ตอนที่27 ยั่วยุ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่27 ยั่วยุ
ต๭นที่27 ยั่วยุ โม่ฉีหมิงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย หากแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป “ฉินหยิ่น ได้ยินที่พระชายาพูดหรือไม่? รีบไปจัดการให้เร็วที่สุด” ฉินหยิ่นคุกเข่ายันพื้นโน้มศรีษะลงทำความเคารพ ถึงแม้ว่าเขาจะอยากรู้ว่าตอนนี้พระชายาคิดการใดกันแน่ แต่ก็มุถามให้มากความอะไร แม้กระทั่งท่านอ๋องยังไม่รู้เลย แล้วองครักษ์อย่างเขาจะถามมากอะไรได้? “ทำไมเจ้าถึงไม่ถามถึงเหตุผลล่ะ?” โล่หวินหลานทำท่าอยากหัวเราะต่อหน้าโม่ฉีหมิง พลางเทน้ำในกาให้เขา หลายวันมานี้ไม่ค่อยมีเวลาให้เขาเป็นความผิดของนาง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขายังเตรียมการอะไรไม่เสร็จ เหตุใดจะบอกไปง่ายๆล่ะ แต่ถึงอย่างนั้น โล่หวินหลานอยากจะเซอร์ไพรส์เขา “เจ้าไม่บอกข้าก็จะไม่ถาม” โม่ฉีหมิงเชื่อใจโล่หวินหลานมาก ทำให้นางหัวใจพองโตรู้สึกซาบซึ้งมาก สูดอากาศหายใจลึกๆเสร็จจึงกล่าว ” “ถ้าเป็นอย่างนี้ งั้นข้ามีอะไรจะบอกท่าน ช่วงนี้ข้ากำลังยุ่งเรื่องหาวิธีเชื่อมปลายประสาทตรงเท้าของท่าน กำลังวิจัยหาวิธีธีทำให้หน้าท่านกลับมาเหมือนเดิม” พอฟังโล่หวินหลานพูดจบโม่ฉีหานรู้สึกประหลาดใจมาก เขาไม่รู้จริงๆมาหลายวันมาที่นางยุ่งทั้งวันเป็นเพราะเรื่องของเขา “ข้ารู้ดี ว่าเป็นเพราะความพิการเล่านี้ทำให้ท่านรู้สึกเป็มปมมานานแสนนาน วางใจเถอะ ข้าจะช่วยท่านให้ได้ ท่านต้องเชื่อข้า” โล่หวินหลานยื่นมือออกไปจับหน้ากากที่ฉาบหน้าของโม่ฉีหมิงอย่างเบามือ เป็นเพราะชายผู้นี้ดีกับนาง เพราะฉะนั้นนางก็จะดีกับเขาให้มาก โม่ฉีหมิงอึ้งจนพูดอะไรไม่ได้ เขาคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครจะคิดถึงเขาอย่างนี้อีกแล้ว หากแต่ไม่ใช่ไม่มี เพียงแต่ชีวิตเมื่อก่อนที่ผ่านมา นางยังไม่ปรากฏเท่านั้นเอง “ข้าเชื่อเจ้า ข้าเชื่อเจ้ามาตลอด” โม่ฉีหมิงยื่นมือมากุมมือโล่หวินหลานจนมิด เสียงอันอบอุ่นที่ไม่คิดว่าจะมีให้ได้ฟัง ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้จะทำเพื่อเขาได้ขนาดนี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาซาบซึ้ง เพียงพอแล้ว ฉินหยิ่นจัดการเรื่องได้รวดเร็วทันใจมาก ตอนกลับมารายงานผลได้เห็นภาพนี้พอดี ทำให้เขารู้สึกเขินตามไปด้วย อีกทั้งไม่อยากรบกวนทั้งคู่ ได้แต่ค่อยๆเดินออกมาช้าๆ “ข้าได้ยินเรื่องบางเรื่องมา เจ้าอยากฟังไหม?” ฉินหยิ่นหันกลับมาก็พบเย่หวินอยู่ข้างหลังเขาพอดี ทำให้เขาใจแทบตกลงตาตุ่ม อดไม่ได้ที่จะเอ็ดนางเบาๆ “ทำข้าตกใจหมดเลย” “แล้วอยากฟังไหมล่ะ?” เย่หวินยักคิ้ว มองดูฉินหยิ่นอยู่ข้างหน้าพลางถามขึ้นอีกครั้ง พอฉินหยิ่นเข้าใจจึงขยิบตาสองสามที มองดูซ้ายขวาไม่มีคนเดินผ่าน เย่หวินส่ายหน้าเบาๆ พลางกระซิบข้างหูเขาเบาๆ เย่หวินพูดจบก็ย้ายหัวออกมา พอเห็นแววตาของฉินหยิ่นอย่างคนเหลือเชื่อก็ไม่พูดมากความให้เสียเวลา หมุนตัวกลับแล้วเดินออกมา ฉินหยิ่นยังยื่นอึ้งอยู่กับที่ พอรู้สึกตัวก็ตะโกนออกอย่างตกใจ “เย่หวินเจ้ารอข้าด้วย! เรื่องที่เจ้าพูดเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงใช่ไหม?” คนรับใช้ในจวนอ๋องต่างมองเหล่ตาด้วยความอยากรู้ ฉินหยิ่นไม่มีเวลาสนใจมากนัก รีบตามหลังเย่หวินออกไป รบเร่าให้นางพูดรายละเอียดทั้งหมดของเรื่องให้ชัดเจน “พระชายา มีวิธีช่วยให้ใบหน้าและขาของท่านอ๋องให้หายจริงหรือ?” ฉินหยิ่นใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ยังไม่ทันเย่หวินจะได้ตอบเขาก็ยิ้มกว้าง ช่างดีเหลือเกิน ดีมากจริงๆ โรคทางใจของท่านอ๋องที่เป็นมาหลายปีจะมีคนมารักษาให้หายแล้ว” “เจ้าก็อย่าพึ่งดีใจไปเลย ผลการรักษายังไม่ออกมาเลย อย่าให้ความหวังมากนัก ไม่อย่างนั้นยิ่งหวังมากเท่าไหร่ พอล้มเหลว ก็จะผิดหวังมากเท่านั้น” เย่หวินไม่ตั้งใจจะดับฝันเขา แต่ทุกอย่างมันคือสัจธรรม ตอนนางได้ยินข่าวนางก็รู้สึกดีใจมากเช่นกัน เพียงแต่นางไม่กล้าเชื่อ อีกอย่างนางไม่รู้ฝีมือการแพทย์ของพระชายาเป็นอย่างไร ยิ่งหมอหลวงในวังยังไม่มีทางรักษาท่านอ๋องได้เลย แล้วนางจะทำได้หรือ” คิดถึงตรงนี้เย่หวินก็พลันเงียบลง ไม่เหมือนกับฉินหยิ่นที่แสดงท่าทีดีใจจนเกินหน้า แต่เรื่องที่น่าแปลกคือ ฉินหยิ่นที่ได้ยินเรื่องนี้จบยังยิ้มได้อยู่ เย่หวินขมวดคิ้วสงสัยแต่ไม่พูด “เจ้าทำไมไม่ลองคิดดู ถึงแม้ถึงเวลานั้นจะไม่สำเร็จ แต่ท่านอ๋องล่ะ? เขาจะไม่ซาบซึ้งเพราะการกระทำของพระชายาหรือ? เจ้าต้องเข้าใจว่า ผู้หญิงคนหนึ่งถึงขั้นยอมเสียสละตัวเองเพื่อช่วยผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง มันอาจจะเกิดปฎิหาริย์ก็ได้ เย่หวินได้ฟังสิ่งเขาพูดจบก็อึ้งไปครู่ นางไม่เคยเข้าใจเรื่องของความรัก เพราะนางไม่เคยสนใจของพวกนี้ พอฉินหยิ่นพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้มุมปากนางยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ฉินหยิ่นไม่เพียงแต่มึนไปเลย ต่อหน้าเขาเย่หวินยิ้มน้อยมาก ทำไมตอนนี้? พอรู้สึกตัว นางก็กระแอมไอหนึ่งครั้งแก้เขิน “ยังไงก็ตาม ตอนนี้ต้องกระจายที่พระชายาหมิงกำลังรักษาตัวออกไป ช่วงนี้จะให้ใครมารบกวนพระชายาไม่ได้โดยเด็ดขาด เข้าใจไหม?” ถึงแม้เมื่อครู่นางจะดับฝันของเขา แต่ฉินหยิ่นก็อดไม่ได้ที่จะขำ ถึงแม้เมื่อครู่จะพูดเหมือนไม่ใส่ใจ ตอนนี้ดูยังไงก็สนใจเรื่องนี้มากกว่าเขาซะอีก พอเห็นสีหน้าของเย่หวินเริ่มไม่ดี ฉินหยิ่นถึงรีบปรับสีหน้าให้ปกติ พยักหน้าอย่างจริงจัง พลางหันหลังกลับ แต่ก็อดที่จะขำไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้…… เวลาผ่านไปเร็วมาก ข่าวที่พระชายาหมิงกำลังพักรักษาตัวก็แพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งเมือง เริ่มแรกผู้คนต่างไม่เชื่อ แต่เห็นตอนที่อยู่ลานประหารนางได้เป็นลมล้มพับลงกับพื้นจึงทำให้เชื่อได้บ้าง ได้ผิดหวังลึกๆ แต่ว่าพอคิดถึงเรื่องที่หมิวอ๋องไม่สามารถทำอะไรเองได้เพร่ะพิการ ก็ทำให้ชะล่าใจไม่ไปสืบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถึงอย่างนั้นใครจะไปอยากสนใจคนที่เสียโฉมขาพิการเดินไม่ได้อย่างท่านอ๋องล่ะ? ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นนางไม่สนใจ พักนี้นางมีเรื่องให้ลำคานใจจนอยากจะด่าคน แต่ไหนมานางไม่ใช่คนนิสัยไม่ดี เพียงแต่วันทั้งวันใบหน้าขมวดคิ้วเครียด หลายวันมานี้ขอบตาข้างล่างก็เริ่มมีรอบคล้ำๆบางๆ โม่ฉีหมิงรู้สึกปวดใจ “ทำไมเจ้าถึงไม่ดูแลตัวเอง เมื่อคืนเจ้าได้นอนบ้างรึป่าว?” เห็นโล่หวินหลานที่มัวแต่ยุ่งเรื่องของเขาแค่คิดโม่ฉีหมิงก็รู้สึกปสดร้าวไปทั้งหัวใจ เป็นเขาที่ทำหน้าที่ของสามีได้ไม่ดี หลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว เขาได้แต่สาบานในใจ” โล่หวินหลานมองเขาแล้วยิ้มบางๆ สายตาไม่เคยห่างจากตำราในมือ “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ถึงจะเหนื่อยยากเพียงไรข้าก็ไม่กลัว อย่าห่วงเลย ข้าไม่เปผ้นไรหรอก” ลำบากโล่หวินหลานแล้ว มือหนึ่งต้องยุ่งอีกมือยังต้องคอยปลอบโม่ฉีหมิง ฉินหยิ่นที่อยู่ข้างนอกรู้สึกดูไม่ลงแล้ว “ท่านอ๋องขอรับ พวกเราออกไปเดินเล่นกันเถอะ อย่าอยู่มี่นี่รบกวนพระชายาเลย” โม่ฉีหมิงอดไม่ได้ที่มองนางครั้งสุดท้ายก่อนที่ถอนหายใจเบาๆ ฉินหยิ่นตอบกลับ แล้วรีบเข็นรถของเขาออกไป พอผ่านร่างบางของโล่หวินหลานก็พูดเสียงเบาให้พอได้ยินแค่สองคนว่า “พระชายา ต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี ร่างกายสำคัญ” โล่หวินหลานถึงได้เงยหน้าขึ้น ยอ้มให้ฉินหยิ่นน้อยๆ พลางชี้โม่ฉีหมิงที่นั่งอยู่บนรถเข็น ฉินหยินตอบกลับพลางพยักหน้าเบาๆ “ท่าทางเมื่อกี้ของพระชายาหมายความว่าไง?” ถึงแม่ว่าโม่ฉีหมิงจะไม่ได้จ้องมองตลอด แต่ก็ไม่ลอดพ้นสายตาของเขาได้ แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เมื่อออกจากหนังสือแล้วจึงไต่ถาม ฉินหยิ่นนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นจึงได้ยิ้มออกมา “พระชายาบอกให้ข้าดูแลท่านอ๋องดีๆ ในขณะที่พระชายายุ่งก็ยังไม่ลืมท่านอ๋อง” ฉินหยิ่นปกติไม่ใช่คนพูดมาก แต่มาวันนี้กลับสดใสร่าเริงเป็นพิเศษ แน่นอนว่า โม่ฉีหมิงไม่มีเวลาสนใจเขา โม่ฉีหมิงกำลังชื่นใจเพราะท่าทางเล็กๆของนางเมื่อครู่ สุดท้ายก็เจอคนที่ใช่สำหรับเขา เพียงแต่เห็นนางลำบากที่ต้องวุ่นเรื่องของเขาทั้งวัน โม่ฉีหมิงสั่งให้ฉินหยิ่นส่งเขากลับไปที่ห้องหนังสือเพื่อดูเอกสาร พลันก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมากไหนไม่รู้ สวินโม่ที่มาถึงจวนท่านอ๋อง ก็รู้สึกแปลกใจกับบรรยากาศในจวน เขาได้ข่าวมาว่าโม่ฉีหมิงถึงกลับปิดประตูไม่ต้อนรับแขกเพราะโล่หวินหลาน เมื่อถูกเชิญเข้าในห้องโถง สวินโม่ก็นั่งลงที่เก้าอี้กำลังนั่งเขี่ยแก้วชาเล่นอยู่บนโต๊ะอย่าฃเบื่อหน่าย พอเห็นโดยรอบเงียบสงัดไม่มีคนซักคน โม่ฉีหมิงกับโล่หวินหลานก็ไม่อยู่ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วสงสัย แต่ทันใดนั้นก็เห้นร่างเงาที่คุ้ยเคยผ่านไป ถึงได้เรียกหยุดไว้ “เย่หวิน ท่านอ๋องล่ะ? ข้ามาถึงสักพักแล้ว ทำไมไม่มีคนออกมาต้อนรับ ภายในจวนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เย่หวินที่เห็นสวินโม่ ก็เดินยิ้มเข้ามาหาเขาทันที “คุณชายมาได้ไม่ใช่จังหวะ ทุกคนในจวนต่างกำลังวุ่นอยู่กับเรื่องของท่านอ๋อง” สวินโม่ไม่เข้าใจที่นางพูดขมวดคิ้วซ้ำพลางถาม “เกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋อง? ได้ข่าวว่าท่านอ๋องปิดประตูไม่รับแขกเพื่อดูแลใจของพระชายาเป็นเรื่องจริงไหม?” เย่หวินรู้ว่าสวินโม่คือคนของโม่ฉีหมิง เรื่องที่โล่หวินหลานกำลังคิดวิธีรักษาโม่ฉีหมิงจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังเขา “ข้าจะไม่ปิดบังท่าน หลายวันมานี้พวกเรากับพระชายากำลังพยายามอย่างสุดความสามารถทาจะหาวิธีรักษาอาการของขาท่านอ๋องและกำลังคิดช่วยให้ท่านอ๋องกลับมามีใบหน้าให้สมบูรณ์ดังเดิม” “พระชายา? ผู้หญิงคนที่ตอนท่านอ๋องป่วยยังออกไปเถลไถลข้างนอกหรือ?” สวินโม่ยิ้มเย้ยขึ้น พอได้ยินประโยคประชดประชันว่าร้ายคนอื่นของสวินโม่จึงทำให้เย่หวินขมวดคิ้วขึ้น สวินโม่ท่านนี้ดูเหมือนจะยังอคติกับเรื่องของครั้งที่แล้วอยู่ นางพยายามจะอธิบาย แต่ก็ได้ยินเสียงผ่านลอดมาจากด้านล่าง “ข้าก็นึกว่าเป็นใครเสียอีก ที่แท้ก็คือสวิตโม่ คุณชายสวินนี่เอง ยังอุสาห์เจียดเวลาอันมีค่ามาหาพวกเราถึงที่นี่ ลำบากท่านแล้ว” โล่หวินหลานที่ได้ยินว่ามีแขกมาจึงรีบรุจเดินมาที่ห้องโถงทิ้งกองตำราไว้ที่ห้องหนังสือ ล้างหน้าล้างตาเสร็จก็รีบมาที่ห้องโถงทันที ได้ยินบทสนทนาของสวินโม่กับเย่หวินพอดี มุมปากยิ้มยกขึ้นมา สวินโม่ไม่คิดว่าโล่หวินหลานจะปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ รู้ใจใจฝ่อขึ้นมาทันที แต่ก็รีบกลับเข้ากริยาท่าทางเดิมทันที “เย่หวิน ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าช่วยไปรินน้ำชาให้ข้าที ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว วันนี้ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนกับคุณชายสวินโม่” โล่หวินหลานชำเลืองตาไปที่สวินโม่ที่นั่งข้างกัน พลางยิ้มอ่อนๆใฟ้กับเย่หวิน เย่หวินอึ้งไปสักพัก พอตั้งสติได้ก็รีบตอบสนองทันที ยังไม่ทันที่นางจะรินชาให้สวินโม่ พระชายามาเพื่อเตือนสตินางด้วยประโยคเมื่อครู่ ไม่ว่าจะยังไง ต้องรับแขกก็ยังเป็นหน้าที่ที่พึ่งทำ “เพคะพระชายา คุณชายสวินโม่โปรดรอสักครู่” เย่หวินรีบทำตามคำสั่งทันที ภายในห้องโถงก็มีแต่โล่หวินหลานกับสวินโม่สองคน ใครก็ไม่ปริปากพูด บรรยากาศชวนให้อึดอัด “ได้ยินมาว่า ข้าคือหญิงที่ออกไปเถลไถลข้างนอกจากปากคุณชายสวินโม่หรือ?” เย่หวินรีบยกชามาเสริฟอย่างไว โล่หวินหลานรับมาอย่างเบามือ มองไปที่เขาด้วยสายตาเรียบเฉย หลังจากนั้นจึงเม้มปาก แล้วถอนหายใจช้าๆ “สวินโม่ไม่มีท่าทีรีบร้อนที่จะตอบ เพียงแต่ หึ! ในลำคอไปหนึ่งที แล้วดื่มน้ำชาตาม “ใช่แล้วยังไง? ข้าอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ท่านอ่องนานกว่าเจ้า ทำไม เจ้ายังคิดว่าจะให้เขาฆ่าข้าหรือ?” สวินโม้หัวเราอย่างเย็นชา โล่หวินหลานยักคิ้วขึ้น ดูท่าแล้วสวินโม่คนนี้จะมีอคติกับนางมากเป็นพิเศษ เพียงแต่ พูดเรื่องที่จวนหมิงอ๋อง เขามีสมองอยู่ไหม?
已经是最新一章了
加载中