ตอนที่137 สาลี่ลอยแก้ว
1/
ตอนที่137 สาลี่ลอยแก้ว
ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก
(
)
已经是第一章了
ตอนที่137 สาลี่ลอยแก้ว
ตนที่137 สาลี่ลอยแก้ว โล่หวินหลานดูอย่างคร่าวๆ อาหารทะเล เนื้อหมู เป็ด ไก่รวมถึงพวกผักต่างๆเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ว่างไว้บนโต๊ะต่างๆ ไม่ให้กลิ่นของพวกมันปะทะกัน และหยิบวางอย่างสะดวก “ชายาคะ หาอะไรเหรอคะ? ให้ฉันช่วยหา” เย่อวิ๋นเห็นโล่หวินหลานพลิกไปมา บนล่างหาของที่ตัวเองต้องการไม่เจอ จึงถามขึ้น “ก็ได้ ช่วยฉันหาสาลี่ สาลี่ เปลือกส้ม และลูกเดือยหน่อย ที่นี่มีน้ำตาลกี่ชนิด? มีสาลี่ลอยแก้วไหม?” ในหัวของโล่หวินหลานกำลังคิดถึงสูตรสาลี่ลอยแก้ว แล้วพูดออกมา ท่าทางของเย่อวิ๋นราวกับคุ้นเคยดับห้องครัวมาก เปิดตู้หาเพียงแปบเดียวก็เจอสิ่งที่เจ้าต้องการ หยินของเหล่านั้นวางบนโต๊ะ แล้วจึงร้องขึ้นมา “ชายาคะ น้ำตาลบ๊วยคืออะไรคะ? สาลี่ลอยแก้วหรอกคะ? ที่นี่ไม่มี มีเพียงน้ำตาลธรรมดา” โล่หวินหลานนิ่งไป ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร สาลี่ลอยแก้วนี้เป็นของสมัยใหม่ ในยุคโบราณยังไม่มีการคิดค้นขึ้นมา แต่เจ้ายังบอกเย่อวิ๋นไปแบบคร่าวๆ “สาลี่ลอยแก้วคือน้ำสาลี่ที่ปั่นแล้ว ใช้แทนน้ำธรรมดา กวนผสมกับน้ำตาล ใช้เวลาประมาณ 7 วันจะตกผลึกออกมา แล้วก็กลายเป็นน้ำตาลกรวดสาลี่ โล่หวินหลานพูดมาตั้งยาว แต่เย่อวิ๋นเข้าใจเพียงนิดเดียว ในหัวนั้นเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม เจ้าเคยรู้แค่เพียงเรื่องร่ายรำกระบี่กระบอง เคยรู้เรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน แต่ถึงแม้ว่าจะไม่รู้เรื่อง แต่เจ้าก็พยักหน้า “ชายาคะ แล้วท่านมีสูตรสาลี่ลอยแก้วไหมคะ? เอาให้พ่อครัวในเรือนทำให้ก็ได้” เย่อวิ๋นกล่าว ถ้าสรรพคุณของมันดีขนาดนี้ ก็ทำออกมาเลยเสียดีกว่า แต่ใครจะรู้ โล่หวินหลานกลับส่ายหน้า “ทำไม่ได้หรอก ที่นี่ไม่มีส่วนผสม” ในขั้นตอนการทำสาลี่ลอยแก้วนั้น มักจะเกิดเป็ผลึกคริสตัลได้ช้าหรืออาจจะไม่เกิดด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงต้องใส่สารที่เป็นตัวช่วย แต่โล่หวินหลานไม่รู้ว่ามันคืออะไร “ทำไมคะ?” ยังมีของที่ชายาทำออกมาไม่ได้? โล่หวินหลานหัวเราะขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ทำไมถามเยอะจัง? ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้” เมื่อถูกพูดเช่นนี้ เย่อวิ๋นก็รู้สึกว่าตัวเองถามมากเกิน รีบเปลี่ยนจุดสนใจ มองของที่อยู่บนโต๊ะ บางอย่างนั้นช่างจัดการยากเสียจริง โล่หวินหลานหยิบสาลี่ขึ้นมาสองลูกส่งให้เจ้า พลางสั่ง “ใช้น้ำล้างสาลี่สองลูกนี้ให้สะอาด ปลอกเปลือก หั่นเป็นชิ้น เอาเม็ดออก ปลอกตรงก้นออก ทำให้เรียบร้อย” การใช้มีดเป็นสิ่งที่เย่อวิ๋นถนัดที่สุด อย่างน้อยเจ้าก็ถือดาบมานาน แค่สาลี่ทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก หลังจากที่ออกลวดลายในมือเรียบร้อย ก็เริ่มใช้มีดปลอกผลไม้ยาวๆนั้นลงมือ ในห้องครัวมีเพียงเสียงที่เย่อวิ๋นหันสาลี่ และเสียงฟืนเผา โล่หวินหลานโยนเปลือกส้มและลูกเดือยลงในน้ำเดือด เอารสขมออก น้ำที่เดือดอยู่นั้น รอเพียงของที่เสร็จเรียบร้อย แล้วจึงโยนเข้าหม้อไป ไม่นานนัก เย่อวิ๋นวางมีดในมือลง เอาของที่อยู่ในสาลี่ออกมาเรียบร้อย แล้วพูดอย่างภูมิใจ “พระชายาคะ เสร็จเรียบร้อยค่ะ สวยมากเลยใช่ไหมคะ?” มองดูเม็ดสีเหลืองอ่อนของสาลี่ และเนื้อสาลี่สีขาวๆนั้น รวมถึงใบหน้าที่แสนจะภาคภูมิใจของเย่อวิ๋น โล่หวินหลานจึงยิ้มแล้วพยักหน้า “หั่นได้ดีมาก พวกเราเอาไปตุ๋นกันได้แล้ว” เอาสาลี่ ลูกเดือย เปลือกส้ม แล้วก็น้ำตาลกรวดใส่ไปในน้ำพร้อมกัน แล้วปิดฝาหม้อเอาไว้ แล้วใช้ไฟขนาดกลางก่อน แล้วค่อยใช้ไฟอ่อนๆต้มเป็นเวลาธูปครึ่งดอก แล้วก็เอาขึ้นได้ เด็กรับใช้ที่อยู่นั่งรออยุ่ที่ระเบียงด้านนอก เด็กผู้ชายใส่หมวกสีน้ำเงินเข้มคนหนึ่ง มองเข้ามาในห้องครัวอย่างสงสัย “พวกแกว่า พระชายาท่านทำอะไรในห้องครัว? ท่านปรุงอาหารเป็นด้วยเหรอ?” แล้วเด็กผู้ชายท่ใส่หมวกสีน้ำเงินเข้มอีกมุมหนึ่งกพูดขึ้น “ยังไม่อะไรที่ไม่เป็นอีก แกคิดดูนะ พระชายานั้นฝีมือการแพทย์เก่งมา แล้วกับแค่เรื่องเข้าครัว ทำไมจะทำไม่ได้? ฉันว่าพวกเรากังวลมากไปหน่อย” “ก็จริง รอดูรอดู พระชายาต้องทำอาหารให้นายท่านแน่ๆ ไม่ว่าจะอร่อยหรือไม่ นายท่านก็จะกินหมดเกลี้ยง ไม่เหลือเลย” เด็กรับใช้ที่ช่วยงานในห้องครัวอีกคนก็หัวเราะขึ้น “แกรู้ได้ไง? จริงเหรอ?” แต่ละคนต่างถามขึ้นมา ประตูห้องครัวที่ถูกปิดสนิทอยู่นั้น ก็ถูกเปิดขึ้นกระทันหัน โล่หวินหลานเปิดเปิดประตูขึ้น ตามด้วยเย่อวิ๋นเดินถือถ้วยที่มีลวดลปราณีตตามออกมา ทั้งสองเดินท่ามกลางพื้นหิมะ มุ่งไปยังห้องหนังสือ ระหว่างทางผ่านทางเดินทอดยาว จนมาถึงห้องหนังสือ ทำให้ทั้งสองนั้นเนื้อตัวไม่เปียกเลยซักนิดเดียว โล่หวินหลานสูดลมหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าเคาะประตูห้องหนังสือ จนมีเสียงแหบซ่านจากในห้องเชิญเข้าไป จึงผลักประตูเข้าไป เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคย โม่ฉีหมิงจึงเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย พบเพียงโล่หวินหลานที่ใส่กระโปรงยาวสีขาวและเสื้อสำหรับฤดูหนาวปักลายดอกไม้ ด้านนอกคลุมด้วยผ้าคลุมกันหนาวสีเดียวกัน เดินย้อนแสงเข้ามา ในมือนั้นถือชามเข้ามาด้วย โม่ฉีหมิงรีบยืนขึ้นมา แต่เพียงครู่เดียวสีหน้าก็กลับเป็นเช่นเดิม “เจ้ามาได้อย่างไร?” โม่ฉีหมิงนั่งลงใหม่ ใช้สายตาเย็นชามองคนตรงหน้า โล่หวินหลานวางชามกระเบื้องลงบนตะของเขา แล้วเปิดฝาออก วางช้อนเล็กๆลงไปในถ้วย พลางพูด “นี่คือสาลี่ลอยแก้ว ฉันลงมือทำเอง รีบดื่มเถอะ” แววตาของโม่ฉีหมิงเป็นประกายขึ้นมา จ้องไปที่โล่หวินหลาน นี่เจ้าลงมือทำเองกับมือ...ควันอ่อนๆลอยขึ้นมาจากซุปสีขาว กลิ่นเหมือนขนมหวานสี่สหายที่นอกแม่ของเขาเคยทำให้กินแล้ว ก็ไม่มีใครทำให้เขากินอีกเลย “ทำไมเหรอ?” ในใจของโม่ฉีหมิงอุ่นวาบอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี “ฉันรู้มาว่าช่วงนี้เจ้าไอบ่อยๆ แล้วสาลี่ลอยแก้วระงับการไอได้ดีที่สุด” โล่หวินหลานกุมมือไว้ที่อก สายตามองกวาดไปรอบๆห้องหนังสือ รู้สึกแปลกๆ หลังจากที่เจ้าทะลุมิติมา เจ้าเพิ่งจะรู้สึกว่าการใช้ชีวิตมันช่างอันตรายและน่ากลัว น้ำลึกไปร้อน ไม่เคยมีใครใส่ใจเจ้าเท่านี้มาก่อน หรือถ้ามี โม่ฉีหมิงก็เป็นคนแรก สาลี่ และลูกเดือย เปลืกส้มที่ลอยอยู่ในถ้วยนั้น สีสันมองดูเหมือนขนมหวานสี่สหาย เขาหยิบช้องขึ้นมาชิมคำหนึ่ง รสชาติที่หอมหวานนั้นเข้าสู่ลำคอเขา ผ่านต่อมรับรส เขาขมวดคิ้วเบาๆ แต่มันรู้สึกดีขึ้นมาก สงครามเย็นระหว่างเขากับโล่หวินหลานในช่วงที่ผ่านมาพลันมลายหายไปทันที “หวินหลาน มานี่หน่อย” โม่ฉีหมิงกินเข้าไปสองคำ แล้ววางช้อนลง แล้วกระดิกนิ้วเรียกโล่หวินหลาน โล่หวินหลานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะก็ขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าที่งดงามเผยให้เห็นความสงสัย “เป็นยังไง? ไม่อร่อยเหรอ?” ไม่สิ เจ้าชิมแล้ว รสชาติก็ใช้ได้ เห็นว่าหน้าของโม่ฉีหมิงไม่ได้แสดงออกว่ามันไม่อร่อย จึงค่อยๆเดินไปตรงหน้าเขา ยังไม่ได้พูดอะไร ก็ถูกเขาคว้าเอวไป เจ้าหมุนหัวไปครั้งหนึ่ง แล้วก็ริมฝีปากก็ถูกดูดกลืนเข้าไป คนนั้นดูดปากเจ้าอย่างแรง รสหวานๆนั้นแทรกเข้ามาในปากของเจ้า นานมาก โม่ฉีหมิงก็ปล่อยเจ้าอก เจ้าเลียริมฝีปากตัวเอง ทั้งปากนั้นเต็มไปด้วยรสชาติของสาลี่ลอยแก้ว “นี่...” โล่หวินหลานชี้ไปทางเขา นิ้วชี้ยาวๆนั้นถูกมือเขาจับเอาไว้ เขาโอบเอวของเจ้าไว้แน่น ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมามองเจ้า แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงแหบซ่าน “รสชาติเป็นยังไงบ้าง?” โล่หวินหลานหน้าแดง “ก้ ก็อร่อยดี...” คำตอบนี้ทำให้โม่ฉีหมิงค่อนข้างพอใจ ยกมุมปากขึ้น ใบหน้าที่งดงามนั้นถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้วสวยๆ ทำให้เขายิ่งดูน่าหลงไหล โล่หวินหลานค่อนข้างหลง “งั้นพวกเรากินด้วยกันเถอะ ร่างกายของแนไม่เป็นไร ยิ่งปลายปี ลมหิมะยิ่งแรง ฉันควรจะเอายากันหนาวจากสวินโม่มาตุ๋นให้เจ้า เป็นฉันที่ละเลยไปแล้ว” เสียงแหบซ่านของโม่ฉีหมิงแฝงความรู้สึกผิด เป็นเขาที่ดูแลเจ้าไม่ดี “ไม่ต้อง เจ้าลืมแล้วเหรอ ฉันเป็นหมอนะ ดูแลตัวเองได้” โล่หวินหลานทุบหน้าอกตัวเอง แสดงท่าทีว่าตัวเองร่างกายแข็งแรง โม่ฉีหมิงมองตามมือของเจ้าไป โล่หวินหลานที่กำลังทุบหน้าอยู่นั้น เขาจ้องนานมาก จนเจ้ารู้สึกแปลกๆ จึงหยุดไป เขาเม้มปากแน่น แล้วหัวเราะเบาๆ “ยังจะอายอีก แค่ก้อนเนื้อสองก้อน อุ้มขึ้นมาก็เขินแย่ล่ะ แล้วโดนแค่ไม่กี่ทีก็ร้องขอชีวิต อย่างนี้ต้อง...” ยิ่งพูดถึงตอนท้าย หน้าของโล่หวินหลานยิ่งแดง เมื่อเห็นว่าโม่ฉีหมิงยิ่งพูดไปในเรื่อง18+ จึงรีบปิดปากเขา กระโดเหยงๆ “ไม่ให้พูดแล้ว ไม่ให้พูดแล้ว!” โม่ฉีหมิงเห็นหน้าแดงๆของเจ้า ก็รู้สึกมีอารมณ์ มือนั้นลูบไล้ไปตามด้านหลังเอว ส่ายหัวอย่างใสซื่อ เจ้าจึงปล่อยมือ แล้วโม่ฉีหมิงก็เข้าไปจูบเจ้า... ทันใดนั้น มีเสียง “ปัง” ดังขึ้นมา ไม่รู้ว่าใครเปิดประตูเข้ามาอย่างแรง ลมหิมะด้านนอกก็ปะทะเข้ามา และแรงขึ้นเรื่อยๆ และมีผู้ชายคนหนึ่งใส่ชุดสีม่วงยืนอยู่ที่หน้าประตู “หมิงอ๋อง ชายาหมิงอ๋อง? รีบไปช่วยคนกับข้าเถอะ น้องสาม เจ้า เจ้าถูกเอาไปไว้ในโลงแล้ว...” โล่หวินหลานรีบผลักโม่ฉีหมิงออก เจ้าเสยผมอย่างรู้สึกเขินๆ หน้าแดงจนก้มหน้าลง ในอ้อมกอดของโม่ฉีหมิงนั้นมีเพียงความว่างเปล่า จากความอบอุ่นนั้นกลายเป็นความหนาวเหน็บทันที เขากวาดตาไปมองเย่อวิ๋นกว่างที่อยู่ด้านล่าง เย่อวิ๋นกว่างรีบเงยหน้ามองโม่มู่ แล้วรีบกล่าว “หมิงอ๋อง รีบไปกับข้าเถอะ ถ้าไม่งั้นจะไม่ทันการแล้ว” โล่หวินหลานที่อยู่ข้างๆเดินต่อไปแล้ว จึงรีบถามขึ้น “เจ้ารีบบอกมาว่าสถานการณ์ที่เรือนเย่เป็นอย่างไรบ้าง?” ทั้งสองวันที่ผ่านมาพวกเขาไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเรือน เพราะเย่กั๋วกงปิดข่าวทั้งหมด แถมยังจัดทารเฝ้ายามอีก พวกเขาเข้าไปได้เพียงต้องรออีกสามวันก่อนจะฝัง
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่137 สาลี่ลอยแก้ว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A