ตอนที่6เข้าเฝ้าฮ่องเต้   1/    
已经是第一章了
ตอนที่6เข้าเฝ้าฮ่องเต้
ต๭นที่6เข้าเฝ้าฮ่องเต้ ที่นั่งบนบัลลังก์โม่ฉีสิงสวมชุดมังกรสีเหลืองนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรด้านซ้ายและขวามีหญิงวัยกลางคนสองคนนั่งประกบสวมชุดหรูหรามีสง่าราศี “หม่อมฉันถวายพระพรเสด็จพ่อเสด็จแม่พระสนมเอก”โม่ฉีหมิงไม่สามารถคุกเข่าลงแล้วจึงทำได้แค่ก้มหน้าเบาๆ โล่หวินหลานคุกเข่าลงข้างๆโม่ฉีหมิงแล้วพูดว่า:“หม่อมฉันโล่หวินหลานถวายพระพรเสด็จพ่อเสด็จแม่พระสนมเอก” ภายในท้องพระโรงเงียบผิดปกติมันทำให้โล่หวินหลานที่คุกเข่าอยู่ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาไม่รู้ว่าละครฉากนี้มันจะเป็นไปยังไงบ้าง? “หมิงอ๋องทำไมเมื่อคืนนี้หลินอ๋องถึงได้ไปอยู่ในห้องหอของเจ้าได้?”โม่ฉีสิงพูดขึ้นมาน้ำเสียงเหมือนกำลังจี้ถาม ฮ่องเฮาที่อยู่ข้างๆพูดแทรกขึ้นมาว่า:“ฝ่าบาทเพคะท่านเชื่อจริงๆหรอว่ามู่เอ๋อจะตัดของตัวเองทิ้งจริงๆ?อยู่ดีๆเขาจะตัดของตัวเองทิ้งทำไมกันน่าขำหม่อมฉันคิดว่ามีคนตั้งใจทำร้ายมู่เอ๋อมากกว่า” โล่หวินหลานยิ้มมีคนคิดทำร้ายเขาหรอ?ทำไมไม่พูดมาตรงๆเลยล่ะว่าโม่ฉีหมิงเป็นคนทำ พระสนมเอกตวนเฟยนั่งน้ำตาตกอยู่ข้างๆก็พูดเสียงสะอื้นขึ้นมาว่า:“ลูกชายที่น่าสงสารของหม่อมฉันอยู่ดีๆทำไมถึง......ฝ่าบาทเพคะท่านจะต้องให้ความเป็นธรรมกับมู่เอ๋อด้วยนะเพคะ” ฮ่องเต้ฟังผู้หญิงสองคนพูดกรอกหูจนรู้สึกรำคาญใจสีหน้าของเขาเหมือนตำหนิเล็กน้อย:“พอได้แล้วข้าก็กำลังถามอยู่นี่ไง” ฮ่องเฮากับพระสนมเอกตวนเฟยเงียบโล่หวินหลานคำนับแล้วพูดว่า:“ทูลฝ่าบาทเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหม่อมฉันอยู่ในเหตุการณ์เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นหม่อมฉันขอเป็นคนเล่าเองเพคะ” โม่ฉีสิงมองไปที่โล่หวินหลานแล้วพูดว่า:“เจ้าว่ามา” โล่หวินหลานหันหน้าไปข้างมองไปที่โม่ฉีหมิงที่ทำเป็นเหมือนมันไม่ใช่เรื่องของเขาเขามองมาที่นางโล่หวินหลานคิดว่าโม่ฉีหมิงกำลังดูว่านางจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงแล้วนางจะทำให้เขาผิดหวังได้ยังไงกัน โล่หวินหลานแสร้งทำท่าทางหวาดกลัวแล้วพูดว่า:“เมื่อคืนนี้จู่ๆหลินอ๋องก็บุกเข้ามาในห้องหอหลังจากที่เขาผลักประตูเข้ามาก็บอกกับหมิงอ๋องว่าต่อไปเขาคงไม่อาจจะช่วยมีอะไรกับชายาของเขาได้อีกเพราะว่าเขาได้รับคัมภีร์สุดยอดวิชามาเล่มหนึ่งในคัมภีร์เขียนไว้ว่าหากจะฝึกวิชานี้จะต้องตอนตัวเองดังนั้นหลินอ๋องก็เลยให้หมิงอ๋องเป็นพยานตอนตัวเองต่อหน้าหมิงอ๋องเพคะ” พูดจบก็ทำสีหน้าหวดกลัวแบบสุดขีด โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วแอบด่านางในใจว่านังผู้หญิงคนนี้กล้าหยางเกียรติเขาต่อหน้าคนอื่นแบบนี้เขาโกรธมาก เมื่อพูดจบฮ่องเฮากับพระสนมเอกตวนเฟยก็ลุกขึ้นมาต่อว่ายกใหญ่:“เหลวไหลสิ้นดี” โม่ฉีสิงตบเก้าอี้มังกรแล้วตะคอกว่า:“หุบปากเดี๋ยวนี้” ฮ่องเฮากับพระสนมเอกตวนเฟยไม่กล้าส่งเสียงอีกทั้งสองจ้องไปที่โล่หวินหลานด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ โม่ฉีสิงได้ยินชัดเจนสีหน้าของเขาเคร่งขรึมแล้วถามว่า:“เมื่อกี้เจ้าบอกว่าหลินอ๋องมีอะไรกับพระชายาแทนหมิงอ๋องเรื่องนี้จริงหรือเปล่า?” โล่หวินหลานตอบกลับไปว่า:“หลินอ๋องพูดกับท่านอ๋องเองหากฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อทรงถามท่านอ๋องได้เพคะ” “หมิงอ๋องเจ้าตอบมาซิ”โม่ฉีสิงจ้องไปที่โม่ฉีหมิง โม่ฉีหมิงค่อยเงยหน้าขึ้นมาน้ำเสียงของเขามันเหมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเอง“เสด็จพ่อร่างกายของหม่อมฉันพิการไม่ต่างอะไรกับคนไร้ประโยชน์น้องเจ็ดทำเรื่องนั้นแทนหม่อมฉันมันก็สมควรแล้วพะยะค่ะ” โม่ฉีสิงโกรธมากเขาลุกขึ้นมาจากเก้าอี้มังกรแล้วตะคอกว่า:“ไปเอาตัวเจ้าลูกไม่รักดีมาที่นี่เดี๋ยวนี้” คนที่อยู่ด้านนอกประตูเมื่อได้รับคำสั่งก็รีบไปทันทีบรรยากาศในท้องพระโรงเคร่งเครียดทุกคนไม่กล้าพูดอะไรเลยโล่หวินหลานถึงแม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาแต่ก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาสองคู่ที่กำลังจ้องมาที่นางราวกับจะฆ่านางลงตอนนี้ ผ่านไปครู่หนึ่งโม่ฉีมู่ก็ถูกคนหามเข้ามาเขานอนอยู่บนเปลเนื่องจากเสียเลือดไปมากทำให้สีหน้าซีดเซียวเมื่อคืนหลังจากถูกส่งกลับวังก็สลบไม่รู้เรื่องตอนนี้เพิ่งจะฟื้นก็ถูกหามมาที่นี่แล้ว “หลินอ๋องก่อนหน้านี้หลายครั้งที่หมิงอ๋องแต่งงานเจ้ามีอะไรกับชายาของเขางั้นหรอ?”โม่ฉิสิงถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา โม่ฉีมู่เพิ่งฟื้นมาร่างกายอ่อนแอเหมือนจะไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่เสียงของโม่ฉีสิงถามดังอยู่ในหูของเขาจากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดว่า:“พี่สี่ร่างกายไม่ดีหม่อมฉันทำแทนก็สมควรแล้ว” โม่ฉีสิงโกรธมากยังไม่ทันพูดอะไรออกมาฮ่องเฮาที่อยู่ข้างๆก็ถามขึ้นมาว่า:“งั้นแม่ขอถามเจ้าหน่อยทำไมเจ้าถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้?” สายตาของทุกคนจ้องไปที่โม่ฉีมู่โม่ฉีมู่นอนอยู่บนพื้นสายตามองไม่ชัดเขาตอบกลับว่า:“หม่อมฉันได้คัมภีร์ทานตะวันมาเล่มหนึ่งในนั้นเขียนเอาไว้ว่าหากต้องการฝึกวิชานี้จะต้องตัดของตัวเองทิ้งไปดังนั้นหม่อมฉันก็เลยทำตาม” โล่หวินหลานแอบยิ้มโม่ฉีหมิงเหมือนจะตะลึงไปส่วนฮ่องเต้ก็กริ้วหนักมากฮ่องเฮากับพระสนมเอกตวนเฟยก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “เหลวไหล”โม่ฉีสิงตะคอกโกรธจนควันออกหู พระสนมเอกตวนเฟยพูดขึ้นมาว่า:“ฝ่าบาทเพคะในเมื่อคัมภีร์ปีศาจเล่มนั้นทำร้ายมู่เอ๋อจนเป็นแบบนี้เราควรจะค้นมันออกมาแล้วทำลายทิ้งซะจะได้ไม่เป็นภัยต่อคนอื่นอีก” โล่หวินหลานได้ยินพระสนมเอกตวนเฟยพูดแบบนี้ในใจก็อึ้งไปแอบคิดในใจว่านางฉลาดมากเป็นผู้หญิงที่เหลี่ยมจัดเหมือนกันหากว่าค้นไม่เจอคัมภีร์ทานตะวันงั้นก็กลายเป็นว่าไม่มีหลักฐานน่ะสิ? 
已经是最新一章了
加载中