ตอนที่26 จัดการเรื่องอย่างยุติธรรม   1/    
已经是第一章了
ตอนที่26 จัดการเรื่องอย่างยุติธรรม
ต๭นที่26 จัดการเรื่องอย่างยุติธรรม “ข้ารู้แล้ว ผู้บริสุทธิ์ในตระกูลโล่ข้าจะหาเวลาปล่อยตัวออกไป ประหารสามคนนั้น สำหรับโล่วี่ปิง ก็ให้ส่งไปประจำการที่ชายแดนไป” พอได้คำตอบที่พึงพอใจแล้วถึงได้หันหลังกลับ ไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของโม่ฉีสิงที่มองไล่ตามหลัง แววตารู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก เขารู้ ว่าท่านแม่ของเขามีความสำคัญต่อชายผู้นั้นมากเพียงใด แต่เรื่องนี้จะโทษใครได้ เกิดเป็นชาย แม้แต่หญิงที่ตัวเองรักยังปกป้องไม่ได้ ยังถือว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือ! โม่ฉีหมิงเข้าใจมาตลอดว่า ที่ท่านแม่ของเขาต้องตายกับเรื่องที่เขาพิการ โม่ฉีสิงมีส่วนรู้เห็น แต่เวลาอยู่ต่อหน้าโม่ฉีสิงเขาต้องเก็บกั้นอารมณ์ของตัวเองไม่แสดงออกไป พอกลับถึงจวนก็เห็นโล่หวินหานยืนรอเขาอยู่ที่ห้องโถง พอนางเห็นเขาเดินเข้ามาก็รีบไปเข็นรถเข็นเข้ามาด้านใน “ข้าก็อยากตามท่านไปดูแลท่านนะ แต่ข้ากลัวว่าข้าที่เป็นคนตระกูลโล่ พอฮ่องเต้เห็นอาจจะกริ้วหนักก็ได้” โล่หวินหลานเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของโม่ฉีหมิงทั้งวัน กังวลว่าเมื่อเขาไปขอเจรจาเรื่องของตระกูลโล่จะพาลให้โกรธโม่ฉีหมิงไปด้วย พอเห็นเขากลับมาจึงคลายความกังวลไปจนหมด สิ่งที่นางไม่รู้คือ นางรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยชายตรงหน้าเป็นอย่างมาก “ไม่มีปัญหาอะไร เจ้าก็ไม่ต้องไป เรื่องแค่นี้ไม่ต้องให้ถึงมือเจ้า ท่านพ่อบอกแล้ว จะหาเวลาปล่อยคนตระกูลโล่ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ หมอหลวงโล่ โล่ฮูหยิน กับผู้ที่ลักลอบมีสัมพันธ์กับชายอื่นอย่างโล่วี่เสว่ โทษตายสถานเดียว โล่วี่ปิงถูกส่งไปประจำการที่ชายแดน เรื่องถือว่าจบได้ดี” พอหังเรื่องทั้งหมดจนจบนางถึงได้สบายใจขึ้นมา นางไม่อยากให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต้องโทษประหาร ถึงอย่างไรก็ตามคนที่ต้องดำเนินเรื่องนี้ก็เป็นนางกับโม่ฉีหมิง บวกกับที่นางเป็นคนของตระกูลโล่ ให้นางสั่งประหารอย่างคนทั้งหมดอย่างไม่เหลือเยื้อใยแล้ว กลัวแต่ว่าประชาชนภายนอกจะเห็นนางเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ ทำอย่างนี้ ชื่อเสียงของหมิงอ๋องก็จะพาลเสื่อมเสียไปด้วย หากสั่งประหารแค่คนผิดสามคนนั้น อีกทั้งคนที่ไม่เกียวข้องกับเรื่องนี้ในตระกูโล่ก็จะรู้ว่าหมิงอ๋องเป็นคนไปขอร้องให้ไว้ชีวิตพวกเขา คาดว่าทั้งชีวิตคนพวกนั้นก็จะไม่ลืมบุญคุณของหมิงอ๋อง ไม่พูดไม่ได้ว่า นางกำลังปูทางให้ชายตรงหน้าของนางอยู่ แน่นอนว่า ความคิดทั้งหมดของโล่หวินหลาน โม่ฉีหมิงย่อมไม่รู้ “ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้างก็โล่งอก พี่น้องตระกูลโล่ก็จะไม่เกลียดชังพวกข้า ประชาชนทั้งเมืองหลวง ก็พูดไม่ได้ว่าท่านแต่งกับพระชายาที่มีจิตใจอำมหิตไม่มีมนุษยธรรม โล่หวินหลานยิ้มแล้วยิ้มอีก เข็นรถของโม่ฉีเข้ามาในห้องโถงพลางนั้งลงเก้าอี้ข้างเขาแล้วหยิบตำราขึ้นมาอ่าน พูดคุยหัวเราะกันบางจังหวะ วันเวลาผ่านไปอย่างมีความสุข หลายวันต่อมา ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ถูกปล่อยตัวออกมารู้สึกสำนึกในบุญคุณหมิงอ๋องและพระชายาหมิงมาก ต่างก็ชื่นชมถึงความมีมนุษยธรรมของนางไม่ขาดปาก อีกด้านก็ก่นด่าหมอหลวงโล่ที่ทำให้ทั้งตระกูลเดือดร้อน โล่หวินที่ได้ฟังคำซุบซิบนินทาเหล่านี้ก็ฟังเพียงรอบเดียวแล้วก็ลืมไปเอง เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับนาง นางไม่ค่อยเก็บมาใส่ใจนัก ในที่สุดก็ถึงวันที่จะต้องสั่งโทษประหารคนผิด โล่หวินกับโม่ฉีหมิงต่างตื่นพร้อมกันตั้งแต่เช้าตรู่ พอเตรียมตัวเสร็จก็ไปลานประหาร หากพูดตามจริงแล้ว ไม่รู้สึกกลัวก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกของนางที่ได้สั่งประหารญาติพี่น้องของตัวเองในชาตินี้ พยายามระงับความรู้สึกของตัวเองไม่ให้คิดฟุ้งซ่านสุดท้านก็เดินมาที่ลานประหาร “เจ้าต้องรู้ว่า พวกนั้นสมควรตาย ไม่ต้องเสียเวลากับคนพวกนี้ให้มาก หากรู้สึกกลัว เจ้าจงปิดตา” โม่ฉีหมิงปลอบประโลมพร้อมตบเบาที่มือของโล่หวินหลาน เห็นหน้านางไม่มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงเขาก็ท่าทางนั่งหลังตรงอย่างสง่า เมื่ออยู่พิธีประหารนักโทษ เขาจะใจอ่อนไม่ได้ ผู้คนที่รายล้อมยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ อากาศจัดส่าไม่ค่อยร้อน ลมเย็นพัดผ่านร่างของโล่หวินหลานจึงทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมามาก มองดูเวลาชั่วครูก็เอ่ยขึ้นเบาๆ “ถึงเวลาแล้ว เริ่มได้!” จากตอนแรกที่ลานประหารเงียบอยู่แล้ว พอได้ยินคำสั่งจากปากของโล่หวินหลานยิ่งทำให้สายตาของผู้คนทั้งหมดจดจ้องไปที่ร่างบางของโล่หวินหลาน นางทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยืดหลังตรงพร้อมมองไปที่นักโทษประหารทั้งสามคน เหมือนกับว่าสามคนที่อยู่เบื้องหน้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับนางเลยสักนิด ท่านแม่คะ เขาทำผิดต่อท่านเขาทิ้งท่านไป ลูกถูกพี่สาวใจร้ายสองคนนั่นรังแกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มาวันนี้ ข้าได้แก้แค้นแทนท่านแล้ว ท่านแม่คะ ข้าจะส่งให้พวกเขาไปเป็น ม้า เป็น วัว รับใช้ท่านนะคะ โล่หวินหลานกระพริบตาปริบๆ พลันหันไปเห็นหมอหลวงโล่กำลังก่นด่าสาปแช่งมาที่นาง มือที่กำลังจะสั่งลงโทษประหารไม่กล้าแม้จะลงมือ เหตุเพราะคนที่อยู่เบื้องล่างเป็นบิดาของหญิงผู้ที่ยืนอยู่ในลานประหารที่เขารัก เขารู้สึกสับสนชั่วครู่จึงส่งสายตาของความเห็นใจจากโล่หวินลานที่อยู่บนลานประหาร โล่หวินหลานสบตากลับ พลางแสยมยิ้ม กำลังจะก้าวเท้าไปทางหมอหลวงโล่ก็ถูกโม่ฉีหมิงดึงแขนไว้ นางตบมือเบาให้เขาวางใจพลางเดินหันหลัง “ท่านหมอหลวงโล่ ท่านกำลังด่าว่าลูกสาวของท่านว่าอย่างไรนะ?” โล่หวินหลานพลางพูดจาเสียดแทงประชด พลางทำหน้าสลดเหมือนเจ็บปวดอยู่ในนัย ประชาชนเบื้องล่างที่มองขึ้นมาต่างรู้สึกตะลึง “เจ้าลูกอกตัญญู ต่ำเหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด เสียดายที่ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งหลานปี” พูดจบหมอหลวงโล่ก็ถมน้ำลายไปที่นาง เป็นเพราะระยะที่ห่างกันมากพอตัวจึงทำให้ถ่มให่โดนนาง นั่นยิ้มทำให้เขาเจ็บใจจนหน้าเขียวไปหมด “ท่านหมอโล่ ท่านลืมไปแล้วว่าท่านใช้วิธีใดเลี้ยงดูข้า พูดถึงท่านแม่ เจ้าไม่มีสิทธิ์พาดพิงถึงแม่ข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ อีกอย่าง เรื่องที่พวกเจ้าทำมันร้ายกาจ เลือดเย็น ข้าจะไม่พูดว่าเรื่องใดบ้าง มาวันนี้ ข้าจะให้พวกเจ้าตายต่อหน้าข้า!” เสียงของโล่หวินหลานเบามาก มีแต่สามคนนั้นที่ได้ยิน แต่ใบหน้ากลับมีแต่ความเศร้าหมองเคลือบอยู่ จนประชาชนข้างล่างต่างรู้สึกโกรธเกลียดคนทั้งสามเพิ่มเข้าไปอีก “ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกท่านทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ ข้าได้ปล่อยพี่น้องตระกูลที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว แต่ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้ มันเป็นความผิดของลูก!” หลังจากนั้น พอโล่หวินหลานตะโกนจนสุดเสียง ก็หันหลังเดินออกมา หันไปมองหน้าเพชฌฆาตพร้อมกล่าว “พี่ชายทั้งสอง พวกเจ้าลงมือเถิด แต่ให้พวกเขาไปสบายหน่อยนะ……” โล่หวินกล่าวทั้งน้ำตา ซาบซึ้งทุกผู้ทุกคนที่ได้เห็นฉากนี้ พอได้ยินโล่หวินหลานกล่าวสั่งจบก็ไม่รีบรอ คมมีดบั่นลงตรงกลางคออย่างฉับไว ผู้คน ณ ลานประหารด้านล่างต่างๆซุบซิบเอ่ยปากชมยกนิ้วชื่นชมโล่หวินหลานเป็นการใหญ่ พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า พระชายาหมิงจะเป็นคนมีความยุติธรรม มีมนุษยธรรมเยี่ยงนี้ พี่น้องตระกูลโล่ล้วนแต่ได้รับความช่วยเหลือจากนาง ผ่านไปไม่นานทั้งสามก็หมดลมตายต่อต่อหน้าคมดาบของเพชฌฆาต การประหารสิ้นสุดลง โม่ฉีหมิงกับโล่หวินหลานต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็ไม่มีอะไรผิดจากที่วางแผนไว้ หากมีอะไรผิดพลาดทั้งสองคงแบกรับไม่ไหวเป็นแน่ “กลัวไหม?” โม่ฉีหมิงใช้แรงบีบมือของโล่หวินหลานเบาๆ เสมือนปลอบประโลมนางนัยๆ หากแต่คิดไม่ถึงว่านางจะยิ้มออกมาอย่างร่าเริง น้ำเสียงมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างน่าแปลก “กลัวอะไร? พวกนั้นต่างสมควรตาย ข้าจัดการคนชั่วไปหนึ่ง ตอนนี้ข้ารู้โล่งอกเป็นอย่างมาก” พอเห็นโล่หวินไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเหตุการณ์เมื่อครู่เขามีแต่รู้สึกเห็นใจนางมากขึ้น ถึงแม้จะรู้ว่านางไม่รู้สึกอะไรกับสามคนนั้น แต่ถึงอย่างเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นการสั่งประหารญาติพี่น้องของตัวเองที่ทำความผิดนั้น เรื่องถูกเล่าต่อกันไป อาจมีทั้งความคิดเห็นที่เป็นไปในทิศทางที่ดีกับไม่ดีก็เป็นได้ “ไม่เป็นไรนะ เจ้ายังมีข้าอยู่ข้างเจ้า” โม่ฉีหมิงอยากลุกขึ้นดึงนางเข้ามากอด แต่ทำได้เพียงจับหน้านางเบาๆ เพราะขาทั้งสองข้างของเขา……” โม่ฉีหมิงไม่เคยเกลียดตัวเองเท่านี้มาก่อนที่สามารถลุกยืนขึ้นมาปกป้องคนที่เขารัก ความรู้สึกผิดที่ฝังอยู่ในเริ่มก่อตัวขึ้นจนขุ่นมัว “ข้าไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ” เพราะการกระทำของโม่ฉีหมิงทำให้โล่หวินหลานรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด ใช่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนางยังมีเขาอยู่เคียงข้างนางเสมอ ถึงแม่ว่าต่อไปเขาจะเดินไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรนางก็จะทำวิธีทางเพื่อช่วยเขาให้ได้! ต้องทำให้ได้! โล่หวินหลานจ้องหน้าเขามองตาปริบๆ โม่ฉีหมิงไม่ทันตั้งตัวโล่หวินหลานก็สลบหมอบลงไปกับพื้นแล้วมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะร่างกายขยับไม่ได้ รีบตะโกนเรียกคนมาช่วย “ฉินหยิ่น!” ฉินหยิ่นที่ยืนอยู่ข้างๆรับวิ่งเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกเขา รีบทำความเข้าเคารพกล่าวขอโทษเสร็จ ก็รีบอุ้มโล่หวินหลานขึ้นทันที โม่ฉีหานที่ยืนแฝงตัวอยู่ท่ามกลางผู้คนพอเห็นโล่หวินหลานสลบไปจึงได้ทีแสยะยิ้มมุมปาก เจ้าก็มีวันที่เจ็บปวดเหมือนกันนะ เขาไม่ดูเหตุการณ์ข้างหน้าต่อ แล้วจึงหันหลังเดินออกมา พอกลับมาถึงจวนหมิงอ๋องก็รีบสั่งให้เย่หวินไปเรียกท่านหมอมาดูอาการของโล่หวินหลาน ทันใดนั้นโล่หวินหลานก็เบิกตาโพลง “หากข้าไม่เห็นโม่ฉีหานแฝงตัวอยู่กับผู้คน ข้าจะแกล้งสลบอย่างนั้นหรือ” พอเห็นโล่หวินหลานฟื้นขึ้นมาเขาถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ อดไม่ได้ที่จะตำหนิ “ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรช่วยบอกให้ข้ารู้ก่อนได้ไหม ไม่งั้นข้าจะเป็นห่วงใจอย่างนี้” โล่หวินหลานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นจึงพยักหน้ายิ้มบางๆ เย่หวินที่รีบกลับจากโรงหมอยาพอเห็นว่าโล่หวินหลานไม่เป็นอะไร จึงค่อยเบาใจ พอส่งหมอเสร็จก็รีบกลับมาทันที พอทำให้ทุกคนสบายใจแล้ว โล่หวินหลานก็กลับเข้าห้องหนังสือจับตำราขึ้นมาอ่านดังเดิม อยู่ที่นี่นางทำได้เพียงแค่อ่านตำราการแพทย์เพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวเอง ถ้าไม่อย่างนั้นการแพทย์สองสมัยอาจจะทำให้ แผนการที่นางวางไว้พังได้ เป็นไปอย่างที่โม่ฉีหมิงคิดไม่มีผิด ข่าวที่โล่หวินหลานตัดสินประหารญาติพี่น้องตัวเอง ดังไปทั้วทั้งเมืองหลวง ทุกตรอกซอกซอยต่างกำลังพูดถกเถียงถึงเรื่องนี้ ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ต่างยกนิ้วชื่นชมพระชายาหมิงคนนี้เป็นการใหญ่ ผู้คนเริ่มสนใจในตัวนางขึ้นมาบ้างแล้ว เพียงแต่ข่าวคราวพวกนี้ไม่มีทางเล็ดลอดเข้ามาในหูของโล่หวินหลานอย่างแน่นอน นางกำลังยุ่งกับการวางแผนบางอย่าง นอกจากคำพูดของโม่ฉีหมิงแล้ว ใครพูดอะไรก็เหมือนกับเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา ใครก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้นางกำลังคิดจะทำอะไร พอโล่หวินหลานยุ่งวางแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็ไปหาโม่ฉีหมิงทันมี ใบหน้าจริงจัง เหมือนจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น “ข้าป่วย” โล่หวินหลานที่ไม่โผล่มาให้โม่ฉีหมิงเห็นหน้ามาหลายวันพูดคำนี้ออกมา ทำให้เขาตกใจไม่ใช่น้อย น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความโกรธเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น? เจ้าไม่สบายตรงไหน? ฉินหยิ่น! เจ้ารีบไปตามหมอมา” ตกใจจนโล่หวินหลานหัวเราะออกมาเบาๆ แววตามีแต่ความสุขล้น พอเห็นส่ยตาที่มองหน้านางอย่างฉงน จึงรีบเฉลยบอกเขาทันที “ข้าไม่ได้ป่วยจริงสักหน่อย ที่ข้าเป็นลมที่ลานประหาร เป็นฤกษ์งามยามดีที่ข้าจะแกล้งป่วย จวนของท่านจะได้ไม่รับแขก ข้าจะได้มีเวลาคิดทำเรื่องของข้า” โล่หวินหลานขยิบตาสองสามที หากใครคิดจะมารบกวนนางในตอนนี้ สู้นางแกล้งป่วย เวินอ๋องเป็นทางเลือกที่ดีที่นางจะแกล้งป่วย โม่ฉีหมิงเม้มปาก เห็นรอยยิ้นของโล่หวินหลานยิ้มอย่างมีความสุขพลางกล่าว “พระชายาหมิงล้มป่วยเพราะยังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่ต้องลงมือสั่งโทษประหารญาติพี่น้องตัวเอง จวนหมิงอ๋องยังไม่พร้อมรับแขก ในใจห่วงหาแต่อาการของพระชายา”
已经是最新一章了
加载中