ตอนที่138 พลุสัมผัสต้นหลิว
1/
ตอนที่138 พลุสัมผัสต้นหลิว
ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก
(
)
已经是第一章了
ตอนที่138 พลุสัมผัสต้นหลิว
ตนที่138 พลุสัมผัสต้นหลิว เหตุการณ์ตระกูลเย่ตอนนี้เลวร้ายมาก เพราะเย่เซียวหลัวนั้นฆ่าตัวตายในงานแต่งตัวเอง และคู่สมรสยังเป็นถึงองค์ชาย และหลังจากที่ฮ่องเต้เจียเฉิงส่งคนไปประกาศว่าจะมอบพิธีอภิเษกนี้ให้กับเวินอ๋อง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเจ้าได้ฆ่าตัวตายในห้องแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเย่กั๋วกงนั้นปิดข่าวไว้ เกรงว่าป่านนี้ข่าวคงแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองแล้ว ตอนนี้ ว่าทำไมผู้ที่มาทำพิธีสู่ขอนั้นกลับกันแล้ว และยังไม่เห็นว่าเจ้าสาวนั้นออกมา เย่อวิ๋นกว่างพยายามสงบสติอารมณ์ ค่อยๆพูดออกมาทีละคำ “หลังจากที่พบว่าน้องสามฆ่าตัวตาย ฮ่องเต้ก็ได้ส่งหมอหลวงมารักษาสิบท่าน และทุกคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องสามตายไปแล้ว ข้าบอกว่าน้องสามยังมีทางรักษาได้ แต่กลับถูกท่านพ่อส่งมาอยู่ในห้องฟืนนี้ พวกเจ้ารีบๆไปช่วยน้องสามที ถ้าไม่งั้นจะไม่ทันการแล้ว” โล่หวินหลานโบกมือให้เขา “คุณชายเย่ที่สอง อย่าเพิ่วรีบไป ยังมีเวลาอีกวัน พวกเราจะหาวิธี” พูดจบ โล่หวินหลานมองปฏิกิริยาของโม่ฉีหมิงที่อยู่ด้านหลัง สีหน้าของเขายังคงนิ่งเฉย แววตาเฉียบคมที่แสนเย็นชาของเขายังคงจ้องอยู่ที่แก้วชา และในมือยังคงคนช้อนไปเรื่อยๆ วินาทีที่เย่อวิ๋นกว่างเกือบจะทนไม่ได้นั้น เขาก็เริ่มที่จะพูดขึ้น “ตั้งแต่ที่นายเข้ามาเอายานั้น เจ้าก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มียาแก้ยาแกล้งตายนั้น จะใช้หรือไม่ใช้ก็เป็นเรื่องของพวกนาย แล้วตอนนี้ นายจะให้ฉันไปช่วยชีวิตคน นาย มีอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะ?” โม่ฉีหมิงกระตุกยิ้มที่พราวเสน่ห์ของเขาออกมา แต่คำพูดนั้นช่างเย็นชาเหลือเกิน ใช้อะไรแลกเปลี่ยน? ตอนที่ต้องการยานั้นใจร้อน ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องยาถอนพิษ จนผ่านมาแล้วสามวันครึ่ง ถ้าหากยังไม่ช่วยเย่อวิ๋นเซียวนั้น เกรงว่ามันจะยิ่งอันตราย เย่อวิ๋นกว่างขมวดคิ้วแน่น ทั้งสองมือผสานกันแน่นวางอยู่บนตัก ฟันทั้งสองแถวนั้นกระทบกันอยู่ คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้นี่เป็นปีศาจชัดๆ เขาจะเอาอะไรไปแลกเปลี่ยนได้? “แค่ให้ท่านช่วยน้องสามกลับมา ท่านอยากได้อะไรข้าให้หมดเลย” เย่อวิ๋นกว่าพูดออกไป ขอเพียงให้เย่เซียวอวิ๋นตื่นขึ้นมา เขาขออะไร ก็จะตกลง อย่างมากก็แค่หนีหนี้! ตาตี่ของโม่ฉีหมิงนั้น ก็มีประกายเย็นชาขึ้นมาดังเดิม ราวกับมีดาบคมอยู่ที่ตัวเขา เย่อวิ๋นกว่างนั้นยอมรับว่ารู้สึกเกรงและกลัวต่อสายตาคู่นั้น จนยืดหลังตรง “ได้สิ สวินโม่ เข้ามา” สวินโม่ที่เฝ้าอยู่หน้าประตู เมื่อได้ยินเสียงของเขาเรียกจึงรีบเดินเข้ามา ยาแกล้งตายนี้เป็นยาที่สวินโม่คิดค้นขึ้นมา เพียงแค่ให้สวินโม่ได้รู้ว่ายานั้นเกิดผลจริง และยังเกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายคน เขาก็จะหาทางเค้นยานั้นออกมาได้ หลายคนนั่งรวมอยู่รอบโต๊ะโม่ฉีหมิง ปรึกษากันเสียงเบา “ตอนนี้ทุกคนคิดว่าน้องสามฆ่าตัวตาย พรุ่งนี้ก็จะนำเจ้าไปฝัง ถ้าพวกเราอยู่ไปบอกว่ารักษาได้ คนจะไม่สงสัยเหรอ? ดังนั้น พวกเราควรหาวิธี ให้ทุกคนคิดว่าเจ้าไม่ได้ตาย ยังมีลมหายใจอยู่ เป็นหมอหลวงที่ตรวจผิด” โม่ฉีหมิงวิเคราะห์ ในนั้นที่คนนั่งล้อมกับเป็นวง โม่ฉีหมิงใช้พู่กันจุ่มน้ำหมึกเบาๆ แล้วเขียนจุดหนึ่งจุดบนกระดาษ “ตรงนี้คือห้องหลัก หรือเป็นที่วางศพของคุณหนูสาม” โม่ฉีหมิงจุดเสร็จ ก็โยนพู่กัน แล้ววางมือใหญ่ๆนั้นลงบนโต๊ะ ตาตี่ๆนั้นมองไปที่คนตรงหน้า “เมื่อกินยาแกล้งตายแล้วจะไม่หายใจ แล้วจะทำลมหายใจปลอมออกมาอย่างไร แล้วยังต่อหน้าหลายๆคนอีก?” โล่หวินหลานวิเคราะห์ลึกเข้าไปอีก เพียงแต่ให้เรื่องราวเป็นขั้นลำดับ เจ้าก็จะหาวิธีมาได้ ทุกคนหันมองหน้ากัน เย่อวิ๋นกว่างขมวดคิ้ว แล้วใช้พู่กันวาดวงกลมลงไปตรงจุดนั้นต่อ พลางส่ายหัว “ไม่ใช่ต่อหน้าทุกคน แต่ทุกคืนหลังจากเที่ยงคืน ท่านพ่อกับพระจะไปพักผ่อน คนที่อยู่เฝ้ามีเพียงเหล่าคนใช้ ถ้าหากทำให้พวกเขาปลีกตัวออกมาตอนนั้นได้ ตรงนั้นก็จะไม่มีคน” โล่หวินหลานขมวดคิ้ว แล้วสายตาก็ทอประกายขึ้นมา พูดต่อ “เมื่อที่ทำพิธีไม่มีคนแล้ว การที่เราจะทำอะไรจะง่ายขึ้น?” “เวลาเหลือไม่มากแล้ว การตื่นตะหนกจะทำให้ผู้คนแตกตื่น แต่ที่พวกเราต้องการก็คือสิ่งนี้ ไปจัดการศพตอนคนวุ่นวายนี่สิ ถึงจะสนุก!” โม่ฉีหมิงเก็บพู่กัน แล้วพูดอย่างเนิบๆ แต่เมื่อเขาเพิ่งจะพูดจบ ก็ถูกเย่อวิ๋นกว่างปฏิเสธด้วยความโมโห “ไม่ใช่การจัดการศพ! น้องสามยังไม่ตายเสียหน่อย!” โม่ฉีหมิงค้อนใส่เขาทีหนึ่ง สายตาแหลมคมนั้นกวาดไป รังสีของเขานั้นแผ่กว้าง เย่อวิ๋นกว่างจึงยอมพยักหน้าเสียแต่โดยดี อย่างน้อยเขาก็ตกลงที่จะช่วยแล้ว จะจัดการศพอพไรได้หมด แค่ฟื้นชีพกลับมาก็พอ “แต่ว่า” สวินโม่ที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้น “เรือนเย่นั้นป้องกันหนาแน่นมาก พวกเราจะเข้าไปยังไง?” “ถ้าพวกเราเข้าไปต้องมีคนสงสัยแน่ๆ เรื่องนี้ต้องให้คุณชายเย่ที่สองไปจัดการ และต้องทำมันให้ดีด้วย” โล่หวินหลานมองไปที่เย่อวิ๋นกว่าง สายตานั้นกรอกกลับ พูดจบ ก็เงยไปมองโม่ฉีหมิง อยากรู้ว่าจะพูดอย่างไร เมื่อเงยไปเห็นสายตาอันเล็กแหลมของเขา ที่แสดงถึงการตักเตือน ราวกับกำลังจ้องเจ้า โล่หวินหลานรีบหลบสายตา ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรขัดหูขัดตาเขา และในตอนที่เจ้ามองไปรอบๆอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรนั้น โม่ฉีหมิงนั้นสังเกตุอารมณ์ของเจ้ามาตั้งนานแล้ว ผู้หญิงคนนี้ทำเหมือนกับไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด เมื่อกี้ เจ้ากล้าใช้สายตาแบบนั้นมองเย่อวิ๋นกว่าง ช่างกล้าจริงๆ! “ท่านชาย?” สวินโม่เตือนเขาขึ้นมา มองดูอารมณ์ของโม่ฉีหมิงอย่างระมัดระวัง “ทำตามนี้แหละ” โม่ฉีหมิงมองไปเย่อวิ๋นกว่างอย่างเย็นชา ถ้าหากไม่ใช่เพื่อเป็นการปลุกปั่นเวินอ๋อง เขาคงไม่มีทางช่วยเย่เซียวหลัวเป็นแน่ เขามีแผนการในใจมาแต่แรกแล้ว หลังจากที่ปรึกษากันเรียบร้อย เย่อวิ๋นกว่างก็รีบกลับไปที่เรือนเย่ เมื่อตกดึกคนที่เฝ้ายามจะลดลงครึ่งหนึ่ง อย่างน้อยก็ต้องมีมุมๆหนึ่งที่ไม่มีทหารเฝ้าอยู่ ฉวยจังหวะที่เหมาะสม เย่อวิ๋นกว่างค่อยๆปีนกำแพงฝั่งตะวันออกเข้าไปในเรือนเย่ ดึกมากแล้ว ลมฤดูหนาวยิ่งแรงขึ้น หิมะพัดมาตามลม วิวยามค่ำคืนนั้นอันตราย แต่ก็ทำให้คนหลงใหล เย่อวิ๋นกว่างหลบเหล่าทหารที่เฝ้าระวังอยู่อยู่ฝั่งขวาอย่างระมัดระวัง ผ่านทางเดินด้านหลังห้องฟืนไป ก็จะถึงห้องโถงหลัก ไม่คิดว่าคุณชายรองจะต้องมาปีนกำแพงเข้าเรือนตัวเอง และเมื่อกี้ที่เขาเดินผ่านห้องฟืนนั้น มีเสียงดังขึ้นเบาๆจากความมืดมนนั้น ราวกับใช้ของบางอย่างไปกระทบไม้กระดาน แสงจันทร์ที่สลัวๆนั้นสาดส่องเข้าไปในห้องที่ทำจากไม้นั้น แสงที่สาดเข้าไปนั้นยังไม่เพียงพอ แต่ก็พอที่จะเห็นสถานการณ์ภายในได้ เด็กผู้หญิงร่างกายซูบผอมถูกผูกมือไขว้ไว้ด้านหลัง เท้าก็ถูกผูกไว้เช่นกัน ในปากนั้นถูกอุดด้วยผ้าของตัวเอง นอนน้ำตาล่วงเผาะๆอยู่บนพื้น บนตัวนั้นมีผ้าห่มหนาคลุมอยู่ เพียงพอที่จะทำให้เจ้าไม่หนาว ในเรือนเวินอ๋อง ราวกับทุกอย่างนั้นหยุดไป เวินอ๋องนั่งอยู่ในห้องหนังสือมาทั้งวันแล้ว ไม่ว่าคนใช้ด้านนอกจะเรียกเขาอย่างไร ลมพายุจะพัดขนาดไหน เขาก็ไม่มีเสียงตอบรับ ในที่สุด ก็มีร่างของคนหนึ่งเดินถือร่มกระดาษน้ำมันมาหยุดลงด้านหน้าประตูห้องหนังสือ แสงเทียนตกกระทบลงบนตัวเจ้า ทำให้เห็นเรือนร่างสะโอดสะองของเจ้าอย่างชัดเจน “นายท่าน ฉันเอง” เสียงอ่อนหวานของหญิงสาวดังเข้ามา ทำให้เกิดอารมณ์ที่แตกต่างออกไป “เข้ามา” เสียงแหบซ่านจากการไม่ได้พูดมานานของเวินอ๋อง ในที่สุดเขาก็ขยับตัว ประตูถูกเปิดขึ้น มีลมพัดเข้ามา ทำให้ห้องที่อบอุ่นอยู่นั้น เย็นขึ้น แต่หญิงสาวก็ปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว เพียงพลิกตัว ใบหน้าที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองก็ปรากฎต่อหน้าเวินอ๋อง 那女子容貌上等,就像是夏日里的莲花一样灿烂,静心描绘的精致眉眼轻轻一闪,便泛着动人的潋滟流光,溢彩四放,殷桃小嘴画成大红色微微亲启,身段窈窕多姿,就算是一身的冬装都掩盖不了她绝色的容颜。任谁看了都不能轻易地逃出她的手心。 หญิงสาวผู้นั้นงามมาก ราวกับเป็นดอกบัวที่เบ่งบานในฤดูร้อน คิ้วและตาที่ราวกับบรรจงวาดขึ้นมานั้นสั่นไหว มีออร่าที่ดึงดูดคน สว่างสดใส ปากสีแดงที่รับกันเป็นกระจับ รูปร่างส่วนเว้าส่ว “ทำไมไม่ไปอยู่ที่ยองเชียงโหลว มาที่นี่ทำไม?” เวินอ๋องไม่แม้แต่สนใจเจ้า น้ำเสียงนั้นช่างเย็นชา จิ่นชื่อก็ไม่ได้โกรธ เจ้ายิ้มขึ้นอ่อนๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเวินอ๋อง มือคู่เรียวยาวนั้นเท้าอยู่ใต้คาง ถ้อยคำสง่างาม “กระหม่อมมาที่นี่เพราะเป็นเหตุผลของกระหม่อม เห็นว่าช่วงนี้เวินอ๋องอารมณ์ไม่ดี กระหม่อมเลยมาช่วยให้เวินอ๋องอารมณ์ดีขึ้น!” เวินอ๋องเดิมทีไม่ชอบเจ้าอยู่แล้ว เห็นผู้หญิงที่แต่งตัวจัดจ้านเช่นเจ้ามาเยอะแล้ว แต่เขาชอบคนสวยธรรมชาติอย่างโล่หวินหลานมากกว่า ไม่ว่าแต่งตัวอย่างไร ก็ยังคงมีความงดงามในตัวปรากฎออกมา ช่างน่าตกใจ เขาพบว่าตัวเองนั้นไม่มองหญิงใดอีกเลยนอกจากโล่หวินหลาน สีหน้าเขาเคร่งเครียดขึ้น พูดเสียงต่ำ “นี่เป็นที่ที่เจ้ามาได้เหรอ? ออกไป!” เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ในหน้าของจิ่นชื่อยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่เจ้ายิ้มกว้างขึ้น “กระหม่อมรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงหญิงสาวที่งามแต่ภายนอก ไม่คู่ควรที่จะเข้ามาในเรือนอันสูงส่งของท่าน แต่ว่ากระหม่อมมีของอย่างหนึ่งที่ต้องมอบให้ท่าน” จิ่นชื่อค่อยหยิบถุงผ้าออกมาจากเอว มือเรียวยาวนั้นยืนถุงไปตรงหน้าเวินอ๋อง เล็บของเจ้าแต่งแต้มด้วยสีแดง ช่างเหมาะกับสีหน้าอันยั่วยวนของเจ้าเสียจริง ถุงผ้าสีน้ำเงินนั้นถึงแม้จะเล็กมาก แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีของอยู่ในนั้นเต็มไปหมด “กระหม่อมได้รับการไหว้วานจากคนอื่นให้นำสิ่งนี้มาให้ท่าน ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว กระหม่อมขอลา” จิ่นชื่อค่อยๆพูดจบ ร่างระหงส์ของเจ้าก็ค่อยๆออกจากห้องหนังสือไป เมื่อเจ้ากำลังจะก้าวพ้นประตูไปแล้วนั้น เวินอ๋องจึงค่อยๆเปิดปากถาม “แล้วที่เจ้านั้นมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง?” จิ่นชื่อหยุดชะงักไป ยิ้มฝืนๆ “ก็สบายดี” พูดจบ ไม่นาน ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากด้านหลังอีก เจ้าจึงเดินออกจากห้องหนังสือไป หลังจากที่เจ้าไปแล้วนั้น เวินอ๋องรีบหยิบถุงสีน้ำเงินจากบนโต๊ะมาเปิดดู ในนั้นมีข้อความอยู่แผ่นหนึ่ง ไม่มีชื่อผู้ส่ง แต่ดูจากรายมือแล้ว คงจะเป็นของพระชายา จิ่นชื่อที่เพิ่งเดินออกจากห้องไปนั้น ก้มลงหยิบร่มกระดาษน้ำมัน บนกระดาษน้ำมันสีขาวนั้นแต่งแต้มด้วยดอกเหมยสีแดง เมื่อสะท้อนกับฤดูหนาวนี้แล้ว ลมหิมะด้านนอกราวกับเป็นก้านต้นหลิวที่ปลิวไสว ที่ตกอยู่บนร่มกระดาษน้ำมันราวกับหยาดฝน เจ้ามุ่งหน้าไปที่เรือน นัยน์ตานั้นมีแววเย็นชาราวกับหิมะ ร่างกายเหยียดตรง ไม่เหมือนหญิงสาวงามคนนั้นแม้แต่น้อย
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่138 พลุสัมผัสต้นหลิว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A