าเผยรอยยิ้มปริศนาขึ้นมา นั่งยืดหลังตรง แล้วหันไปยิ้มให้โม่ฉีหมิงที่อยู่ข้างๆ ทันใดนั้น ด้านล่างเวทีมีของบางอย่างลอยพุ่งมาทางเจ้าด้วยความรวดเร็ว มองจากหางตาก็รับรู้ได้ว่ามันมุ่งมาทางโล่หวินหลาน ผู้คนตกตะลึง ในวินาทีฉิวเฉียดนั้น มีเสียง “ปึงปัง” ดังขึ้น รองเท้าเหล็กคู่นั้นตกลงบนพื้น โม่ฉีหมิงกำดาบยาวในมือแน่น สกัดรองเท้าข้างนั้นไว้ด้วยสำหน้าเคร่งขรึม สายตาที่เย็นชานั้นมองเย่เซียวหลัวที่อยู่บนลานน้ำแข็ง พยายามระงับอารมณ์โกรธ “ไม่เป็นไรใช่ไหม?” โล่หวินหลานส่ายหัวตอบด้วยสีหน้าเช่นเดิม “ไม่เป็นไร” มองดูรองเท้าเหล็กที่อยู่บนพื้น โล่หวินหลานมองไปทางเวินอ๋องแล้วยิ้มเย้ย กระซิบข้างหูเขา “เวินอ๋อง ท่านว่านี่ตั้งใจจะทำร้านท่าน? หรือทำร้ายข้ากันแน่?” มือทั้งคู่ของเวินอ๋องที่อยู่ใต้ชุดนั้น กุมเข้ากันไว้แน่นอย่างไม่รู้สึกตัว ถ้าหากไม่ใช่เพราะโม่ฉีหมิงนั้นรวดเร็ว เจ้าก็คงจะ... เขาหลับตาลงอย่างไม่อยากจะคิด “แน่นอนว่าต้อง เป็นเพราะไม่ได้ระวัง... องค์ชาย คุณหนูสามหกล้ม พวกเรารีบเชิญหมอมาตรวจดูดีกว่า มิเช่นนั้นคงยากที่จะบอกกับเย่กั๋วกง” เวินอ๋องมองไปทางองค์ชาย องค์ชายปรับสีหน้า มีดที่เขากำลังชักออกมาจากฝักที่อยู่ใตโต๊ะ ก็ถูกเก็บเข้าไป ผ่อนคลายร่างกาย แล้วมองโล่หวินหลานด้วยสีหน้าราบเรียบ “มเหสีแห่งหมิงอ๋อง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” โล่หวินหลานจับมือโม่ฉีหมิงแล้วลุกขึ้นมา คนที่อยู่ข้างๆนั้นกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว แม้แต่จะพูดออกมายังไม่รู้จะพูดอะไร “องค์ชาย ข้าขอพาหวินหลานกลับก่อน วันนี้พวกเราเล่นกันสนุกมากพอแล้ว” เมื่อพูดจบ ไม่รอให้องค์ชายตอบ เขาก็พาโล่หวินหลานออกไปเสียแล้ว ผู้คนคิดว่าโม่ฉีหมิงโกรธเย่เซียวหลัว แต่ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริง รอจนพวกเขากลับไปจนหมด พวกเขาก็รีบไปยกเย่เซียวหลัวที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ม่ามางย่ำแย่ของเจ้า กลับให้อีกความรู้สึกหนึ่งในสายตาผู้อื่น เมื่อเย่อวิ๋นกว่างเห้นน้องสาวในตระกูลหกล้ม จึงรีบปรี่ตัวเข้าไปด้วยสงสาร “น้องสาม เจ้าทำยังไงให้เป็นแบบนี้กันเนี่ย?” เย่อวิ๋นกว่างทั้งสงสารทั้งทาที่ตัวเองดูแลเจ้าไม่ดีพอ เย่เซียวหลัวจ้องเวินอ๋องที่ไม่สนเจ้าแม้แต่น้อย เมื่อเปลหามผ่านหน้าเขา เจ้าก็ร้องขึ้นมา “เวิน เวินอ๋อง เป็นเพราะท่าน ดึงสมาธิจากข้าไป มิเช่นนั้นข้าคงเต้นรำจนจบ ทำไมท่านต้องเอาคุกกี้ดอกท้อวางไว้ตรงกลางด้วย?” เย่เซียวหลัวมองไปที่คุกกี้ดอกท้อบนโต๊ะเขาอย่างไม่พอใจ ทั้งหมดนั้นก็เพื่อปิดบังสาเหตุที่แท้จริง เวินอ๋องขมวดคิ้วแล้วมองไปที่คุกกี้ดอกท้อที่อยู่บนโต๊ะ “คุณหนูเย่ที่สาม นี่มันเกี่ยวอะไรกับคุกกี้ดอกท้อหรือ?” เย่เซียวหลัวเม้มปากแน่น “คุกกี้ดอกท้อเป็นของที่ข้าชอบกินมากที่สุด ที่จริงข้าเต้นจนหิว ท่านก็ให้ข้าไม่หยุด ท่านต้องชดเชยแก่ข้า โดยการส่งข้ากลับเรือน แล้วหาหมอมาให้ข้า!” คำโกหกของเจ้านั้นเยี่ยมไปเลย องค์ชายมองไปรอบๆด้วยสายตาเย็นชา เขารู้เรื่องระหว่างเจ้าและเวินอ๋องดี แต่ไม่ได้เปิดเผย เรื่องนี้ระหว่างพวกเขาสามคนนั้น ไม่ใช่ความลับอะไร แต่สำหรับคนอื่นนั้น มันคือความลับ เวินอ๋องถกแขนเสื้อขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาอบอุ่นนั้นก็สงบลง “ในเมื่อคุกกี้ดอกท้อของข้า ทำให้เจ้าหกล้ม งั้นก็ให้คุกกี้ดอกท้อส่งเจ้ากลับเรือน หาหมอในเจ้าไม่ดีกว่าเหรอ? ข้ายุ่งอยู่” “ท่าน ท่าน! เวินอ๋อง ถ้าท่านไม่ส่งข้ากลับไป ข้าก็จะฟ้องฮ่องเต้ว่าท่านรังแกข้า!” เย่เซียวหลัวลุกขึ้นมานั่ง น้ำตานองหน้าพลางพูดกดดันเวินอ๋อง 
已经是最新一章了
加载中